Skip to main content
sharethis

รายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเผยฝนตกน้อย กระทรวงเกษตรฯ กำลังสำรวจความจำเป็นของเกษตรกรในการเลื่อนทำนาปี ตามคำขอมาจากกรมชลประทาน-กระทรวงเกษตรฯ เล็งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถทำนาได้ ทั้งเรื่องอาชีพเสริมและการบริโภคในครัวเรือน พร้อมแจงปีนี้เหลือพื้นที่ทำนาปรัง 2-3 ล้านไร่เนื่องจากฝนตกน้อยมาก

“ขณะนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังมีการไปสำรวจดูว่ามีพี่น้องประชาชนซึ่งมีความจำเป็นในการเลื่อนทำนาปี โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชลประทานนั้นก็คงต้องมีการเลื่อนแน่นอน ตามคำขอจากทางกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรฯ”

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับพี่น้องประชาชนในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 73 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยดังนี้

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ เช้าวันนี้ผมอยู่ที่หอศิลป์ของกรุงเทพมหานคร เพราะว่าที่นี่จะเป็นจุดหนึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลได้ดำเนินการที่จะมีสำนักงานในเรื่องของการที่จะให้มีการประมวลรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนในการเดินหน้าปฏิรูปเพื่อประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนของการปรองดอง ซึ่งในเรื่องการปฏิรูปก็ดี การปรองดองก็ดี ในช่วงที่ 2 ก็จะมีพิธีกรรับเชิญมาพูดคุยกันในเรื่องนี้ และช่วงสุดท้ายจะมีภาพบรรยากาศของการที่มีการประชุมขับเคลื่อนในเรื่องของการปฏิรูปเพื่อประเทศไทย แต่ว่าในช่วงแรกนี้ขอใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ในการรายงานการทำงานในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนหลายต่อหลายปัญหา ซึ่งอยู่ในความสนใจ

เรื่องแรกคือเรื่องของภัยแล้ง สถานการณ์น้ำซึ่งรัฐบาลได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด มีการมอบหมายท่านรองนายกรัฐมนตรีพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ ให้มีการรายงานในเรื่องของสถานการณ์เป็นรายวัน ก็ขอเรียนครับว่าสถานการณ์ในขณะนี้เริ่มดีขึ้นบ้าง ในส่วนของเรื่องของฝนฟ้า ในเรื่องของปริมาณน้ำซึ่งไหลเข้าไหล ออก จากเขื่อนหลัก

และขอยืนยันว่าในการบริหารจัดการน้ำนั้น ในส่วนของน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้น รวมทั้งคุณภาพของน้ำประปานั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือการเลื่อนการทำนาปี ซึ่งจะเลื่อนไปจนถึงประมาณกลางเดือนกรกฎาคมคือกลางเดือนหน้า และขณะนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังมีการไปสำรวจดูว่ามีพี่น้องประชาชนซึ่งมีความจำเป็นในการเลื่อนทำนาปี โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชลประทานนั้นก็คงต้องมีการเลื่อนแน่นอน ตามคำขอจากทางกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรฯ

ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและในพื้นที่อื่น ๆ นอกเขตพื้นที่ชลประทานนั้นก็ขึ้นอยู่กับน้ำฝน ซึ่งมีการตกกระจายไปในปัจจุบัน ก็จะได้มีการสำรวจเรื่องนี้ และจะมีการดูความเป็นไปได้ในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งในช่วงจากนี้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคมซึ่งอาจจะไม่สามารถทำนาได้ ว่าจะมีวิธีการในการช่วยเหลือในเรื่องของอาชีพเสริม หรือในเรื่องของการที่จะช่วยปัจจัยการผลิตเพื่อการบริโภคในครัวเรือนอย่างไร

และที่สำคัญคือว่าแม้ว่าในช่วงของนาปีผ่านพ้นไป เราก็เชื่อครับว่าฝนฟ้าที่ตกลงมาก็คงทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเมื่อเทียบกับฝนที่ขาดหายไปในช่วง 5 เดือนแรกทำให้ในต้นปีหน้า น้ำที่จะใช้ในการทำนาปรังจะมีน้อยมาก เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นการสำรวจความคิดเห็นความต้องการก็จะต้องเกิดขึ้น เพื่อจะได้เตรียมการสำหรับการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งจะไม่สามารถทำนาปรังได้ ก็จะมีพื้นที่ทำนาปรังอย่างที่เคยคุยไว้ในรายการนี้เพียง 2-3 ล้านไร่ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเร่งสำรวจในเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้น และได้มอบอำนาจให้ผมและท่านรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณตกลงกันในการที่จะดูว่าจะมีความสามารถในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เป็นเกษตรกรและขาดรายได้ในช่วงที่ขาดน้ำหรือไม่สามารถทำนาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ขอเรียนครับว่ามีการติดตามอย่างใกล้ชิด และกำลังจะเตรียมการหามาตรการที่จะรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น และที่จะตามมา จนถึงในช่วงต้นปีหน้าด้วย

ส่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร และพี่น้องประชาชนที่ถือว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมา แต่ก็มีความคืบหน้ามีความก้าวหน้าไป เรื่องแรกก็คือปัญหาเรื่องของที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ผมก็ได้มีการประชุมกับทางสมัชชาเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ก็มีการหยิบยกพื้นที่มา 6-7 พื้นที่ ก็มีการคลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง ปัญหายังไม่หมดไป แต่ว่าหลายเรื่องก็มีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นที่จะแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือการขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้ได้มีการผ่อนปรนเพื่อที่จะสามารถเอื้ออำนวยต่อการที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ แนวคิดเรื่องโฉนดที่ดินก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น มีหลายพื้นที่ซึ่งขณะนี้ก็จะเข้าสู่ความพร้อมในการที่จะจัดทำโฉนดชุมชน ซึ่งระเบียบได้ออกมาแล้ว ก็จะมีการจัดประชุมสมัชชาอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์หน้า และคาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะเริ่มแจกโฉนดชุมชนได้ในหลายพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องของที่ทำกิน

ส่วนเรื่องของที่อยู่อาศัย ปัญหาที่ค้างคากันมานานในเรื่องของความถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องของบ้านมั่นคง ซึ่งอาจจะมีลักษณะของที่หรือการเว้นระยะห่าง การก่อสร้างต่าง ๆ ยังไม่สอดคล้องกับกฎหมายควบคุมอาคาร เรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมไปเมื่อวันศุกร์เพื่อที่จะคลี่คลายออกระเบียบต่าง ๆ เพื่อที่จะให้พี่น้องซึ่งเข้าไปอาศัยอยู่ในโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งมีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของที่อยู่อาศัยแล้วกลับมาเจอปัญหาในเรื่องของข้อกฎหมาย ไม่สามารถที่จะขอออกเลขบ้านได้บ้าง ไม่สามารถขอน้ำขอไฟได้บ้าง ตรงนี้ก็จะได้มีการปรับแก้กฎกระทรวงต่าง ๆ เพื่อที่จะคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ตรงนี้ไปให้เรียบร้อยนะครับ

นอกจากนั้นครับวันศุกร์ที่ผ่านมาผมได้ไปเริ่มต้นการเปิดโครงการสำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้เวลาในช่วง 2 ปีข้างหน้าในการที่จะชำระสะสางในเรื่องของสภาพพื้นที่ป่าและการเข้าไปทำกินของพี่น้องประชาชนอย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะจัดการแก้ไขปัญหานี้ให้เบ็ดเสร็จไปในแง่ของการหาข้อเท็จจริงครับ เพราะว่าที่ผ่านมาเราจะมีภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายทางดาวเทียม ทั้งก่อนและหลังประกาศเขตพื้นที่ป่าสงวน แต่ปรากฏว่ามีความไม่ตรงกัน มีความคลาดเคลื่อน ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง รัฐบาลได้อนุมัติโครงการใช้เงินจากกองทุนสิ่งแวดล้อม เข้าไปทำในเรื่องนี้ ใช้เวลา 2 ปีในการที่จะมาขีดเส้นกันให้ชัดเจนไปเลยว่าที่สุดแล้วเขตป่าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร พี่น้องประชาชนที่ทำกินอยู่นั้นเข้าไปก่อนหรือเข้าไปหลัง ซึ่งถ้าเข้าไปก่อนการประกาศเขตป่านั้นก็จะชัดเจนครับว่าจะมีสิทธิ์ในการที่จะได้เอกสารสิทธิ์ ส่วนที่เข้าไปหลังจากโครงการนี้ เราก็จะทราบข้อเท็จจริงว่าเข้าไปหลังนั้นเข้าไปประมาณปีไหน อย่างไร และจากนั้นจะมีการนำเสนอไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่ต่อไปด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องของปัญหาที่ทำกิน ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง ก็มีความก้าวหน้าไปพอสมควรจากการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เรื่องถัดมาที่ผมได้เข้าไปติดตามคือปัญหาเรื่องของหนี้สินครับ เมื่อช่วงต้นปีนั้นรัฐบาลได้ทำโครงการในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ มีการให้ประชาชนนั้นมาขึ้นทะเบียน เดิมทีเดียวนั้นเราก็คิดว่าจะมีคนที่จะเข้ามาสู่โครงการนี้แก้ไขปัญหาได้สักประมาณ 3-4-5 แสนคน หรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย เอาเข้าจริงปรากฏว่ามีคนเข้ามาขึ้นทะเบียนเป็นล้านเกิน 1 ล้านคน และขณะนี้มีการดำเนินการโดยทางกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปนำเอาเจ้าหนี้ ลูกหนี้นอกระบบมาเจรจากัน ซึ่งก็สามารถที่จะเจรจากันในหลักการได้เรียบร้อยไปเป็นส่วนใหญ่ และก็เข้าสู่ขั้นตอนในการที่จะขออนุมัติสินเชื่อจากทางธนาคารของรัฐ ในส่วนของการดำเนินการในขณะนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นั้นจะมีความก้าวหน้ามากที่สุด

และขณะนี้จะมีพี่น้องซึ่งเป็นหนี้สินนอกระบบได้รับการอนุมัติในเรื่องของสินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบไปแล้วประมาณ 150,000 ราย ขณะที่กำลังมีการเจรจาหรืออยู่ระหว่างขั้นตอนการขอสินเชื่อจากธนาคารอีกประมาณ 350,000 ราย เพราะฉะนั้นถ้าเราเร่งรัดทำตรงนี้ก็คาดว่าอย่างน้อย ๆ 3-4 แสนรายจะมีข้อยุติ ผมได้ให้ทางกระทรวงการคลังได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ว่าสำหรับรายที่เหลือว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาพี่น้องที่เป็นหนี้สินนอกระบบได้

ส่วนหนี้สินของเกษตรกรในภาพรวมก็เช่นเดียวกันนะครับ เราได้มีการทำข้อตกลงกับทางผู้บริหารในส่วนของกองทุนฟื้นฟู ท่านรองนายกฯ สนั่น ท่านที่ปรึกษาดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ได้เข้ามาดูแลในส่วนนี้ ขณะนี้ก็คิดว่ากำลังจะได้ข้อยุติในเชิงของมาตรการและนโยบายที่จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรที่เป็นหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ มีการโอนไปยังธนาคารต่าง ๆ หรือจะโอนจากธนาคารเข้ามาสู่กองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาให้มีลักษณะที่เบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ และวันอังคารนี้ก็จะให้มีการรายงานในเรื่องนี้มาเพื่อกำหนดทิศทางให้ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องต่อไป

นอกจากนั้นครับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีการประชุมคณะกรรมการหลายชุด และหนึ่งในนั้นก็คือกรรมการที่ดูแลในเรื่องของสุขภาพของพี่น้องประชาชน ก็บังเอิญมาเกี่ยวพันกับปัญหาในเรื่องของมาบตาพุด ซึ่งขณะนี้ในแง่ของธุรกิจนั้นก็มีการกำหนดแนวทางของการแก้ไขปัญหานั้น ค่อนข้างจะชัดเจนนะครับ สัปดาห์หน้าก็จะมีการยุติลงของการทำงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งทำงานเสร็จสิ้นและพร้อมที่จะเสนอในเรื่องของรายชื่อของธุรกิจซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมให้ได้ข้อยุติต่อไป ส่วนกรณีขององค์กรอิสระที่ทำขึ้นในลักษณะของชั่วคราวโดยระเบียบของฝ่ายบริหารคือรัฐบาลเอง ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว และตัวกฎหมายที่จะนำเสนอต่อสภาฯ นั้นคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันครับสำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่การเร่งรัดในเรื่องของการบริหารแผนจัดการสิ่งแวดล้อมหรือแผนควบคุมมลพิษ โดยเฉพาะการมีโครงการต่างๆ มาลดมลพิษต่าง ๆ นั้น ผมได้เร่งรัดเพื่อให้นำเสนอและได้รับการอนุมัติในการเดินหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และที่สำคัญคือเมื่อช่วงต้นเมื่อนั้นก็เกิดปัญหาก๊าซรั่วขึ้นมา ทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้มีการมอบคณะทำงานไปสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัญหาก๊าซรั่ว ตั้งแต่ปัญหาที่ว่าระบบระวังป้องกันไปจนถึงการเตือนภัย ไปจนถึงการดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การนำส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมากในทางปฏิบัติจากประสบการณ์ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เรื่องนี้ผมจะได้นำเอาข้อเสนอเพื่อแก้ไขปรับปรุงระบบในเรื่องของการบริหารแผนเวลาเกิดสถานการณ์ที่มีความเร่งด่วนฉุกเฉินมาในลักษณะนี้เข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขต่อไป แม้ว่าระยะหลังจะมีการดูแลเยียวยาได้ เป็นที่พอใจระดับหนึ่ง

แต่ว่าปัญหาในเรื่องของการป้องกัน ในเรื่องของการเตือนภัย และในเรื่องของการบริหารสถานการณ์จริง ยังเป็นเรื่องที่จะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งจะได้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงแก้ไขแผนต่าง ๆ ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ก็คือการดำเนินการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบางส่วน พักกันสักครู่ครับ เดี๋ยวมาพูดคุยกันในเรื่องของแผนปรองดองในเรื่องของการปฏิรูปเพื่อประเทศไทย และช่วงท้ายรายการมาดูบรรยากาศของการประชุมของภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องนี้ด้วยครับ

 

ที่มา: นายกรัฐมนตรีเชิญชวนทุกภาคส่วนช่วยกันเดินหน้าปฏิรูปเพื่อประเทศไทย, ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล, 20 มิ.ย. 53

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net