Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ และสร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งของชาติ  ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่ผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น 

การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่นำนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยว หรือเดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่น โดยจัดให้มีบริการ หรือการอำนวยความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง ที่เกี่ยวกับสถานที่พัก  อาหาร  มัคคุเทศก์  หรือบริการอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทวง เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนที่จะได้ประกอบการ ตามที่พระราชบัญญัติ ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ได้กำหนดไว้

พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ที่ได้ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายบังคับกับประชาชนมาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2551  โดยได้ยกเลิกพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 แต่ยังกำหนดให้นำเอาหลักการที่สำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานในการประกอบธุรกิจนำเที่ยว  หลักประกันของนักท่องเที่ยว การกำกับดูแลงานธุรกิจนำเที่ยว และงานมัคคุเทศก์ ที่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงท้ายกฎหมายพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 เป็นไปตามกฎหมายนั้นมาใช้ไปพลางก่อนไม่เกินกว่าสองปีนับแต่บังคับใช้กฎหมายนี้เป็นต้นมา  ซึ่งต้องไม่เกินกว่าวันที่  7  เมษายน 2553 และจะต้องมีกฎกระทรวงที่ได้พิจารณาขึ้นใหม่ตามกฎหมาย ปี 2551 มาบังคับใช้แทนต่อไป

เมื่อได้ตรวจสอบการประกาศบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เป็นหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลในทางด้านกฎหมาย  ก็ปรากฏว่ารัฐบาลยังไม่ได้กำหนดกฎหมายลูกเป็นกฎกระทรวงท้ายกฎหมายพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 102 แต่อย่างใด  นับได้ว่ารัฐบาลได้ละเลยหน้าที่อย่างสำคัญจนทำให้เกิดความเสียหายกับการท่องเที่ยวของชาติ  เพราะกฎกระทรวงท้ายกฎหมายปี 2535 ที่ใช้มาตามบทเฉพาะกาลไม่เกินสองปีนั้นไม่มีผลบังคับในทางกฎหมายอีกต่อไป อันจะส่งผลทำให้การบริหารกิจการการท่องเที่ยวของชาติมีอุปสรรคปัญหาในทางกฎหมายตามที่กฎกระทรวงเคยกำหนดไว้

ในท่ามกลางปัญหาทางการเมืองที่รัฐบาลยังหาทางออกในการยุติปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น  ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของชาติไม่น้อยอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม  แต่การจัดการดูแลให้การบังคับใช้กฎหมายที่สามารถกำกับดูแลให้งานท่องเที่ยวสามารถดำเนินการไปได้โดยไม่มีอุปสรรค  ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงที่จะต้องติดตามและดำเนินการให้มีกฎหมายตามภาระหน้าที่มีผลสมบูรณ์ต่อไป

ดังนั้น  รัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 จะต้องตรวจสอบถึงความบกพร่องของหน่วยงานของตนเสียด้วยว่ามีความผิดพลาดประการใดจึงไม่ได้ดำเนินการออกกฎกระทรวงตามกฎหมายที่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้  เพราะนอกจากเกิดความเสียหายโดยตรงต่อการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีความเสียหายต่องานการศึกษาที่เกี่ยวกับกฎหมายท่องเที่ยวอีกด้วย และรัฐบาลจะต้องรีบออกกฎกระทรวงแก้ไขความบกพร่องเสียหายดังกล่าวโดยเร็ว
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net