Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ในตอนนี้ คงมีคนที่ใช้งานโลกอินเตอร์เน็ตน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักระบบ เครือข่ายทางสังคม (Social Network) ที่เรียกว่า ‘facebook’ (สามารถเข้าไป ดู ชม หรือใช้ได้จาก http://www.facebook.com – นี่คือการโฆษณาที่ไม่ได้รับเงินตอบแทนใดๆ) โดยนับวัน คนที่ “ติด” facebook นี้ก็ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าสงสัยว่าทำไม ทำไม ทำไม...

ผมอยากจะเสนอลงไปอย่างชัดเจนในที่นี้ว่า ผมมองว่าแท้จริงแล้ว “การเล่น facebook นั้นมันก็คือ การสำเร็จความใคร่ทางจิต และสังคมของผู้ใช้” นั่นแหละ ฉะนั้นสภาพการ “ติด” facebook จึงไม่ได้ต่างอะไรจากการที่คุณ “ติดรสมือขวา (หรือซ้าย) ของตน ในการสำเร็จความใคร่ทางกายภาพ” เลย

หากเราลองเปรียบเทียบด้วยฐานคิดที่ว่า การเข้าสังคม และปะทะสังสรรค์กันด้วยการพบปะกันโดยตรงนั้น เสมือนกับ “การร่วมเพศ” ที่คนอย่างน้อย 2 คนต้องมีการ “เข้าถึง” กันทั้งทางกายภาพ และทางผัสสะอื่นๆ แล้ว การเล่น facebook ที่ทำให้คุณเต็มตื้นทางจิต และสังคมได้โดยไม่ต้องสัมผัส หรือทำอะไรอื่น แม้แต่การก้าวออกจากปริมณฑลแห่งอำนาจของตนเองนั้น จึงทำให้ การเล่น facebook ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ที่ทำให้คุณประสบกับความสุข ซูอาเว่ ของคุณได้ ภายในปริมณฑลแห่งอำนาจของคุณอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะด้วยแขนซ้าย หรือแขนขวา หรือสองแขนพร้อมๆ กันไป

ไม่เพียงเท่านั้น หากเรามาลองมองบทบาทของการร่วมเพศผ่านกระบวนทัศน์แบบสายจิตพิเคราะห์ที่มองว่าแท้จริงแล้วการร่วมเพศนั้นก็คือ การเข้าสู่จุดสุดยอดด้วยตนเอง ซึ่งว่ากันในเชิงหลักการแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเลย หรือก็คือ หากมองบนฐานนี้การเล่น facebook ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการไปพบเพื่อนที่โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยนัก ตราบเท่าที่มันยังนำไปสู่จุดสุดยอดได้ดุจเดียวกัน หรือก็คือ บนฐานของ The end justifies the means. นั่นเอง

นอกไปจากนี้สภาวะที่เป็นดั่งการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองของ facebook นี้นั่นเอง ที่ทำให้ผมได้มานั่งนึกถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นในทางวิชาการในระยะหลังๆ มานี้เลย นั่นก็คือ บทความที่มีเนื้อหาหลักๆ เกี่ยวกับการที่ facebook มัน “ให้นิยามใหม่ (Redefine)” ต่อ “พื้นที่ส่วนบุคคล” ของเรา แน่นอนว่า โดยมากแล้วงานเหล่านี้จะบ่งชี้ว่า facebook เข้าไปบุกทำลายความเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลต่างๆ นาๆ ... แต่ นั่นน่ะ จริงหรือ?

หากเรามองว่าการสำเร็จความใคร่นั้นเป็นสัญญะแห่งการดำดิ่งสู่พื้นที่ความเป็นส่วนตัวอย่างเป็นที่สุดแล้ว (ซึ่งผมเชื่อว่าโดยทั่วไป ก็คงจะทำให้มันอยู่ในปริมณฑลส่วนตัวมากที่สุดอยู่แล้ว นอกจากจะถ่ายหนังโป๊อยู่) การใช้ facebook ในฐานะการสำเร็จความใคร่ทางสังคม ก็ย่อมหมายถึงการดำดิ่งสู่พื้นที่ส่วนบุคคลอย่างเต็มที่ แทนที่จะเป็นการลดทอนอย่างที่พยายามบ่นด่ากันไม่ใช่หรือ?

ในโลกของ facebook ผู้ใช้จะได้เสพสุข, ดำดิ่งกับการกลายเป็นเจ้าอำนาจในการสื่อสารนั้นๆ ตัวผู้ใช้มีสิทธิอุปโลกน์ “โลกส่วนตัว ที่มีรูปธรรม” ของตนขึ้นมา และเลือกกรองเอาเฉพาะสิ่งที่ตนอนุมัติให้เข้ามาได้ ในดินแดนแห่งนี้ตัวผู้ใช้จะดำเนินการสนทนากับ “โลก” ในระนาบที่ผิดแปลกไป จากเดิมที่อยู่ในระนาบที่ “เท่าเทียมกัน” ก็จะกลายมาเป็นการอยู่ในระนาบที่ “ตัวผู้ใช้เหนือกว่าโดยสัมบูรณ์” ดังการใช้มือกับอวัยวะเพศของตนเองที่ตัวเจ้าของร่างกายมีอำนาจ และกรรมสิทธิ์เหนือร่างกายตนอย่างเต็มที่ ผิดกับการร่วมเพศที่เป็นการประลองอำนาจระหว่างบุคคล

นั่นทำให้ใน facebook คุณสามารถเลือกที่จะ “สร้างตัวตนโดยสัมบูรณ์ที่ตัดขาดจากการรับรู้ภายนอก” ได้ คุณสามารถด่าทอในสิ่งที่คุณไม่กล้าที่จะทำเมื่ออยู่ในระนาบความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน, กด “ชอบ (like)” ข้อความที่คุณคิดว่าดูโก้เก๋ แม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยเข้าใจมันเลย, หรือแสดงออกทางอารมณ์อย่างสุดฤทธิ์ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยดังแก้มก้นเด็ก, ฯลฯ กล่าวคือ facebook ได้ทำให้เกิด “พื้นที่ส่วนบุคคล ที่คุณสามารถสร้างตัวตนโดยสัมบูรณ์ที่คุณต้องการ” จากนั้นก็สัมผัสกับความใคร่ทางสังคมเมื่อมีคนมาปฏิสัมพันธ์กับ “ตัวตนส่วนตัวสัมบูรณ์” ของคุณนั้น...”ซูอาเว่” กันไปข้างหนึ่ง

ด้วยระนาบความสัมพันธ์ที่ทำให้คุณกลายเป็นเจ้าอำนาจนี้เองที่ทำให้คนเราเสพติด facebook กันมากขึ้นอย่างล้นหลาม จริงๆ แล้วก็เป็น irony อย่างหนึ่งทีเดียว ที่การเข้าถึงจุดสุดยอดทางสังคม – วัฒนธรรม มีลักษณะที่สวนทางกับการเข้าถึงจุดสุดยอดทางกายภาพ ที่ความนิยมนั้นจะพัฒนาไปจาก “การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เข้าไปสู่การร่วมเพศ” แต่ในทางสังคมแล้ว กลับกลายเป็น “การร่วมเพศ เข้าสู่การสำเร็จความใคร่” ซึ่งจะว่าไปแล้ว ส่วนหนึ่งนั้นก็อาจจะมาจาก “ทางเลือก” ก็เป็นได้ ในขณะที่ทางกายภาพนั้น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ถูกบีบให้เป็นทางเลือกหลักเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งจะหาคู่ร่วมรักได้ (หากไม่นับข่มขืน) ในทางตรงกันข้าม ก่อนการมีระบบ social network อย่าง facebook เรากลับถูกบีบให้ร่วมเพศทางสังคม – วัฒนธรรม โดยไม่มีตัวเลือกในการสำเร็จความใคร่เลย ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ ที่แม้จะดูมีความเป็นส่วนตัว แต่ระนาบความสัมพันธ์ก็ยังคงไม่ได้แตกต่างอะไรจากเดิม และยังไม่ใช่การตัดขาดโดยสัมบูรณ์ระหว่างตัวผู้ใช้ กับโลกภายนอก มีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถเป็นตัวตนในจินตกรรมอันแท้จริงมากำกับ เช่น น้ำเสียง ที่แม้จะเบื่อแสนเบื่อ แต่ก็ต้องทำสดใสร่าเริง ไปจนถึง MSN ที่แม้จะดูส่วนตัวมากขึ้น แต่ระนาบความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แตกต่างเช่นกัน ปัจจัยอื่นๆ อันนำมาสู่ความไม่สมบูรณ์ของตัวตนในจินตกรรมก็คงอยู่เช่นกัน เช่น ความไวในการตอบสนอง หรือแม้แต่ท่าทีผ่านการตอบ อย่างการที่อีกฝ่ายพิมพ์มายืดยาว และตอบกลับแค่ “อืม” เป็นต้น กล่าวคือ ด้วยสภาพที่ถูกบีบคั้น และจำเจ ของการมีตัวเลือกเดียวมาโดยตลอดในระยะแรก (การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ในกรณีเชิงกายภาพ และการร่วมเพศ ในกรณีเชิงสังคม – วัฒนธรรม) ที่ทำให้เกิดการถ่ายเท ของการเสพติดมาสู่อีกทางเลือกหนึ่งได้อย่างง่ายดาย เมื่อได้ครอบครองอำนาจในการเลือกทางเลือกใหม่นั่นเอง

สุดท้าย...ก็ขอให้ชาว facebook ทุกท่าน จงถึงจุดสุดยอดโดยทั่วกันเทอญ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net