Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 53 ที่ผ่านมา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงาน โดยมอบหมายให้ตนเป็นประธาน หลังจากที่ยังพบว่ามีแรงงานต่างด้าวฝ่าฝืนไม่มายื่นขอใบอนุญาตทำงานและเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติอีกถึง 383,677 คน จากแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 1.31 ล้านคน แม้ว่ารัฐบาลจะผ่อนผันให้แรงงานดังกล่าวมาต่ออายุใบอนุญาตทำงานแล้วก็ตาม

พร้อมกันนี้ จะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นอีก 5 ชุด เพื่อตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าว ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว โดยคณะทำงานทั้ง 5 ชุดจะแบ่งความรับผิดชอบตามพื้นที่ คือ ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง-ตะวันออก, ภาคใต้ และกทม. ซึ่งจะมีการสนธิกำลังร่วมกันของตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง

ทั้งนี้ หากพบว่านายจ้างหรือสถานประกอบการใดมีการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงาน จะมีโทษสูงสุด คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนคนต่างด้าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่หากตรวจพบขณะทำงานนั้น นายจ้างจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน ส่วนคนต่างด้าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.สนั่น ย้ำด้วยว่า กรณีที่พบเห็นข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าว เมื่อถูกจับกุมได้จะถูกดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( ผบช.น.) กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม.ขณะที่อยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า พื้นที่ กทม.ยังไม่มีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่อย่างใด ได้ให้นโยบายการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ไปแล้วว่า หากพบมีการกระทำความผิดก็ให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที รวมถึงให้จัดกำลังตำรวจคุมเข้มดูแลสถานที่สาธาณะสาธารณูปโภคและการคมนาคมต่างๆ โดยเฉพาะสถานีไฟฟ้าใต้ดินบนดิน ห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ยังคงให้ความสำคัญอยู่ตามปกติรวมถึงการกวาดล้างจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วย

"ตลอดสัปดาห์นี้ตำรวจนครบาลทุกหน่วยจะเข้มงวดกวดขันกวาดล้างจับกุมแรงงานเถื่อนทั้งหมด โดยเฉพาะต่างด้าวที่ทำผิดกฎหมาย รวมไปถึงแรงงานต่างชาติที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายต่าง ๆ ตลอดจนการเข้มงวดดูแลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ให้มีการลักลอบทำผิด กฎหมาย โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ผู้กระทำผิดสามารถโทรเรียกเพื่อนให้มาร่วมกันก่อ เหตุได้" ผบช.น.กล่าว

การดำเนินการดังกล่าวจะทำควบคู่ไปกับการระดมกวาดล้างอาวุธปืน ยาเสพติดยังคงมีการดำเนินงานขยายผลการจับกุมอยู่ต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งด่านในที่ต่าง ๆ ก็จะยังคงมีอยู่ตำรวจคงต้องทำงานเหนื่อยขึ้น ซึ่งในวันนี้ได้เรียกนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาหน่วยงานประชุมทำความ เข้าใจการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามแบบแผนที่วางไว้แล้ว

 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: อินโฟเควส, เนชั่นทันข่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net