Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า กว่าจะเริ่มเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส.ส.ฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นกล่าวในสภา ไม่พอใจกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้มีคณะกรรมการ 3 ฝ่ายเพื่อตรวจสอบหลักฐานทั้งที่เป็นเอกสารและคลิปวิดีโอล่วงหน้าก่อนที่จะนำมาใช้ประกอบการอภิปราย

โดยหลังเปิดการประชุม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้หารือที่ประชุมว่า การกำหนดให้ฝ่ายค้านนำหลักฐานมาเปิดเผยต่อคณะกรรมการ 3 ฝ่ายก่อนที่จะมีการอภิปรายก็เหมือนกับการดูเฉลยก่อนที่จะเข้าห้องสอบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าไม่เป็นธรรม แต่ถ้าเป็นคนที่มาจากพรรคชาติไทยพัฒนาหรือจากพรรคอื่นก็ว่าไปอย่าง

ขณะที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการผลักภาระของประธานมาให้คณะกรรมการ 3 ฝ่าย โดยประธานลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เหมือนในอดีต ซึ่งจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ผิด

ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่นึกไม่ฝันว่าเพื่อนสมาชิกไม่ร่วมมือแล้วยังสร้างปัญหาอีก ตนจึงคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อส่งคลิปมาถึงตน คงตรวจสอบให้ไม่ได้เพราะเวลากระชั้นชิด และจะไม่อนุมัติ เพราะให้สิทธิ์พวกท่านแล้ว ท่านไม่เอากัน ก็ไม่รู้จะเอายังไง...หากคลิปไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการก็จะไม่อนุญาตให้นำมาเปิดในที่ประชุม โดยต้องส่งตรวจสอบก่อน 3 ชั่วโมง ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด ส่วนหากพรรคเพื่อไทยจะนำคลิปมาแถลงข่าวเองนั้น ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้แถลง อย่างไรก็ตามหากคณะกรรมการชุดนี้ยังเหลือเกินครึ่งหนึ่งก็ขอให้ทำหน้าที่ต่อไป แต่หากเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งตนจะทำหน้าที่เอง

จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. จึงเริ่มเข้าสู่การอภิปรายโดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านเป็นผู้กล่าวเปิดการอภิปรายถึงเหตุผลที่จะต้องยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และอีก 4 รัฐมนตรี  ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมทั้งเสนอชื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนายกรัฐมนตรี

นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก โดยยกกรณีการขอคืนพื้นที่สั่งการใช้อาวุธสงครามจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ไม่ได้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ปิดกั้นการรับรู้ประชาชน จึงถือว่านายกฯหมดความชอบธรรมในการทำหน้าที่ รวมทั้งหมดหน้าที่ในการการปรองดองสมานฉันท์ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ต่อไป ท่านควรจะลาออกและให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน นอกจากนี้ตนแปลกใจมากที่เหตุการณ์เผาบ้านเมืองในใจกลางกรุงเทพฯ แต่ไม่สามารถจับกุมคนเหล่านี้ กลับมีการโยนความผิดว่ามาจากผู้ชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้มีการพิสูจน์ให้ชัดเจน โดยคณะกรรมการที่จะมาตรวจสอบต้องตั้งจากคนกลางจริงๆ ซึ่งรายชื่อที่ตนเห็นมาแล้วล้วนเป็นคนของรัฐบาล และคนที่อยู่ข้างกลุ่มพันธมิตรฯทั้งนั้น จะเป็นกลางอย่างไร ตนขอเรียกร้องให้ผลการปฏิบัติการสูญเสีย ต้องพิจารณาให้ชัดว่าการเสียชีวิตมาจากฝีมือใคร

ลำดับต่อมาเป็นการอภิปรายของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย      นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.–19 พ.ค. ที่มีการสั่งให้เกิดการสลายการชุมนุม โดยเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เพราะถือว่าตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถสั่งการให้ทหารตำรวจใช้อำนาจได้ตามใจชอบ เพื่อให้ตนเองและพวกพ้องอยู่ในอำนาจได้ต่อไป ตั้งแต่เหตุการณ์ 10 เม.ย.รัฐบาลใช้คำว่าขอพื้นที่คืน แต่ทหารนำรถถังออกมา มีการโปรยแก๊สน้ำตาและมีคนเจ็บตาย ตัวแทนรัฐบาลไม่เคยไปเยี่ยมประชาชนเลย ที่สะเทือนใจที่สุดคือเหตุการณ์ที่วัดปทุมฯ ท่านนายกฯบอกไม่รู้ใครยิง อ้างว่าชุดดำวิ่งอยู่คนสองคนเท่านั้น ทำไมยิงประชาชนเสียชีวิตเป็นร้อยคน มีคนบาดเจ็บเป็นพันคน การโหมเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง เพื่อปกปิดความเป็นทรราชย์ของตัวนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งให้จับนายกษิตตอนปิดสนามปิดด้วย ส่วนอาจารย์ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์จุฬาฯ ที่บอกว่าจะชุมนุมในอนาคต ยังไม่ทันได้ชุมนุมก็ถูกจับแล้ว

โดยส่วนตัวเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง แต่มีผู้ใช้อำนาจจริงอยู่เบื้องหลัง ระบุคนที่ถูกจับกุมไป ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้กระทั่งการอ่านหนังสือ และสามารถเยี่ยมได้สัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เป็นการกำจัดสิทธิมนุษยชนจนเกิดเหตุ อย่างเมื่อ 50 ปี ฮิตเลอร์ก็อยู่ได้ เพราะเห็นว่าพวกยิวยึดพื้นที่เศรษฐกิจ ตอนนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ เหมือนตอนนี้ที่มีคนเห็นด้วยกับนายกฯอภิสิทธิ์ แต่สุดท้าย ฮิตเลอร์ก็กลายเป็นทรราชย์ จึงขอให้นายกฯรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุม โดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่งการว่ามีความผิด จี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดูแลกองทัพ เพราะคนไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจแล้ว เพราะเห็นอยู่ว่าทหารยิงประชาชน ชี้ประเทศเผด็จการเท่านั้น ที่ใช้ทหารเข้ามาปราบประชาชนโดยไม่ใช้ตำรวจ เช่น ประเทศพม่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงระหว่างที่นายสุนัยอภิปราย ปรากฏว่ามีการประท้วงของส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นระยะ อ้างว่าสัญญาณช่อง 11 ในหลายจังหวัดถูกตัด

หลังจากนายสุนัยอภิปรายจบ นายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า รัฐบาลใช้อำนาจด้วยความระมัดระวัง ยืนยันว่ารัฐไม่มีแนวคิดกล่าวหาผู้ชุมนุมทั้งหมดเป็นผู้ก่อการร้ายและไม่มีแนวคิดสลายการชุมนุมที่เป็นจุดชุมนุมหลัก แม้กระทั่งศาลได้ระบุว่าการชุมนุมเกินขอบเขตสามารถสลายการชุมนุมได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมต่อสถานการณ์ การดำเนินการที่ผ่านมาที่เกิดเหตุขึ้นเพราะมีกองกำลังติดอาวุธใช้ประชาชนที่บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ ซึ่งเป็นโจทย์ที่เราต้องแก้ไขให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด การกล่าวหาว่ารัฐยังคงพ.รก.ไว้เพื่อกวาดล้างคู่แข่งทางการเมืองยืนว่าว่าเราไม่มีนโยบายอย่างนั้น การก่อการร้ายก็ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย การชุมนุมเรียกร้องเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคมก็ต้องแก้ปัญหาด้วยแผนปรองดอง ซึ่งทั้งหมดต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในประเทศ

อภิปรายสภา-เน้นเปิดคลิปสลายชุมนุม
การอภิปรายในช่วงบ่าย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายว่า การสลายการชุมนุมของรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับโยนความผิดให้ผู้ชุมนุม โดยมีประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยพี่น้องประชาชนจำนวนนี้คิดว่าท่านมาโดยไม่ชอบ โดยให้สมญานามว่า “รัฐบาลกู้มาโกง” แต่รัฐบาลใจแคบ อำมหิต ใช้อำนาจไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง สั่งให้ทหารปราบประชาชน มีการกระทำให้เกิดการขัดแย้ง มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม โดยไม่เป็นไปตามหลักสากล ใช้อาวุธสงครามยิงขึ้นฟ้า ทำให้กระสุนที่ตกลงมาอาจทำอันตรายกับประชาชนได้ มีการใช้อากาศยานบินโยนแก๊สน้ำตา สั่งทหารสลายการชุมนุมตอนกลางคืน และโยนความผิดให้แกนนำ นปช.เป็นผู้ก่อการร้าย และโยนความผิดให้ “ไอ้โม่ง” เป็นคนลงมือฆ่าประชาชน

นอกจากนี้น.อ.อนุดิษฐ์ยังได้หยิบยกภาพนำมาแสดงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งข้อสังเกตว่า ในหลายปฏิบัติการของทหารนั้น มีคนนอกเครื่องแบบปะปนอยู่กับทหาร และตั้งข้อสังเกตว่า เกี่ยวข้องกับชายชุดดำหรือไม่ และมีการนำภาพทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส นำมาตั้งข้อสังเกตว่า เกี่ยวข้องกับประชาชนที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามหรือไม่ ทำให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ลุกขึ้นชี้แจงทันที โดยยอมรับว่า เป็นทหารจริง แต่ช่วงเวลาที่ทหารขึ้นไปอยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับในช่วงเวลาที่ประชาชนถูกยิงเสียชีวิต เรื่องนี้ต้องมีการพิสูจน์ว่าภาพถ่ายดังกล่าวเป็นเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. จริงหรือไม่ เนื่องจากการสอบถามยืนยันว่าไม่มีทหารอยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์แต่จะตรึงกำลังแค่บริเวณแยกเฉลิมเผ่า เชื่อว่าภาพถ่ายน่าจะเป็นวันที่ 20 พ.ค. ตอนเข้าไปคุ้มกันมวลชนให้เคลื่อนย้ายออกจากวัดปทุมฯ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ทดสอบได้ในวันข้างหน้า ส่วนกรณีที่กล่าวอ้างว่า เฮลิคอปเตอร์โดนยิงจากกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเป็นความจริงจริง ที่เราจับได้แล้วและยังดำเนินคดีอยู่ ยืนยันว่าท่านนายกฯและตนไม่เคยสั่งการให้ทหารสลายชุมนุมที่ผ่านฟ้า ภาพที่จะแสดงโอกาสต่อไปเราเข้าไปปฏิบัติการเพื่อขอพื้นที่คืนจริง และปฏิบัติตามหลักสากล

ต่อมาร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปราย ว่า รัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมโดยเแพาะกับพระไม่เหมาะสม จึงไม่ไว้วางใจ ด้านนายสุเทพลุกขึ้นชี้แจงว่า การจับกุมทำตามระเบียบของมติมหาเถรสมาคม ส่วนภาพที่จับกุมพระแล้วมัดไว้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่าเป็นคนๆเดียวกับการ์ดนปช.ที่มีอาวุธ พร้อมทั้งนำภาพเปรียบเทียบมาให้ดูด้วยว่าเป็นคนเดียวกัน

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯลุแก่อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีน.ส.กมนเกศ อัคฮาด หรือน้องเกตุ ที่ถูกยิงขณะใส่ชุดพยาบาลอาสาของสภากาชาด ขณะที่กำลังยกคนเจ็บเพื่อช่วยชีวิตอยู่ แต่หลังจากที่น้องเกตุถูกยิงทหารกลับบอกว่าห้ามเข้าไปช่วย ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตน้องเกตุได้ เชื่อว่าทหารอยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่เห็นหรือว่าคนที่ถูกยิงเป็นพยาบาล ที่กำลังช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมอยู่ โดยจุดที่ยิงเห็นได้ชัดว่าเป็นทหารที่ติดริบบิ้นสีชมพูที่หมวก จุดนี้มีคนเสียชีวิต 3 คน

นอกจากนี้นายณรงค์ศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่ได้เข้าร่วมชุมนุมที่ผ่านฟ้าฯ และสี่แยกราชประสงค์ ระบุว่า วันที่ 19 พ.ค. ขณะที่มีการสลายการชุมนุมได้มีทหารยิงปืนเข้ามาจากบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะนี้ได้ถูกยิง 2 นัด จึงทำให้คนทั้ง 5-6 คนเสียชีวิตอยู่ในวัด หากวันนั้นท่านนายกฯสั่งให้นายสุเทพไปมอบตัวที่กองปราบ คงไม่มีเรื่องสูญเสียมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ชี้ให้เห็นว่าคนที่ตาย ตายไปโดยไม่มีเหตุผล ผิดหลักการแห่งเมตตาธรรม ชี้พระทำผิดควรจะให้มหาเถรสมาคมเป็นคนลงโทษ เมื่อวานนี้ หมอตุลย์ บอกเสื้อหลากสีแจกเงินอีก 1 แสนบาทให้คนตาย  แต่เมื่อญาติไปรับได้กลับให้ไปเซ็นชื่อถอดถอน ส.ส.พรรคเพื่อไทย บอกให้ช่วยไปเซ็นชื่อหน่อย นอกจากนี้เหตุการณ์ไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์และสยามมีทหารอยู่เต็มพื้นที่ หากทหารทำอะไรบ้างก็คงไม่เกิดเพลิงไหม้

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า การจับกุมดำเนินการได้ตามมติมหาเถรสมาคม ช่วงเวลา 19 พ.ค. เกิดเหตุไฟไหม้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ เมื่อประกาศยุติการชุมนุม แกนนำเดินทางเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งปฏิบัติการทั้ง 4 ทิศ มีแนวทางชัดเจน คือเข้าจากศาลาแดงช่วงเช้าตรู่ หยุดที่แยกสารสิน เป็นบริเวณที่มีปัญหาการต่อสู้ โดยเฉพาะจากตึกบางกอกเคเบิ้ล ตรงแนวถนนเพลินจิต ไม่สามารถเข้าถึงแยกราชประสงค์ได้ในช่วงค่ำ ติดอยู่ที่ชิดลม ที่ราชปรารภและพระราม1ไม่ได้เข้ามา เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน แกนนำผู้ชุมนุมประกาศว่าขอให้เดินทางไปที่พระราม 1 สนามกีฬา

ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าวอาจจะเกิดการปะทะกันได้ จึงไม่ได้เข้าไป กระทั่งเกิดเหตุที่โรงหนังสยาม สยามสแควร์ เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานให้ช่วยเหลือและพยายามคุ้มครองรถดับเพลิงที่จะเข้าไปสกัด ส่วนเหตุการณ์ที่วัดปทุมฯต้องมีการตรวจสอบ เพราะทหารไม่มีความจำเป็นต้องทำร้ายพี่น้องประชาชน มีเพียงรายงานว่าขณะดับเพลิงที่โรงหนังสยาม ก็มีการยิงต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธที่พารากอน มีหลักฐานเป็นรอยกระสุนในการยิงตอบโต้ที่สามารถตรวจสอบได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในวัดปทุมฯ เราทราบปัญหา คืนวันที่ 19 พ.ค. ได้รับการประสานจากอาสาสมัคร ทราบว่ามีบุคคลที่น่าจะเสียชีวิตและบาดเจ็บ มีทั้งอาสาสมัคร ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ตนและเพื่อนรมต. พยายามประสานให้รถพยาบาลเข้าไปรับออกมา ซึ่งใช้เวลานานมาก เพราะไม่สามารถคุ้มครองรถพยาบาลนำคนเจ็บออกมาได้ เป็นการยืนยันว่าการยิงหรือการต่อสู้ยังมีอยู่ ทำให้การเข้าถึงบริเวณวัดทำได้ยากมาก ทราบว่าคนถูกยิงที่วัดปทุมฯมีหลายรายถูกยิงในเต็นท์พยาบาล น่าสะเทือนใจมาก เราพยายามหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีการพูดว่ายิงจากสกายวอล์คหรือบีทีเอส ขอเรียนว่าบนทางเดินต่างระดับหน้าวัด ถ้าจะมาต้องมาจากทิศทางราชประสงค์ เพราะจากสยามสแควร์มีประตูปิดล็อก

ปัจจุบันเรามีเรื่องของการชันสูตรจากผลนิติเวชที่ดูการเสียชีวิตซึ่งจะเปิดเผยต่อไป โดยสรุปจาก 6 คน 4 คนชัดเจนยิงจากแนวราบไม่ใช่ที่สูง ต้องมีการติดตามและสอบข้อเท็จจริงต่อไป ตนเข้าใจดีว่าพวกเราแต่ละคนไม่ต่างกันเมื่อเกิดความสูญเสียในเขตอภัยทาน เต็นท์พยาบาล กรณีน.ส.กมนเกศ เรารู้สึกไม่ต่างกันและให้ความเป็นธรรมทุกคน การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่เผาแค่ครั้งเดียว แต่พยายามทำครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เมื่อไฟจะดับ

"สุชาติ" จี้นายกฯ ขอโทษ ปชช. โชว์ภาพพระ 5 รูปถูกขัง "สุเทพ" โต้ไม่ใช่พระแค่ "คนห่มผ้าเหลือง"
เมื่อเวลา 16.06 น. วันที่ 31 พ.ค. นายสุชาติ ลายน้ำเงิน   พรรคเพื่อไทย จ.ลพบุรี   อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ว่า  ความช้ำใจของคนเสื้อแดง  ซึ่งนายกฯ ยังไม่ออกมาขอโทษ ประชาชน   ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน จนถึง 19 พ.ค.  เป็นการกระทำที่รุนแรงกว่า เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ มาสภา ไม่ได้  เพราะเจอคนขาขาดจึงเข้าสภาไม่ได้

เหตุการณ์ความรุนแรง ที่ รัฐบาลเอาทหารมาสลายการชุมนุม ทั้งๆ ที่เป็นคนที่มาชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ  ทำให้น้ำตาท่วมแผ่นดิน จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ยินนายกฯขอโทษ  เมื่อรังแกกันได้  สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง    ต่อไปทหารจะเดินถนน ไม่ได้ เหมือน 14 ตุลาคม 2516   ประชาชนเกลียดทหาร วันนี้ ทหารโดนคำสั่งนายกฯ กับ นายสุเทพ ที่สั่งให้ทหารมาคืนพื้นที่ เหมือนกับที่วันนี้ ตนเองจะขอคืนพื้นที่สภา

"ผมอภิปรายในประเด็นเรื่องศาสนาพุทธ   นายกฯ ไม่ได้ไปดูพระที่ถูกทหารจับ   ฟังแต่รายงาน    ขณะที่นายสุเทพ บอกว่า คนห่มผ่าเหลือง ขอให้ดูน้ำตาของพระ    ภาพที่หลุดออกมา เอาเชือกมัดไพล่หลัง ดูน้ำตาของพระ  พระรูปนี้ ชื่อ พระประเสริฐ   สุรปัญโญ  อายุ 48 ปี  คนลพบุรี  พระองค์นี้ อยู่บ้านผม  เป็นคนที่คนในอำเภอท่าวุ้ง นับถือ  อีกรูปหนึ่ง พระศรีอริยะ  อริวังโส  "

อีกรูป พระสมบูรณ์   มุทุกัณฑ์ ถูกจำคุกแดน 9  เป็นพระจาก จ.อุบลราชธานี    พระมาเพื่อจะมาบอกว่า อย่ายิงประชาชน   อีกรูปคือ พระบุญมี  วัดโชคอำนวย จ. อุบลราชธานี ถูกจำคุก แดน 9 ไม่ได้เปล่งวาจาสึก องค์ที่ 5 พระสุนัย ขาวอ่อน อายุ 48 ปี  จ.อุดรธานี ติดคุกอยู่แดน 6

ในช่วงที่นายสุชาติ  โชว์รูป ปรากฏว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน ประท้วง ว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาเปิดเผยในสภา นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส. ประชาธิปัตย์ ประท้วงว่า พระที่มาชุมนุม ไม่ชอบ  เพราะมหาเถรฯห้ามพระมาชุมนุม เพราะไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ

นายสุชาติ กล่าวไปถึงการที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า การไปล็อคบัญชีของนักการเมืองหลายคน ไม่น่าเชื่อถือ เช่นนาง พิมพา จันทร์ประสงค์   ซึ่งไม่ได้เป็นส.ส. เพื่อไทย  แต่โดนอายัด

"ไม่บ้าก็เสียสติ  ไม่มีการตรวจสอบ  ไม่พอใจก็ใส่ชื่อ ผมมีเงินในบัญชี  850 บาท มาสภาขอเงินเมีย   โดนอายัดบัญชี ศอฉ. มั่วมาก  ตอนนี้ มีข้อมูลว่า บริษัทหนึ่งที่ถูกล็อกบัญชีแจ้งว่า   พลโท คนหนึ่ง ใครอยากปลดบัญชี แล้วจะปลดให้  ไปเช็คดูว่า จริงไหม   วันนี้ทหารเสียหมดแล้ว "

ต่อมา  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ชี้แจงว่า  เรื่องพระ จะกระทบกระเทือนความรู้สึกประชาชน พฤติกรรมในที่ชุมนุม แยกแยะได้ยากว่าเป็นพระหรือคนห่มผ้าเหลือง  ขณะอภิปรายนายสุเทพ ได้โชว์รูปจาก เอเอสทีวี ว่า พระที่ถูกอ้างคือ คือนายสุปัญญา

"4 คนไม่ได้เป็นพระ วันนี้อยู่ในคุก เพราะเป็นผู้ต้องหา จับกุมได้ซึ่งหน้า เป็นความผิดซึ่งหน้า จับได้หน้าบริษัทบางกอกเคเบิล วันที่ 19 พ.ค.   มหาเถรสมาคม บอกว่า ความผิดซึ่งหน้า  สามารถสึกได้  และขณะจับกุม ไม่มีผ้าเหลืองแล้ว   ถ้าพระไม่ตีทหาร จะถูกจับหรือไม่  อยู่ในที่อโคจร เป็นแค่คนห่มผ้าเหลือง  จะหาว่า ผมไม่ใช่คนพุทธ ผมบวชที่วัดสวนโมกข์  "นายสุเทพ กล่าว

นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังเปิดข้อมูลว่า ไปตามสอบพระที่นายสุชาติ กล่าวอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่

"วรวัจน์"เปิดคลิปยันทหารอยู่บนรางรถไฟฯ "สุเทพ"โต้ศพในวัดปทุมฯ อาจเป็นคนร้ายที่ถูกยิงแล้วหนีเข้าไปตาย
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 พ.ค. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อมกับเปิดคลิปยืนยันว่า ผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลบอกว่าเป็นคนทำร้ายประชาชน เป็นภาพวันที่ 19 พ.ค. ช่วงเย็นโดยอ้างว่าเป็นภาพในวันที่ 19 พ.ค. มีควันไฟที่ปรากฎที่ตึกสยามพารากอนถูกเพลิงไหม้ ในภาพปรากฏภาพคนที่ยืนซุ่มอยู่บนสกายวอล์คทางเดินรถไฟฟ้าในหลายจุดหันหน้าไปทางวัดปทุมวนาราม จากนั้นได้เปิดคลิปประชาชนที่เข้าไปหลบในวัดวิ่งแตกตื่นโดยมีเสียงกระสุนปืนดังขึ้นมาประชาชนวิ่งอยู่ในวัด

นายวรวัจน์ กล่าวชี้แจงว่า คลิปที่นำมาเปิดควันไฟหายไปในตอนแรกและยืนยันว่าถ้าไม่มีควันไฟขอลาออกจาก ส.ส. ขอให้วิปไปดูควันไฟที่ห้องได้เพราะเอาคลิปมาเปิดผิดอันยืนยันว่าคลิปที่นำมามีควันแต่เมื่อมาเปิดในสภาแล้วควันหายไป จากนั้นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ประท้วงว่ามีการตัดต่อคลิป

นายวรวัจน์กล่าวว่า ภาพนี้ถ่ายโดยกล้องวิดีโอและกล้องถ่ายรูปต่อเนื่องกันมาก ทุกภาพเป็นภาพบริเวณเดียวกันทั้งหมดอยู่บริเวณหน้าวัด ท่านบอกว่าเป็นเวลาอื่น คือ วันที่ 20 พ.ค. แต่เท่าที่เรียกเวลาจากกล้องมาดูจะพบว่าถ่ายเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เวลา 18.18 น.ภาพขนาด 3056 พิกเซล กล้องดีเอสแอลอาร์ 350 โฟกัส 300 มม. สปีด 400 เป็นสิ่งที่ออกมาจากกล้องไม่สามารถบิดเบือเชนเวลาได้  ยืนยันได้แล้วว่าใครยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้า จะมีทหารยืนอยู่บนรถไฟฟ้ามีสติ๊กเกอร์สีชมพูติดที่หมวก แม้แต่รถถังก็เป็นสีชมพู จุด ณ ตรงนั้นเป็นทหาร ซึ่งรองนายกฯบอกว่าเป็นทหาร แต่สุเทพบอกว่าเป็นวันที่ 20 พ.ค.

จากนั้นได้เปิดคลิปที่อ้างว่าทหารยิงเข้าไปในวัด มีภาพประชาชนที่หลบอยู่ในวัดวิ่งวุ่นเป็นคลิปของสำนักข่าวต่างประเทศทีทกำลังรายงาน นายวรวัจน์ได้กล่าวว่า "เห็นตัวฆาตรกรหรือยัง อย่าบอกนะว่าทหารตรงนั้นเป็นคนภายนอก เรียนย้ำอีกครั้งว่าวันนี้ท่านปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นทหารแน่นอนและมีการยิงไปในวัดมีพยานเต็มไปหมด คนตายในวัดปทุม 6 ศพ ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ "

"ผมกำลังกล่าวหาว่ารัฐบาลสังหารหมู่คนทั้งแผ่นดินรู้หมดใครฆ่า เหตุการณ์วัดปทุมฯ เริ่ม 18.00 น. ตอนนั้นนาย กิตติชัย แข็งขันถูกยิงที่มือด้านขวาและหลัง โดยศพแรกที่ถูกยิงคือ นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ตอนนั้น นายมงคล เข็มทอง ้จ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง ได้เข้ามาช่วยนายอัฐชัย เข้าไปลากศพถูกยิงตายเป็นคนที่สอง เวลา18.30 น. น.ส.กมลเกด อัคฮาด เจ้าหน้าที่อาสากำลังหมอบอยู่ก็ตายไป 1 คน พอ 1 ทุ่มมีอาสาทำงานประชาสัมพันธ์ในวัดถูกยิงตายนายอัครเดช ขันแก้ว ดิ้นทุรนทุรายอยู่นานแต่ไม่มีใครช่วยได้เป็นศพรายที่ 5 และศพที่ 6 ไม่ทราบชื่อ  หลังจากบ่ายโมงครึ่งแกนนำได้ประกาศให้ทุกคนยุติ ตอนนั้นทหารคุมบนรางรถไฟฟ้า นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลพยายายามบอกว่ามีการเผาเกิดขึ้นีรัฐบาลจะตอบได้อย่างไรว่าคนเผาเป็นใคร ผมมีภาพมือเผา เป็นคนหนึ่งที่ร่วมขบวนการเผา " พร้อมชูภาพหนุ่มผมยาวสวมสายรัดข้อมือสีเหลืองกับสีฟ้า นายวรวัจน์กล่าว

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้มีประโยชน์อะไรที่ต้องมาเถียงกันใครเผาบ้านเผาเมืองใครทำร้ายประชาชนยิ่งกล่าวหาเขาแรงต่อต้านอย่างรุนแรงขึ้น วันนี้ทุกคนในประเทศไทยผิดหมด อย่าคิดว่าตัวเองถูกหมดจะไม่มีใครชนะ แต่ท่านมีส่วนในการสังหารหมู่ประชาชนในครั้งนี้ ถ้าตระหนักว่าต่างคนต่างผิด ถอยคนละก้าว ไม่เห็นผลว่าการไล่ล่าประเทศจะได้อะไร ทำให้การเมืองเป็นการเมือง ต้องเยียวยาไม่ใช่ไล่ล่า 

จากนั้นเปิดคลิปที่ 3 ใครคือคนยิงประชาชนนายวสันต์ ภู่ทอง นายวรวัจน์ กล่าวว่า ภาพนี้ชัดมากอยากเห็นชัดๆ ไหมว่าใครยิงไม่เอาเรื่องเท็จมาคุยในสภาเพราะว่าไม่ใช่นิสัยของพวกเรา จากนั้นเป็นคลิปที่ 4 เจ้าหน้าที่ทหารประทับปืนยิงวันเหตุการณ์ 10 เมษายน

ขณะที่ นายศิริโชค  โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแย้งกรณีที่นำเสนอคลิปวิดีโอผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงวิ่งหลบกระสุนที่เจ้าหน้าที่ทหารยิงใส่ผู้ชุมนุม ว่า ตามข่าวที่รายงานเป็นการรายงานว่ามีการยิงตอบโต้กันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหารไม่ใช่ทหารไล่ยิงประชาชน

อาคมหน้ามืด ต้องหามออกนอกห้องประชุม
ทั้งนี้ในการอภิปรายไม่วางใจที่รัฐสภา ระหว่างที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กำลังอภิปรายถึงการเปิดคลิปวิดีโอที่ระบุว่า กลุ่มทหารยิงประชาชนผู้ชุมนุม ทำให้นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ มีหน้าที่รับผิดชอบทีมงานที่เฝ้าระวังการใช้คลิปในการอภิปราย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่าไม่เป็นความจริง จากนั้นเกิดอาการหน้ามืด เหงื่อแตกทั่วร่างกาย ต้องนั่งดมยาดมและให้นั่งลงสักพัก จากนั้นเพื่อนส.ส.ได้นำตัวออกนอกห้องประชุมทันที

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนนั่งใกล้นายอาคมและได้พูดคุยตลอด รู้ว่านายอาคมเครียดมากตั้งแต่ช่วงที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ยกประเด็นทหารจับพระสงฆ์ แม้จะมีส.ส.หลายคนออกมาประท้วงแต่ไม่สำเร็จ นายอาคมจึงได้ลุกขึ้นประท้วงด้วยตนเอง ในฐานะอดีตรมช.ศึกษาธิการที่เคยดูแลกรมศาสนามาก่อน ทำให้มีภาวะเครียดสะสม เมื่อมาเจอกรณีของนายวรวัจน์ ที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และได้ลุกขึ้นประท้วงซ้ำด้วยสีหน้าแดงก่ำ จนเหงื่อออกทั่วร่างกายจนช็อค

จากนั้นเพื่อนรัฐมนตรีและส.ส. เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ต้องให้ยาดม ก่อนประคองตัวอกจากห้องประชุม และเรียกให้รถพยาบาลของหน่วยนเรนทรมารับตัวไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งระหว่างที่นำนายอาคมนั่งรถเข็นก่อนขึ้นรถพยาบาลนั้น นายอาคมได้อาเจียนออกมาด้วย จากนั้นนำตัวส่งรพ.วิชัยยุทธ เพราะมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง

จากนั้น เมื่อเวลา 18.30 น. นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงเหตุการณ์ในวัดปทุมฯ ที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ยกขึ้นมาเป็นประเด็น ขอยกคลิปและแผนที่ที่แสดงที่ตั้งวัดปทุมฯ และสถานที่ตั้งบีทีเอส และสี่แยกปทุมวันฯ เมื่อสักครู่ที่ได้นำภาพทหารมาอภิปราย คงสร้างความสับสนใหกับพี่น้องประชาชน และก็นำเหตุการณ์ 19 พ.ค. แล้วก็ย้อนไปคลิปอื่นๆ ทำให้คนเข้าใจสับสน ขอใช้เวลาชี้แจงว่า ในวันที่ 19 พ.ค. เฉพาะส่วนปทุมวัน และมาถึงวัดปทุมวนาราม กำลังเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ได้รับคำสั่งให้อยู่ในที่ตั้งเดิมคือบริเวณหน้าสนามกีฬา โดยได้รับคำสั่งไม่ให้เคลื่อนเข้ามา เพื่อเปิดทางให้ผู้ชุมนุมเดินออไปได้ และอยู่ตลอดจนถึวเวลาบ่าย 3 โมง จนเกิดการวางเพลิงที่สยามแสวคร์ และเซ็นทรัลเวิร์ล จึงสั่ง กทม.นำรถไปดับเพลิง และขอให้เจ้าหน้าที่จัดกำลังเข้ามาคุ้มครองรถดับเพลิง ตอนแรกมา 20 คน มาคุ้มครองรถดับเพลิงของกทม. แต่ก็ถูกยิง จนต้องถอยไปที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ตอนที่ถอยคือ 16.30 น. แล้วก็จัดกำลังใหม่ เป็น 1 กองร้อย เพื่อคุ้มครองรถดับเพลิงทำงานได้

"จุดที่เคลื่อนเข้ามาก็มาที่ด้านล่างด้วย พบผู้ก่อการร้ายยิงสู้ขึ้นมา ตอนยิงปะทะเวลา 18.30 น. มีคนร้าย อยู่ตรงหัวมุมวัดปทุมฯ คนร้ายที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่อยู่มุมซ้ายสุดติดกับสยามพารากอน แล้วก็ปืนเข้าไปในวัด และเข้าใจว่าถูกยิง ไม่รู้ว่าเข้าไปตายในวัดหรือไม่" นายสุเทพ กล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ถอนกำลัง เพราะถ้าคืนเดินหน้าไปก็จะมีการปะทะกัน จะมีประชาชนได้รับลูกหลง จึงขอเรียนว่า วันที่ 19 พ.ค. หลัง 18 .30 น. ไม่มี เจ้าหน้าที่อยู่บนรางรถไฟบีทีเอสแน่นอน

"ผมอยากจะเรียนว่าเรื่องนี้เดี๋ยวคงมีการพูดกันอีก แล้วจะมีการพิสูจน์ภาพนี้กันอีก รวมทั้งพิสูจน์วิถีกระสุนที่ใช้ยิง ขอกราบเรียนแค่ว่าการปะทะนั้นอยู่ที่มุมซ้ายของวัด ไม่ใช่ที่หน้าวัดปทุมฯ ตรงจุดนี้ไม่ตรงกับคุณวรวัจน์อภิปราย วันที่ 19 พ.ค. เวลา 18.30 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารโดยเด็ดขาด" นายสุเทพ กล่าว

นอกจากนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯ ตน และเจ้าหน้าที่ ศอฉ. ยันไม่มีใครที่กล่าวหาว่า นปช. เป็นผู้ก่อการร้าย เฉพาะบางคนที่เอาอาวุธมาใช้ แล้วแฝงตัวในการชุมนุมเท่านั้น มีประชาชนที่มาชุมนุมด้วยใจบริสุทธิ์ ส่วนมาก ตัวร้ายมีไม่กี่ตัวหรอก ยิงอาสาสมัคร ยิงประชาชน และยิงแม้กระทั่งคนเสื้อแดง กรณีที่พูดถึงการไล่ล่า

นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดร เพื่อไทย ประท้วงว่า รองนายกฯ ได้พูดเท็จกลางสภาฯ มากล่าวหาคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย และมีการออกหมายจับได้อย่างไร

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้กล่าวหากคนเสื้อแดงทุกคนเป็น ผู้ก่อการร้าย ส่วนใครจะเป็นผู้สนับสนุนหรือให้การช่วยเหลือก็ว่ากันไปตามคดี อยากจะเรียนว่าที่นายวรวัจน์ พูดเรื่องคนแม่นปืน จะเรียนว่าทหารไม่ได้มีการส่งคนแม่นปืนไปบนแยกคอกวัว หรือรร.สตรีวิทยา พื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมยึดครอง เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ได้ แต่มีคนร้ายใส่ชุดดำยิงทำร้าย ประชาชน และเจ้าหน้าที่ตายเป็นจำนวนมาก ภาพที่ส.ส.แพ่รนำมาแสดง ไม่ใช่เหตุการณ์ 19 และ20 พ.ค. แต่เป็น 15 พ.ค. เวลา 16.00 น. ตนมีชื่อทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ เป็นบริเวณที่ซอยงามดูพลี

พท.โชว์ภาพทหารซุ่มยิงปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายช่วงค่ำส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการประท้วงและปะทะคารมเป็นระยะ โดยเฉพาะช่วงที่ นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พท. จะอภิปราย นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. ปชป. ลุกประท้วงว่าจะให้ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอภิปรายได้หรือไม่ ขอให้ประธานยืนยัน ซึ่งนายชัยกล่าวว่าตอนนี้ยังไม่มีคำพิพากษา ส่วนนายวิเชียร กล่าวว่า นายกษิตถูกกล่าวหาข้อหานี้ ยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศได้
 
ทั้งนี้ในการอภิปรายของนายวิเชียร ยังได้อภิปรายพร้อมนำภาพขึ้นมาหักล้างคำชี้แจงของนายสุเทพ ที่ระบุว่า ผู้ก่อการร้ายเป็นผู้ใช้ปืนสไนเปอร์ซุ่มยิง โดยนำภาพทหารซุ่มยิงตอนกลางคืน 1 รูป และทหารอยู่บนตึกซุ่มยิงตอนกลางวัน 2 รูป รูปทหารยิงเอ็ม 16 มีลูกออกจากรังเพลิง 1 รูป ซึ่งนายสุเทพชี้แจงว่าหลังวันที่ 10 เมษายน มีทหารสูญเสีย จึงให้มีพลแม่นปืนทางราบเพื่อป้องกันความสูญเสีย นอกจากนี้ภาพที่ผู้อภิปรายนำมาแสดงเป็นคนละที่คนละเวลานำมากล่าวอ้างไม่ได้ 

อัดแทรกแซงสื่อใช้ช่อง 11 ให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม
นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พท. อภิปรายว่า เรื่องการแทรกแซงสื่อและปิดกั้นสื่อรวมถึงการใช้ช่อง 11 ให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามแต่เพียงฝ่ายเดียวทั้งที่ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ และการให้คนของพันธมิตรฯมาจัดที่ช่อง 11 ซึ่ง นายสาทิตย์ ชี้แจงว่า รายการไหนให้ร้าย ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้เสนอเอง แต่ที่สื่อของรัฐต้องทำหน้าที่อย่างหนักเพราะมีการใช้บางสื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองปลุกระดม รัฐบาลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย และเมื่อมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้อำนาจตามพ.ร.ก.นี้หากมีสื่อที่ปลุกปั่น บิดเบือน ไม่เลือกปฏิบัติ  กรณีช่อง 11 ที่เมื่อเช้าฝ่ายค้านกล่าวหาว่าปิดกั้นไม่ถ่ายทอด ตนตรวจสอบแล้ว พบว่าสถานีภาคพื้นดินขอนแก่นดำเนินการไม่ได้ เพราะคนเสื้อแดงเผา ทำให้จังหวัดใกล้เคียงมีปัญหารับสัญญาณจากเสาปกติตามไปด้วย ส่วนกรณีรับสัญญาณจานดาวเทียมมีปัญหาการออกอากาศเนื่องจากได้เปลี่ยนจากไทยคม 2 เป็นไทยคม 5 เพราะไทยคม 2 หมดอายุวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ แต่ได้ทำสปอทชี้แจงตั้งแต่ 26 พฤษภาคมแล้ว  
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชี้แจง ส.ส.เพื่อไทยประท้วงเป็นระยะโดยหลายคนระบุว่า ระหว่างที่ฝ่ายค้านอภิปรายในวันนี้ ยังมีตัววิ่งในเชิงตำหนิส.ส.เพื่อไทยตลอดทางช่อง 11 ว่า อภิปรายสร้างความแตกแยก แต่นายสาทิตย์ ชี้แจงยืนยันว่า ตรวจสอบแล้วไม่มีอย่างที่กล่าวหา 

นายกฯ ไม่คิดใช้อำนาจไล่ล่า ยันพร้อมปรองดอง
เวลา 18.40 น. วันที่ 31 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นคนเสนอแผนปรองดอง ซึ่งตอนนั้นผู้สนับสนุนต่อว่าตน บอกว่าอ่อนแอ ไมเอาจริงจัง ไม่บังคับใช้กฎหมาย บางคนกล่าวร้ายรุนแรงว่า ไปฮั้วกับผู้ก่อการร้ายก็มี แต่ตนก็แสดงเจตนาที่ชัดว่าถ้ายังมีทางออกการเมืองก็ทำ ตนก็เสนอแผนนั้นไป แม้ว่าแกนนำจะพูดว่าจะเข้าสู่แผนปรองดอง แต่เวลาผ่านไป 7-8 วันก็ยังเลิกการชุมนุมไม่ได้ ก็มีการสำรวจความเห็นประชาชน 70-80% บอกว่าอยากให้เข้าสู่แผน และยุติการชุมนุม ดังนั้นคงไม่เป็นธรรมที่จะว่าตนไม่พยายมมแก้ปัญหา ตนเป็นฝ่ายริเริ่ม และฝ่ายถูกปฏิเสธ

"จะปรองดองหรือใช้อำนาจไล่ล่า ผมก็ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีเจตนาไล่ล่า หรือขจัดคู่แข่งทางการเมือง เพราะที่สุดหนีไม่พ้นระบบพรรคการเมือง และการเมืองจะเดินหน้าได้ต้องทำงานด้วยกัน แต่ว่าวันนี้ตนพยายามแยก แต่ท่านกลับไม่ยอมรับว่าผมแยก ใครเกี่ยวข้องกับความรุนแรง กับพวกติดอาวุธ ต้องรับโทษตามกฎหมาย ใครบริสุทธิ์ เราก็ต้องดูแล ปรองดอง เยียวยา แก้ปัญหา ผมไม่อยากมองภาพย้อนไป ที่เวลามีการชุมนุมแล้วพูดว่าการเคลื่อนไหวชุมนุมล้มอำมาตย์ก็แล้วแต่ ใช้มวลชน พรรค และกองกำลังติดอาวุธ ผมขอให้ปรองดองแล้วชาติเราจะไปได้" นายกฯ กล่าว

ไพจิตร ศรีวรขาน อภิปราย 2 วิกฤต ประชาธิปไตย-ยุติธรรม นายกฯอภิสิทธิ์แชมเปี้ยน 100 ศพ ถูกประท้วง
เวลา 20.45 น.   นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส. จังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย  กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในประเด็นการสลายการชุมนุมว่า ปัจจุบันมี 2 วิกฤตในบ้านเมือง  วิกฤตแรกคือ ประชาธิปไตยในรอบ 20 ปี มีการฉกฉวยช่วงชิง มีโสเภณีการเมือง และสองมีวิกฤตเรื่องความยุติธรรม   ไม่ได้มาตรฐาน

วันที่ 18 พ.ค.  เวลา 18.00 น.  กลุ่มวุฒิสภา พยายามเชื่อม ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง มีการเจรจา แกนนำ บอกยินดียุติชุมนุม มีการมอบหมายคณะทำงาน  แต่เลขาธิการนายกฯ บอกว่า หมดเวลาแล้ว  เป็นเพราะความอำมหิตในใจของนายกฯ   ทั้ง ๆที่ยังมีเวลาอีก 12 ชั่วโมง

วิกฤตความยุติธรรม เช่น กรณีเขายายเที่ยง ยึดต้นน้ำ แล้วบอกว่า ขาดเจตนา แต่คนอยู่ตีนเขาถูกจำคุก  ยึดสนามบิน 2 ปีไม่มีจับกุมคุมขัง แต่ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. )ยึดราชดำเนิน ถูกดำเนินการ  คนกลุ่มหนึ่งทำอะไรก็ได้ ไม่ผิดกฎหมาย   การชุมนุม 12 พ.ค. ยังใส่ร้ายว่า รับจ้างมา ทำเพื่อคนๆ เดียว     กลุ่มนปช. มาเรียกร้องให้ยุบสภา ไม่เห็นต้องเอาปืนไปยิงเขา  การชุมนุมโดนสงบ สันติคือ เสน่ห์ของประชาธิปไตย แต่นายกฯและนายสุเทพ เหิมเกริมในการใช้อำนาจ

นายไพจิตร ได้นำรูป เอาทหารและบังเกอร์ มาล้อมสภามาแสดง เป็นรูปแรก    ในวันที่ 7 พ.ค. มีการยกระดับจาก พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ มาเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ   ขณะที่ คนเสื้อแดงโกรธที่ปิดสถานีพีเพิลแชลแนลก็มาล้อมสภา  ขณะที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง โชว์ระเบิดที่ยึดได้  ในตอนนั้นคนถืออาวุธสงครามคือคนของรัฐบาลเอง  ที่ถือปืนอูซี่   เป็นคนใกล้ชิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่ไม่ถูกดำเนินคดี 

กรณีที่อนุสรณ์สถาน ดอนเมือง ที่ทหารยิงกันเอง   นายสุเทพ เคยบอกเองในสภาว่า" ผมเป็นคนสั่งเอง  และบอกด้วยว่า เป็นกระสุนยาง  ไม่มีเจตนาฆ่าผู้ชุมนุม เป็นการสารภาพกลางสภาว่าเป็นคนสั่ง เรียกว่า ฆาตกร 100 ศพ การสร้างสถานการณ์เพื่อนำสู่การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยใช้กำลังทหารเป็นหลัก "

นายไพจิตร ได้แสดงภาพพลทหาร ที่ถูกยิงตายบริเวณอนุสรณ์สถาน และถามหาความรับผิดชอบทางการเมืองของนาสุเทพ  และอีกรูปคือ ทหารเอาปืนจี้ตำรวจระดับรองผู้กำกับสถานีตำรวจ  ในเหตุการณ์ที่ศาลาแดง เป็นยุทธการเอาม็อบมาชนม็อบ  ขณะที่ตำรวจทำหน้าที่อย่างดี  วิ่งไล่จับผู้สร้างสถานการณ์ที่เข้าไปในแนวทหาร  และมีหนังสือพิมพ์ 22 เมษายน นักข่าวที่รักความเป็นธรรม ทวิตเตอร์รายงานข่าว      อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอภิปรายนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี  พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงตลอดเวลา

นายไพจิตร อภิปรายต่อไปว่า ถึงกรณีการยิงปืนเอ็ม 79 เข้าสถานีศาลาแดง  กรณี นักข่าวต่างชาติ ตายและบาดเจ็บ  เป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เกิดการประท้วงตลอดเวลา    จากนั้นนายไพจิตร ได้เปิดภาพคล้ายทหารถือสไนเปอร์ โดยยืนยันว่าเป็นของจริง

นายไพจิตร กล่าวถึง  นพ. ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ว่าตั้งตนเองเป็นกองการ์ดเถื่อน เป็นพันธมิตรฯที่ขึ้นเวที  เป็นกรรมาธิการฯ เป็นพวกที่ถูกจัดตั้งขึ้นมา เป็นม็อบชนม็อบ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งคนเจ็บคนตาย ถือว่า รัฐบาลเป็นแชมเปี้ยนแล้ว     รัฐบาลทหาร ทั้งจอมพลถนอม  กิตติขจร พลเอกสุจินดา  คราประยูร ยังสู้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ เป็น แชมเปี้ยนฆาตกรร้อยศพ

เชิญ"บุญยอด"ออกนอกห้องประชุม
เวลา 23.05 น. วันที่ 31 พฤษภาคม หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องการเข้าขอพื้นที่คืนที่สะพานผ่านฟ้าฯ-ถนนราชดำเนิน ต่อจากเป็นการอภิปราย ของ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. ขึ้นอภิปรายต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่ก่อนที่นายจตุพร ขึ้นอภิปราย ได้มีส.ส.ประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ ขอหารือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ว่า คัดค้านการอภิปรายของนายจตุพร ว่าไม่มีสิทธิ์อภิปราย เนื่องจากเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นแกนนำกลุ่มนปช. เป็นผู้มีส่วนได้เสียประโยชน์ในการอภิปราย พ.อ.อภิวันท์ วินิจฉัยว่า นายจตุพร มีสิทธิ์อภิปรายได้ จึงทำให้เกิดการประท้วงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามมา

นายสุวโรจน์ พะลัง ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ไม่ได้รังเกียจ แต่สถานะของนายจตุพรเป็นผู้ต้องหา ซึ่งคณะของนายจตุพรก็อยู่ที่ค่ายนเรศวร พ.อ.อภิวันท์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือมายังสภาฯ ไม่มีหมายจับมา ทราบว่า จะมีหมายจับหลังปิดประชุมสภาฯ "ผมวินิจฉัยแล้ว คุณจตุพรยังมีเอกสิทธิ์ ขอให้ฝ่ายรัฐบาลใจกว้างสักนิด เพราะเป็นสิทธิที่จตุพรจะอภิปรายได้"

หลังจากนั้น นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยถามว่า นายจตุพร ขาดการประชุมสภา 53% มีการลาด้วยเหตุผลใด จนทำให้มีการถกเถียงกันรุนแรงมากขึ้น ในที่สุดพ.อ.อภิวันท์จึงต้องเชิญ นายบุญยอด ออกจากสภาในเวลา 23.20 น. "ผม เชิญคุณบุญยอด ออกจากห้องประชุมครับ ขอรักษาความสงบครับ" พ.อ.อภิวันท์ ปธ.สภา 23.20น. ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธ์ ได้ขึ้นอภิปราย ในเวลา 23.25 น.

"จตุพร" อภิปราย ลั่นไม่ใช่ขบวนการล้มเจ้า
เวลา 23.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยยกเรื่องการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์และเครือข่ายขบวนการล้มเจ้า ซึ่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เปิดเผยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า เป็นขบวนการปรักปรำตนเอง แกนนำคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง
      
ระหว่างการอภิปรายของนายจตุพร มี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานผู้ควบคุมการประชุม ได้มีการประท้วงอย่างต่อเนื่องของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล โดยระบุว่า นายจตุพรพูดเท็จ และหยิบยกผู้ที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมขึ้นมากล่าวอย่างไม่เหมาะสม หลังจากนั้น ประมาณครึงชั่วโมง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ ได้สลับขึ้นทำหน้าที่ประธานที่ประชุมบ้าง

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: ไทยรัฐ, มติชน, ข่าวสด
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net