DKBA จับ ครอบครัวทหารหนีกองทัพรีดเงิน

กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ หรือ DKBA (Democratic Karen Buddhist Army) ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลพม่า เข้าจับกุมสมาชิกในครอบครัวนายทหารในกองทัพของตน ที่หันไปเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้าม

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีทหารDKBA จำนวน 7 นาย ประจำอยู่ในกองพลน้อยที่ 999 ได้หนีไปพร้อมอาวุธและกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง โดยไปเข้าร่วมกับ กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติ หรือ KNLA (Karen National Liberation Army) กองกำลังในสังกัดของกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์ หรือ KNU (Karen National Union)

ในวันถัดมา สมาชิก 3 คนในครอบครัวของนายซอเมียวเมียว นายทหารที่หนีออกจากกองกำลังDKBA ถูกกลุ่มทหาร DKBA จากฐานทัพในเมืองฉ่วยก่อโก ใกล้กับชายแดนรัฐกะเหรี่ยง-ไทย จับกุมตัวไว้
ด้านนายซอเมียวเมียวกล่าวว่า “พวก DKBA โกรธผมมาก ผมรู้ข่าวว่า พ่อ น้องสาวและเมียของผม กำลังถูกกักตัวอยู่ที่เมืองฉ่วยก่อโก และพวกทหารบอกให้เมียของผมต้องชด ใช้ค่าปืนมิฉะนั้นจะไม่ถูกปล่อยตัว พวกเขาให้เธอทำงานเพื่อเป็นการชดเชย” เขากล่าว
ขณะที่นายซอเมียวเมียวกล่าวว่า เหตุที่พวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่ม KNU เพราะ ว่ากองทัพแจกจ่ายเสบียงอาหารให้ไม่เพียงพอ รวมถึงสาเหตุที่ไม่อยากเข้าร่วมเป็นกองกำลังรักษาชายแดน หรือ BGF (Border Guard Force)ร่วมกับกองทัพพม่า
ทั้งนี้ พันโทซอพอโด จาก KNLA ระบุ ว่า ยังมีญาติพี่น้องของทหารอีก 4 นาย ถูกลักพาตัวไป 12 คน โดยมีตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนถึง คนแก่วัย 80 ปี
พันโทซอพอโดกล่าวว่า “ผู้หญิง ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานที่สามีทำ ทหาร DKBA จับเด็กที่ไม่รู้เดียงสาไปเป็นเชลย นี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชน เราไม่ทราบว่าครอบครัวของทหารจะต้องชดเชยค่าปืนเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยทหารจาก DKBA บอกกับครอบครัวของทหารว่า ให้ขายที่และทรัพย์สมบัติอื่นๆ และนำเงินมาจ่ายคืนให้กับกองทัพ”พันโทซอพอโด กล่าว
กองกำลัง DKBA แยก ตัวออกมาจาก KNU ในปี ค.ศ. 1995 และเข้าร่วมกับรัฐบาลทหารพม่า ทั้ง DKBA และ KNU ต่างสู้รบกันมาโดยตลอด เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทางตะวันออกของรัฐกะเหรี่ยง ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพม่ากับKNU เอง ได้กินเวลายาวนานมากว่า 60 ปีแล้ว โดยในขณะนี้ รัฐบาลพม่าได้รับความช่วยเหลือจากฝ่ายDKBA ใน การสู้รบกับ KNU
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ข่าวทหารDKBA หันกลับมาร่วมกับ KNU มีให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ แม้ทาง KNU จะต้องการเห็นกำลังทหารในกองทัพตนเองเพิ่มขึ้น แต่การรับอดีตศัตรูเข้ามาอยู่ในกองทัพของตัวเองนั้นเหมาะสมแล้ว หรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่จบ

ทั้งนี้ ทหารที่หลบหนีไปร่วมกับ KNU มี รายงานว่า อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพันเอกซิตตู ผู้บัญชาการกองพล 999 ของ DKBA ขณะที่มีรายงานว่า พันเอกชิดตูค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในทางลบและเป็นผู้ที่มีความสนิท สนมกับรัฐบาลเผด็จการ ด้านนายอ่องเมียวมิน หัวหน้าสถาบันสิทธิมนุษยชนและการศึกษาแห่งพม่า หรือ HREIB (Human Rights and Education Institute of Burma) กล่าวว่า “การจับเด็กเป็นเชลยในพื้นที่สู้รบเป็นการ ละเมิดสิทธิเด็กอย่างรุนแรงที่สุด”

อ่องเมียวมินกล่าวเพิ่มเติมว่า การกักขังหน่วงเหนี่ยวเด็กและผู้สูงอายุ ถือเป็นการละเมิดข้อบัญญัติที่ 1612 ของยูเอ็น ซึ่งพูดถึงสิทธิเด็กในพื้นที่ความขัดแย้งและในพื้นที่สู้รบ

“กองกำลังDKBA ได้ตกเป็นผู้ต้องหาจากการใช้เด็กมาก่อนแล้ว และขณะนี้ ยังได้กระทำความผิดทางอาญาเพิ่ม ในข้อหาที่จับเด็กไปเป็นเชลย เราต้องการให้พวกเขาหยุดการกักขังเด็กโดยเร็วที่สุด และเด็กเหล่านั้นควรจะได้การปกป้องตามสิทธิที่เหมาะสม” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้แบบนี้มาแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อพ่อแม่ของนายทหาร DKBA ที่ชื่อโพต่อต่อ ถูกกักตัวและถูกบังคับให้จ่ายเงิน จำนวน 160,000 บาท เพื่อชดใช้ค่าปืนที่เขานำติดตัวไปหลังหลบหนีออก จาก DKBA ภายหลังทั้งสองก็ถูกปล่อยตัว เพราะยอมจ่ายเงินจำนวน 80,000 บาท ที่ได้มาจากการขายทรัพย์สินส่วนตัว (DVB: By NAW NOREEN 14 กรกฎาคม 2553)

หมายเหตุ

แปลและเรียบเรียงโดย สาละวินโพสต์ "สื่อทางเลือกเพื่อแบ่งปันความเข้าใจสู่เพื่อนบ้าน"อ่านข่าวและบท ความอื่นๆ อีกมากมายได้ที่เว็บไซต์ www.salweennews.org เฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/Salweenpost ทวิตเตอร์ http://twitter.com/salweenpost
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท