Skip to main content
sharethis

เครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า(ดีดี๊ดี) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดอบรมหลักสูตรทักษะการแสดงละครให้กับเยาวชนจากหลายพื้นที่ของจังหวัดอุบล

 

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 53 ที่ผ่านมา  อิงนภารีสอร์ทแอนด์สปา  อำเภอเมืองอุบลราชธานี : เครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า(ดีดี๊ดี) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)เปิดอบรมหลักสูตรทักษะการแสดงละครให้กับเยาวชนจากหลายพื้นที่ของจังหวัดอุบลฯประมาณ 50 คน ที่เป็นแกนนำกลุ่มกิจกรรมขับเคลื่อนงานด้านงดเหล้าในโรงเรียน  ซึ่งหลังจากผ่านการอบรมครั้งนี้แล้ว  เด็กๆกลุ่มนี้จะกลับไปที่โรงเรียนและชุมชน  แล้วจะนำทักษะด้านละครไปประยุกต์ใช้ในงานการรณรงค์งดเหล้าของพวกเขาต่อไป

วิทยา  บุญฉวี  ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดอุบลราชธานี  หัวแรงหลักของค่ายนี้  กล่าวว่า  ตอนนี้มองเด็กและครูในโรงเรียนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการเคลื่อนงานงดเหล้า  เพราะจากการวิเคราะห์ที่ผ่านมาพบว่าครอบครัวของเด็กไม่สามารถบอกหรือสอนลูกหลานได้แล้ว  เพราะส่วนใหญ่มัวยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน  จึงไม่มีเวลาให้เด็กได้อย่างเต็มที่  จึงเกิดปัญหาขึ้นมากมาย  โดยเฉพาะการดื่มสุราในเด็กและเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่นั้นมีเพิ่มขึ้น  ฉะนั้นโรงเรียนจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยดูแลเด็กได้  แต่หากไปบอกแบบบีบบังคับมากเกินไปเด็กก็ไม่ทำตาม  เราจึงต้องหากิจกรรมที่เหมาะสมกับเขามาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  และต้องเป็นเชิงบวกด้วย 

กิจกรรมละครก็เป็นเครื่องมือเหมือนกัน  วันนี้เรานำเด็กมาจาก 2 กลุ่มหลักๆ คือจากพื้นที่ ต.สำโรงซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่เราทำงานอยู่แต่เรื่องละครเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา  และอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มเยาวชนจาก ต.กาบิน  อ.กุดข้าวปุ้นและกลุ่มที่อยู่ในเมืองอันนี้เป็นกลุ่มใหม่ที่เราทำงานด้วย  คือเราอยากให้เด็กมีความหลากหลายมากขึ้น  ที่มาทั้งหมดนี้เป็นแกนนำทั้งนั้นพอกลับไปพื้นที่พวกเขาก็จะได้เอาตรงนี้ไปประยุกต์ใช้ต่อได้  ซึ่งนอกจากพวกเขาจะได้ในเรื่องของทักษะการเล่นละครแล้วสิ่งที่ได้โดยไม่รู้ตัวคือการฝึกใช้ความคิดสร้างสรรค์  สิ่งนี้สามารถนำไปใช้ทั้งในการดำเนินชีวิตและการเรียนได้

นายสัญญา  โสภา  ผอ.โรงเรียนบ้านนาขาม  อ.โพธิ์ไทร  จ.อุบลฯ  บอกว่าเคยได้รับทราบความเคลื่อนไหวการทำงานของเครือข่ายงดเหล้าบ้าง  เพราะมาทำในพื้นที่ติดกัน  แต่ไม่เคยมาดูและนำเด็กมาเข้าร่วม  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พาเด็กเกือบ 10 คน มาร่วมกิจกรรมเอง  คิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับโรงเรียนเพราะที่ผ่านมากิจกรรมแบบนี้โรงเรียนทำเองได้ยาก  เพราะติดปัญหาทั้งเรื่องระบบราชการและเรื่องการเมืองท้องถิ่นที่ไม่เอื้ออำนวย  ครั้งนี้จึงตั้งความหวังเล็กๆว่าเด็กที่นำมาวันนี้  เขาจะเป็นตัวหลักในการพาเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆที่โรงเรียนทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆได้ 
สำหรับค่ายละครครั้งนี้จัดขึ้น 2 วัน  คือในวันที่ 5-6 มิถุนายน 2553 ถึงแม้จะใช้เวลาน้อยกว่าหลักสูตรจริงซึ่งอยางน้อยต้อง 3 วัน  แต่อรทัย   ครั้งพิบูล หรือ วี จากกลุ่มสื่อใสวัยทีนบอกว่าเพียงพอสำหรับการนำไปประยุกต์ใช้กับงานเดิม  ที่น้องๆต้องทำงานด้านการรณรงค์อยู่แล้ว  ส่วนในทักษะที่สูงกว่านี้ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร  ซึ่งคิดว่าถ้าจะให้ดีน่าจะมีการจัดอีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ซึ่งจะเรียนรู้ในสิ่งที่ลึกซึ้งขึ้น  สำหรับน้องๆกลุ่มที่มาในวันนี้พลังเขาเยอะมาก  ขนาดว่าพี่เลี้ยงเหนื่อยแล้ว  แต่น้องๆยังสนุกอยู่เลยโดยเฉพาะในวันที่ 2 หลังจากที่ทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมไปหมดแล้ว  เด็กจะกล้าแสดงออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

น.ส.บุษยพรรณ  รัตนสีหา หรือพลอย  นักเรียนชั้น ม.5 จาก โรงเรียนปทุมพิทยาคม  อำเภอเมือง  บอกว่าเพิ่งเคยเข้าอบรมเกี่ยวกับละครครั้งแรก  รู้สึกสนุกมากและได้ความรู้และทักษะด้านละครเพิ่มขึ้นเยอะ  เพราะปกติจะเป็นประธานชมรม ทู บี นัมเบอร์วัน ของโรงเรียนอยู่แล้ว  แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการแสดงละครเลยและคิดว่าจะเอาความรู้นี้กลับไปฝึกคนที่อยู่ในชมรมเพื่อทำเป็นละครรณรงค์เรื่องต่างๆในโรงเรียนได้  โดยเฉพาะเรื่องการดื่มสุราที่ตนมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัว  เพราะมันทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย  ทั้งอุบัติเหตุและเสียเงิน  วิธีแก้ไขก็คิดว่าไม่ควรมีเหล้าเบียร์จำหน่วยอีกต่อไป

ส่วนอีกหนึ่งพลอย คือ ด.ช.พลอย  ชุมสิงห์ นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเหล่างามพิทยาคม  อำเภอโพธิ์ไทร กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาฝึกเล่นละคร  ตอนแรกนั้นคิดว่ายาก  แต่พอได้ลองทำแล้วกลับรู้สึกสนุกมาก  ได้เรียนรู้ทักษะการใช้เสียง  การควบคุมร่างกายและการจินตนาการต่างๆ  คิดว่าจะนำกลับไปใช้ที่โรงเรียนโดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมในชุมชน  อยากจะให้คนในชุมชนมาร่วมแสดงละครด้วย  ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดื่มเหล้านั้น  พลอยมองว่าทั้งเหล้า  บุหรี่และยาเสพติดถ้าเข้าไปยุ่งจะทำให้เราตายเร็วขึ้น  และมีแต่ความทุกข์เพราะต้องเอาเงินที่หาไดไปซื้อของพวกนี้  ต่างจากคนที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับมันก็จะมีความสุข  เพราะมีงานทำ  มีเงิน

สำหรับบรรยากาศในค่ายจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าเป็นไปด้วยความสนุกสนาน  โดยเฉพาะในวันที่ 2 เด็กและเยาวชนปลดปล่อยความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างไม่เคอะเขินผิดจากวันแรกที่ยังเหนียมอายอยู่  เพราะหลักสูตรที่ผู้จัดกระบวนการใช้เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เข้ารับการฝึกมีส่วนร่วมมากที่สุด  และแต่ละกิจกรรมเน้นไปที่การปฏิบัติและให้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด  ทำให้เป็นอีกหนึ่งค่ายการเรียนรู้ที่ไม่มีความซีเรียสใดๆ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net