Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

มีคำถามว่า ฝ่ายเชียร์คนเสื้อแดงที่เอาแต่วิจารณ์ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้วิธีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าและราชประสงค์ไม่เป็นไปตามหลักสากลอย่างอารยประเทศเขาทำกัน ควรย้อมกลับมามองด้วยว่า ม็อบเสื้อแดงเป็นม็อบที่เคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองแบบม็อบอารยะประเทศหรือไม่ (โดยไม่ต้องพูดถึงไอ้โม่งชุดดำ ระเบิดขวด เอ็ม 79 แม้แต่อาวุธ เช่นท่อนไม้ เสาธง บ้องไฟ หนังสะติ๊ก ฯลฯ ม็อบอารยประเทศเขาทำกันแบบนี้หรือไม่?)

คนที่ตั้งคำถามเช่นนี้ อาจไม่ได้ต้องการจะบอกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์มีความชอบธรรมที่จะสลาย “ม็อบอนารยะ” ด้วยวิธีที่อนายระยิ่งกว่า แต่สำหรับเสื้อเหลือง เสื้อหลากสีที่คัดค้านการยุบสภาและเรียกร้องให้ใช้กฎอัยการศึกจัดการม็อบเสื้อแดงเพื่อ “คืนความสุขให้คนกรุงเทพฯ” ย่อมเห็นว่า รัฐบาลมีการชอบธรรมในการปราบม็อบและอยู่ในอำนาจต่อไปบนกองศพของประชาชน

เรามาทบทวนความเป็น “อนารยะ” กับ “อารยะ” กันหน่อยดีไหม ก่อนที่จะเดินหน้าปรองดอง (หรือไม่ปรองดอง) กันต่อไป!

1. อนารยะ/อารยะ ของ “คู่กรณี”

ทักษิณ (ถูกกล่าวหาว่า) คอร์รัปชัน ขายหุ้นไม่เสียภาษี = วิธีอนารยะ ...ประชาธิปัตย์ขอเสียง ส.ส.ฟากไทยรักไทยมาร่วมลงชื่อเพื่อเปิดอภิปรายทักษิณในประเด็นข้อกล่าวหาดังกล่าว = วิธีอารยะ ...ทักษิณยุบสภาให้ประชาชนตัดสิน=วิธีอนารยะ ...ประชาธิปัตย์โจมตีว่ายุบสภาหนีการตรวจสอบและชวนพรรคการเมืองอื่นร่วมบอยคอตการเลือกตั้ง พันธมิตรฯ รณรงค์ให้โนโหวด ฉีกบัตรเลือกตั้ง (ศาลตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ) =วิธีอารยะ

ทักษิณให้ขอมีการเลือกตั้งใหม่ และประกาศหลังชนะการเลือกตั้งจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี =วิธีอนารยะ ...พันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ ประธานองคมนตรี องคมนตรี นักวิชาการ สื่อ คนชั้นกลางในเมือง เสนอให้ “ถวายคืนพระราชอำนาจ” และเรียกร้อง สนับสนุน หรือสมรู้ร่วมคิดให้ทหารทำรัฐประหาร = วิธีอารยะ

สรุป – ฝ่ายถูกทำรัฐประหารเป็นฝ่ายอนารยะ! ฝ่ายทำรัฐประหารเป็นฝ่ายอารยะ!

2. อนารยะ/อารยะ ของ “เสื้อสี” และ “รัฐบาล”

เกิด นปก.(ต่อมาเปลี่ยนเป็น นปช.) ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ขับแท็กซี่ชนรถถังเสียชีวิต และต่อมามีการใช้เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ชุมนุมและใช้สื่อวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านรัฐประหาร = วิธีอนารยะ ...ฝ่ายเสื้อเหลืองจัดฉากมอบดอกไม้ให้ทหารที่ออกมาทำรัฐประหาร ดารา นักร้อง คนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ร่วมถ่ายรูปกับรถถังแสดงความยินดีต้อนรับรัฐประหาร บรรดาแกนนำ นักวิชาการ สื่อฟากเสื้อเหลืองเดินหน้าโฆษณาชวนเชื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐประหารทั้งในและต่างประเทศ = วิธีอารยะ

รัฐบาลอำมาตย์ “เขายายเที่ยง” เป็นรัฐบาลอารยะ! รัฐบาลสมัคร “พ่อครัวทำกับข้าวออกทีวี” เป็นรัฐบาลอนารยะ! รัฐบาลสมชาย “ตาย 2 ศพ” เป็น “รัฐบาลอนารยะ” ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชน ใส่ร้ายผู้ชุมนุม ต้องยุบสภา! (ไม่ยอมยุบสภาถูกศาลสั่งยุบพรรค) รัฐบาลอภิสิทธิ์ “ตาย 89 ศพ” เป็น “รัฐบาลอารยะ” ที่มีความสามารถขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมด้วยวิธีที่ดีที่สุด ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด มีความชอบธรรมที่สุดที่จะอยู่ในอำนาจและเดินหน้านำพาประเทศชาติสู่การปรองดองภายใต้คำเชิญอันแสนโรแมนติกของ “สุภาพบุรุษแห่งอ๊อกฟอร์ด” ที่ว่า “รัฐบาลต้องไล่ล่าโจรเผาบ้านมาติกคุก และพวกเราทุกฝ่ายมาร่วมซ่อมแซมบ้านด้วยกัน”

3. มหกรรมอวตารปราบมารการเมือง

การ์ตูน “อวตาร: มารการเมือง” ของ เรณู ปัญญาดี (วารสาร “อ่าน” มกราคม-มีนาคม 53) แสดงเรื่องราวของ “กองทัพยักษ์แดง” บุกเมืองสวรรค์เพื่อขอ “ประชาธิปไตยที่กินได้” และขอ “1 คน หนึ่งเสียง” เหล่าเทวดา “ผู้ทรงศีลธรรม” ทั้งหลายซึ่งประกอบด้วย ราษฎรอาวุโส สื่อผู้ทรงศีล กูรูสันติภาพ ปราชญ์ชาวบ้าน ฤษีสถาปนิก ที่ร่วมมหกรรมอวตารลงมาสอนศีลธรรมกำราบกองทัพยักษ์แดงไม่ให้ใช้วิธีรุนแรง ต่างประสานเสียงว่า...

“ปราศจากศีลธรรม ประชาธิปไตยจะมีความหมายแค่การเลือกตั้ง”... “ปราศจากศีลธรรม การเมืองเป็นเพียงการแย่งชิงอำนาจ”... “ปราศจากศีลธรรม การชุมนุมประท้วงจะมีแต่ความรุนแรง”... “ถ้าคนไทยไร้ศีลธรรม ประชาธิปไตยจะไปไม่รอด”

แล้วบรรดาผู้ทรงศีลธรรมเหล่านั้นก็ระดมสอนศีลธรรมเพื่อเปลี่ยนใจกองทัพยักษ์แดง พวกเขาต่างเสนอว่า...

“ศีลธรรมต้องไม่รุนแรง-ท่องบ่นและตะโกนคำว่าความรุนแรงใส่การชุมนุม/สันติวิธีคือยอมรับความเจ็บปวดเสียเอง” ... “ศีลธรรมยิ่งใหญ่กว่าตัวเลข-จำนวนไม่สามารถบ่งบอกความถูก/ผิด ดี/เลว คะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นตัวเลขที่ไร้ศีลธรรมกำกับ” ... “ศีลธรรมอยู่เหนือชนชั้น- เมื่อยักษ์ประกาศสงครามชนชั้น ป่วยการไปโต้ว่าสังคมไทยไม่มีชนชั้น เพียงแต่บอกว่าชนชั้นต้องมีศีลธรรมกำกับ/ทำไมคนไทยไม่รักกัน?” ... “ศีลธรรมต้องมาก่อนเสรีภาพ-การปิดทีวีและเว็บไซต์ที่พวกยักษ์ชอบดูเป็นมาตรการทางศีลธรรมที่เทวดาต้องสนับสนุน”... “ศีลธรรมเฟซบุ๊ค-สร้างเครือข่ายสื่อเทวดา ทำเมืองไทยให้เป็นประเทศของเฟซบุ๊ค”

“ศีลธรรมต้องสะอาด-เวลายักษ์อ้างสัญลักษณ์หรืออ้างศีลธรรมของฝ่ายตน เช่น ทำพิธีเอาเลือดไปเทหน้าทำเนียบ เทวดาต้องสู้ด้วยจำนวนและตัวเลข เช่น เอาจำนวนเชื้อโรคในเลือดมาข่มขู่”... “ศีลธรรมต้องไม่ปิดศูนย์การค้าและทำรถติด-สอนยักษ์ให้เข้าใจว่าการปิดศูนย์การค้าและทำรถติดมีสองแบบ คือแบบมีกับไม่มีศีลธรรมกำกับ ถ้าเทวดาทำจะเป็นแบบแรก ถ้ายักษ์ทำจะเป็นแบบหลัง”

เข็มทิศทางศีลธรรมของเทวดา คือ ...ปิดทำเนียบ ปิดสนามบิน = มีศีลธรรม...ปิดเกษร บิ๊กซี เวิลด์เทรด พารากอน = ก่อการร้าย

แต่ปรากฏว่า กองทัพยักษ์ไม่ยอมฟังคำสอนศีลธรรมของเทวดา “ผู้ทรงศีลธรรม” ที่อวตารลงมากำราบ “มารประชาธิปไตย” ฉะนั้น เหล่าผู้อวตารจึงแก้ปัญหาประชาธิปไตยด้วยการใช้ “มาตรการทางศีลธรรม” ตาม “แผนสอง”

ภาพสุดท้ายที่สากลโลกได้เห็นคือ...กองกำลังติดอาวุธของ “รัฐบาลเทวดา” ปิดล้อมกองทัพยักษ์ พร้อมเสียงตะโกนจากกองเชียร์ ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!...

(นี่มันเป็นเรื่องราวของเทวดาผู้ทรงศีลธรรมอวตารลงมาปราบมาร หรือเป็นเรื่องราวดังวรรคหนึ่งในบทกวีของ อังคาร กัลยาณพงศ์ “เทพไท้เบื่อหน่ายวิมาน ทะยานลงดินมากินขี้” กันแน่? – ผมสงสัย!)

สรุป – ใครจะวิจารณ์ความไม่อารยะของม็อบเสื้อแดง (กองทัพยักษ์แดง) อย่างไรก็เชิญวิจารณ์กันไปเถิด! แต่คุณยังตั้งคำถามกับ “วิถีอารยะ” ของเหล่าเทวดาแห่งเมืองสวรรค์น้อยเกินไปหรือไม่?
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net