กลุ่มนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เปิดเผยรายชื่อและสถานที่ควบคุมตัวของผู้ที่ถูกจับตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังเหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุม นปช.
วันที่ 3 มิ.ย.2553 กลุ่มนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มีจดหมายเปิดผนึก ถึงรักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้เปิดเผยรายชื่อ และสถานที่ควบคุม ของผู้ถูกจับตามหมายจับและควบคุมตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
เนื้อหาในจม. เปิดผนึกระบุว่า จากการสลายการชุมนุมโดนการใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามของรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมานั้นส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และในเวลาต่อมาศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหมายจับและควบคุมบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในจม.กล่าวถึงข้อมูลจากเว็บไซต์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่ามีหมายจับภายในเขตกรุงเทพฯ และในเขตสำนักงานตำรวจภาค 1 จำนวน 99 หมาย แต่ไม่มีรายชื่อของผู้ถูกจับและไม่ระบุสถานที่ควบคุมบุคคลดังกล่าว ตลอดจนไม่มีการรายงานถึงจำนวนและสถานที่ของผู้ถูกควบคุมตัวหรือมีหมายจับในสำนักงานตำรวจภาคอื่น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแก่ผู้ถูกจับและญาติมิตรที่ไม่อาจทราบถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ถูกจับ และไม่ทราบว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ทางกลุ่มนักกฏหมาย ทนายความและคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่ระบุชื่อในจม. ได้แสดงความห่วงใยโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติต่อผู้ถูกจับกุมในลักษณะที่อาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ต้องได้รับความคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ที่ประเทศไทยมีพันธกรณี โดยสิทธิมนุษยชนตามหลักการดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว กลุ่มนักกฏหมายสิทธิมนุษยชนจึงเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศสถานที่ควบคุมบุคคลดังกล่าวที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกพื้นที่ที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้ญาติและทนายความสามารถติดต่อได้ทันที
จดหมายเปิดผนึก กลุ่มนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เรื่อง ขอให้เปิดเผยรายชื่อ และสถานที่ควบคุม ของผู้ถูกจับตามหมายจับและควบคุมตามพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เรียน รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังจากรัฐบาลได้เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ด้วยการใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยได้รับการประณามและแสดงความห่วงใยจากประชาสังคมโลก อันเป็นที่ทราบกันทั่วไปนั้น ต่อมารัฐบาลโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหมายจับและควบคุมบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจากการเวปไซด์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีรายงานว่ามีหมายจับและควบคุมดังกล่าว ภายในเขตกรุงเทพมหานครและในเขตสำนักงานตำรวจภาค 1 จำนวน 99 หมาย แต่ไม่ปรากฏรายชื่อของผู้ถูกจับและไม่ระบุสถานที่ควบคุมบุคคลดังกล่าว ตลอดจนไม่มีรายงานของสำนักงานตำรวจภาคอื่นๆ ที่อยู่ในเขตท้องที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่ามีจำนวนผู้ถูกจับตามหมายและถูกควบคุมอยู่ที่ใด เช่นกัน ซึ่งการไม่ทราบรายชื่อผู้ถูกจับและการไม่แจ้งสถานที่ควบคุมผู้ถูกจับ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แก่ผู้ถูกจับและญาติมิตร ที่ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ถูกจับ จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ และไม่ทราบสภาพความเป็นอยู่ด้วย กลุ่มนักสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยนักกฎหมาย ทนายความและบุคคลที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ผู้มีชื่อท้ายจดหมายนี้ขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ถูกจับกุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติต่อผู้ถูกจับกุมในลักษณะที่อาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและต้องได้รับความคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ที่ประเทศไทยมีพันธกรณี โดยเฉพาะมีสิทธิได้รับหลักประกันขั้นต่ำดังต่อไปนี้ ข้อ 7 ห้ามการซ้อม ทรมาน หรือปฏิบัติใดๆอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรม ข้อ 9 ข้อ 2 ย่อย ต้องได้รับแจ้งถึงเหตุผลในการจับกุม ในขณะถูกจับกุม และจะต้องได้รับแจ้งถึงข้อหาที่ถูกจับ กุมโดยพลัน ข้อ 3 ย่อย มีสิทธิได้รับการพิจารณาคดีภายในเวลาอันสมควร หรือได้รับการปล่อยตัวไป มิให้ถือเป็นหลัก ทั่วไปว่าจะต้องควบคุมบุคคลที่รอการพิจารณาคดี ข้อ 14 มีสิทธิมีทนายความที่เลือกเอง หากไม่มี รัฐต้องจัดหาให้ ต้องได้รับการสันนิษฐานว่าไม่มีความผิด และมีสิทธิให้การหรือไม่ให้การด้วยความสมัครใจหรือไม่ให้การด้วยความสมัครใจ ต้องได้รับการพิจารณา คดีอย่างเปิดเผย รวดเร็ว โดยสื่อมวลชนสามารถเข้าสังเกตการณ์ได้ สิทธิมนุษยชนตามหลักการดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว กลุ่มนักสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้ 1. ขอให้ประกาศรายชื่อผู้ถูกจับกุมต่อสาธารณะ และประกาศสถานที่ควบคุมบุคคลดังกล่าว ที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกพื้นที่ที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้ญาติและทนายความสามารถติดต่อได้ทันที เพื่อป้องกันข้อครหาว่า รัฐบาลซ้อมทรมานผู้ถูกจับ และหากผู้ถูกจับเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บต้องได้รับการรักษา พยาบาลอย่างเหมาะสม
ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2553 ลงชื่อ น.ส.เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ ทนายความ นายพิทักษ์ เกิดหอม นักกฎหมาย นายศราวุฒิ ประทุมราช ทนายความ น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความ น.ส.ปรานม สมวงศ์ นักกฎหมาย นายนรินทร์ พรหมมา นักกฎหมาย |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)