จับ-ออกหมาย "แดงภูมิภาค" เพิ่มอีก "ไทกร" เผยเสื้อแดงจะแบ่งแยกอิสาน

เชียงใหม่จับเสื้อแดงเพิ่มอีกหนึ่งคน ขอนแก่นออกหมายเพิ่ม 87 ราย ผว.ศรีสะเกษเผยช่วงเคอร์ฟิวรวบผู้กระทำผิด 82 ราย ด้าน ไทกร" เผยเสื้อแดงจะแบ่งแยกอิสาน

ตร.สภ.แม่ปิง เชียงใหม่ จับกุมเสื้อแดงที่เผายางรถยนต์หน้าบ้านพัก ปลัด จว.เชียงใหม่ และรถดับเพลิงได้อีก 1 คน
30 พ.ค. 53 - พ.ต.อ.อดุลเดชา อาชวะสมิตระกุล ผกก.สภ.แม่ปิง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จับกุมตัว นายสุจิตร อินทะชัย อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/1 ม.1 ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ คดีที่ จ 225.2 / 24 พ.ค.53 ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์สินของทางราชการ นำตัวส่ง พ.ต.ท.วิศิษฐ์ สืบศรี พนักงานสอบสวน (สบ.2) สภ.แม่ปิง ดำเนินคดี ซึ่งในชั้นการจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อหา

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนั้นยังมีการเผาบ้านพักปลัดจังหวัดเชียงใหม่ และรถดับเพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ จนได้รับความเสียหาย 2 คัน จากนั้น มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในพื้นที่ สภ.แม่ปิง 7 ราย รวมทั้งนายสุจิตร ซึ่งตกเป็น 1 ใน 7 ผู้ต้องหา ส่วนในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 10 ราย โดยจับกุมตัวได้แล้ว 1 ราย

ขอนแก่นออกหมายเพิ่ม 87 ราย
ด้าน พ.ต.อ.ธวัชชัย นิลานุช รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดขอนแก่น ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน คดีก่อเหตุวางเพลิงเผาศาลากลาง จว. สถานีโทรทัศน์ NBT และ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า หลังการออกหมายจับพบผู้ต้องหาคดีดังกล่าวแล้ว สามารถติดตามผลจับกุม ผู้ต้องหา ได้ทั้งหมด 50 ราย โดยเป็นเหตุวางเพลิง 18 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกนำไปขออนุญาตจากศาล นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น อีก 42 ราย เป็นการฝ่าฝืน ประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงขอนแก่นแล้ว เช่นกัน พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพยาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามารถออกหมายจับได้ เพิ่มอีก 87 ราย อย่างไรก็ตาม หลังการยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิว เมื่อคืนที่ผ่านมา ทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่น ยังคงเป็นไปตามปกติ

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผย ช่วงเคอร์ฟิว รวบผู้กระทำผิด 82 ราย ด้าน ผบก.ภ.จว.ประเมินสถานการณ์โดยรวมยังปกติ สามารถควบคุมได้
ด้านนายกองเอก วิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าสถานการณ์โดยทั่วไปจังหวัดศรีสะเกษยังคงปกติ ที่ผ่านมาจังหวัดได้เน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์เชิงบวกสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนต่อสถานการณ์
ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็ต้องขอขอบคุณชาวศรีสะเกษ ที่ไม่ออกมาสร้างความวุ่นวาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของจังหวัด รวมทั้งยังได้ช่วยกันดูแล ป้องกันบุคคลจากต่างถิ่นที่จะเข้ามาก่อความเดือนร้อนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษอีกด้วย

นายกองเอก วิลาศ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ในห้วงของการประกาศเคอร์ฟิว ได้มีประชาชนทำผิดกฎหมายและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดี 82 ราย เมื่อมีการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว ก็ยังมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะได้สร้างความเข้าใจแก่แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหว ฝ่ายการเมือง และประชาชนทุกคน และที่มั่นใจที่สุด คือ เชื่อว่าคนศรีสะเกษรักความสงบไม่ทำลายจังหวัดของตัวเอง

ด้าน พล.ต.ต.กรกต สาริยา ผบก. ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวถึง สถานการณ์โดยทั่วไปของจังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว ว่า สถานการณ์ยังคงปกติ เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทุกอย่าง โดยในช่วงประกาศเคอร์ฟิวที่ผ่านมา จากการสืบสวนทางการข่าวพบว่า ไม่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนแต่อย่างใด และจากการประเมินภาพรวมร่วมกันหลายภาคส่วน รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการฯ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ตำรวจ ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ก็มีความเชื่อมั่นว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งสถานการณ์ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ จนถือว่า ขณะนี้สถานการณ์ปกติดีทุกอย่าง

"ไทกร" ปูดแผนแดงแยกแผ่นดินอีสาน
(30 พ.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ ประธานชมรมไทยเป็นหนึ่งเดียว เปิดเผยว่า  กลุ่ม นปช. กำลังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยมีการจัดเตรียมกำลังคน อาวุธ และงบประมาณ เพื่อทำงานในระยะเวลา 2 เดือนนับแต่นี้ไป นอกจากนี้ตนยังได้ข้อมูลมาว่า  กลุ่ม นปช. ได้อาศัยพื้นที่ จ.อะลองเว ประเทศกัมพูชา เป็นฐานฝึกและซ่องซุมกำลัง ก่อนเข้ามากบดานในพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.สกลนครและ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อรอเวลาเดินทางไปปฏิบัติงานที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเสมือนหัวใจทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน
   
นายไทกร กล่าวอีกว่า  เป้าหมายของกลุ่ม นปช. ต้องการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ต่างๆให้ได้ โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน จะคัดเลือกสมาชิก นปช.เป็นแนวร่วมให้ที่พักพิง ให้เสบียง หรือช่วยปกปิดข่าวความเคลื่อนไหว  จากนั้นอีก 6 เดือน  กองกำลังติดอาวุธดังกล่าวจะประกาศเขตปลดปล่อยปกครองตนเองเหมือนกรณีพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตที่ผ่านมา หรือเหมือนบางพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  มีพื้นที่ปฏิบัติการในภาคอีสานตอนบน ร่วมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล เน้นก่อวินาศกรรมเป็นหลัก
   
“รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาแบบรีบด่วน ให้ กอ.รมน.ดำเนินการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน และแยกมวลชนออกจากกองกำลังติดอาวุธ หรือ กองโจรให้ได้  นอกจากนี้ต้องโยกย้ายนายตำรวจระดับหัวหน้าโรงพัก หรือผู้กำกับการ สภ.ต่างๆที่ใส่เกียร์ว่าง ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล และพิจารณาโยกย้ายร่วมกับผู้บังคับบัญชาในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4”นายไทกร กล่าว
   
นายไทกร กล่าวอีกว่า ตนมีข้อมูลด้วยว่า มีนายตำรวจที่มีอำนาจโยกย้ายจัดโผของตำรวจภูธรภาค 4 ได้สนับสนุนกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ โดยดูผลงานจากการออกหมายจับคดีเผาสถานที่ราชการ ที่ออกหมายได้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ  ทั้งที่มีผู้กระทำผิดประมาณ 100 คน แต่ออกหมายได้ 8 คน ส่วนคดีก่อการจลาจลหน้าบ้าน นายประจักษ์  แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย อดีต รมช.คมนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำสำนวนอ่อน เพื่อเอื้อประโยชน์ในการต่อสู้คดีของผู้ชุมนุม  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. จึงควรเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจในการจัดโผโยกย้ายตำรวจภูธรภาค 4 โดยด่วนเพื่อความเป็นธรรมและสงบสุขในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: ไอเอ็นเอ็น, เดลินิวส์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท