Skip to main content
sharethis

7 ก.ค. 53 - ตามที่มีข่าวว่าได้มีการค้นพบหมุดหลักฐาน หรือที่มีการเข้าใจว่าเป็น “หมุดปักพรมแดน” ที่บริเวณสันเขื่อนห้วยเมฆา อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาในดินแดนไทยประมาณ 12 กิโลเมตรครึ่ง และอาจทำให้ไทยเสียดินแดนนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของหมุดหลักฐานดังกล่าว และสถานะล่าสุดของการดำเนินงานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ดังนี้

1. หมุดหลักฐานดังกล่าว ไม่ใช่หลักเขตแดนที่แสดงแนวแบ่งเขตระหว่างไทย - กัมพูชา แต่เป็นหมุดหลักฐานดาวเทียม GPS ที่ใช้งานทางเทคนิค ซึ่งกรมแผนที่ทหารสร้างขึ้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2550 เพื่อใช้เป็นหมุดขยายโครงข่าย GPS สำหรับเป็นค่าพิกัดอ้างอิงในการถ่ายทอดค่าพิกัดให้กับหลักเขตแดนไทย - กัมพูชา หมายเลข 25 และ 26 โดยหมุดหลักฐานดาวเทียม GPS ดังกล่าวสร้างในฝั่งไทย 1 หมุด สร้างในฝั่งกัมพูชา 1 หมุด และอยู่ห่างจากแนวเขตแดนประมาณ 7 – 8 กิโลเมตร สาเหตุที่ใช้ข้อความว่า “เขตแดนไทย - กัมพูชา”นั้น ในทางเทคนิคมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสื่อความหมายว่าหมุดนี้เป็นหมุดขยายโครงข่าย GPS ในงานเขตแดนไทย - กัมพูชา ทั้งนี้เพราะว่าที่หมุดดังกล่าวจะมีหมุดทองเหลืองฝังอยู่ตรงกลางซึ่งมีข้อความว่า GPS กรมแผนที่ทหาร อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อมิให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเข้าใจผิดว่าจุดนี้เป็นแนวเขตแดนไทย – กัมพูชา  กรมแผนที่ทหาร จึงได้ดำเนินการเปลี่ยนข้อความบนหมุดดังกล่าวจากเขตแดนไทย – กัมพูชา เป็น “หมุดขยายโครงข่าย” เมื่อกันยายน 2552  ซึ่งในวันที่ 22 มกราคม 2553 และ 20 มิถุนายน 2553 กรมแผนที่ทหารได้ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนและส่วนราชการในพื้นที่ทราบว่า หมุดหลักฐานดาวเทียม GPS ไม่ใช่หลักเขตแดนไทย – กัมพูชา แต่อย่างใด

2. การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนด้านไทย – ลาว และไทย – มาเลเซีย ก็ได้มีการสร้างหมุดหลักฐานขยายโครงข่าย GPS เพื่อใช้เป็นค่าพิกัดอ้างอิงเช่นเดียวกัน

3. หมุดหลักฐานขยายโครงข่าย GPS มีขนาดประมาณ 30 X 30 เซนติเมตร จะสร้างเสมอพื้นดิน ซึ่งมีขนาด รูปร่าง และลักษณะการสร้างที่แตกต่างจากหลักเขตแดนไทย - กัมพูชา โดยสิ้นเชิง       ซึ่งมีขนาด 40 X 40 เซนติเมตร สูงเหนือพื้นดินประมาณ 1 เมตร ตามรูปภาพที่แสดงให้เห็นข้างล่างนี้ อนึ่ง หากเป็นหลักเขตแดนซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงสร้างขึ้นมา ฝ่ายไทยย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแต่ฝ่ายเดียวได้

4. การดำเนินงานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ดำเนินการไปตามข้อกำหนดอำนาจหน้าที่และแผนแม่บทในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-กัมพูชา (Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary : TOR) ฉบับวันที่ 25 สิงหาคม 2546 ซึ่งได้กำหนดขั้นตอนต่าง ๆ สำหรับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
                     1) การค้นหาที่ตั้งและสภาพของหลักเขตแดนเดิม 73 หลัก รวมถึงการซ่อมแซมหลัก    เขตแดนเดิม
                     2) การจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) มาตราส่วน 1/25,000 ตลอดแนวเขตแดน
                     3) การลากแนวที่จะเดินสำรวจบนแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ
                     4) การตรวจสอบภูมิประเทศ
                     5) การปักหลักเขตแดน

5. ปัจจุบัน งานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา 3 ครั้งที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการในขั้นตอนที่ 1 เท่านั้น กล่าวคือ การค้นหาที่ตั้งของหลักเขตแดนเดิม 73 หลัก จึงมิได้มีการขยับหลักเขตแดนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด การที่จะทราบว่าตำแหน่งหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาทั้งหมดจะอยู่ที่ใดอย่างแน่นอนนั้น จะต้องรอให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา ดำเนินการครบ 5 ขั้นตอนก่อน

6. เมื่อครบ 5 ขั้นตอนแล้ว ผลงานของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ก็ยังไม่มีผลผูกพันประเทศทั้งสอง เจ้าหน้าที่ต้องนำผลการสำรวจปักหลักเขตแดนเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานำเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ต่อไป เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว รัฐบาลไทยจะต้องให้สัตยาบันข้อตกลงดังกล่าวเป็นทางการ การสำรวจและปักหลักเขตแดนจึงมีผลทางกฎหมาย

ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net