Skip to main content
sharethis

องค์การสหประชาชาติและผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเรียกร้องไทยเพิ่มความมุ่งมั่นและขยายความร่วมมือในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

(29 ก.ค. 53) องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดการสัมมนาเรื่อง “โรคขาดสารไอโอดีนกับความท้าทายต่อการพัฒนาของประเทศไทย” ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคขาดสารไอโอดีนจากประเทศต่างๆ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนที่จำเป็นในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนให้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งโรคขาดสารไอโอดีนถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาของสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะที่อยู่ในครรภ์มารดาและในวัยเด็ก การขาดสารไอโอดีนแม้เพียงเล็กน้อยสามารถทำให้ระดับเชาวน์ปัญญา (ไอคิว) ของทารกลดลงถึง 13.5 จุด การขาดสารไอโอดีนอย่างรุนแรงส่งผลให้เกิดโรคเอ๋อ ซึ่งถือเป็นความผิดปกติร้ายแรงทางสติปัญญาของเด็กแรกเกิด การขาดสารไอโอดีนในเด็กวัยเรียนอาจทำให้ระดับเชาวน์ปัญญาลดลงถึง 10-15 จุดจากค่าเฉลี่ยมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกซึ่งอยู่ที่ 90-110 จุด โดยทำให้ผลการเรียนไม่ดีเท่าที่ควร สำหรับผู้ใหญ่ การขาดสารไอโอดีนทำให้ศักยภาพการทำงานลดลงและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของงาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโรคขาดสารไอโอดีนส่งผลกระทบต่อประชากรทุกกลุ่มของสังคม

จากการศึกษาของโรงพยาบาลรามาธิบดีใน พ.ศ.2545 พบว่า ค่าเฉลี่ยระดับเชาวน์ปัญญาของเด็กไทยในหลายภาคลดลงในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาจนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ นอกจากนี้จากข้อมูลต่างๆ ของรัฐพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ถึงร้อยละ 60-70 ที่ได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางสมองของทารก ผลการศึกษาเมื่อปีที่แล้วของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคขาดสารไอโอดีนในระดับนานาชาติยังแนะนำว่ารัฐควรยกระดับความสำคัญในการป้องกันและการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนและให้ถือเป็นวาระชาติ โดยรณรงค์เพื่อให้เกิดการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ตลอดจนความมุ่งมั่นทางการเมืองในระดับรัฐมนตรีหรือสูงกว่า

ในระหว่างการสัมมนา นางกวี โยบ-ซน ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเสริมไอโอดีนเป็นการลงทุนในการพัฒนามนุษย์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและให้ผลเร็ว การลงทุนในเรื่องนี้จะช่วยให้เด็กๆ สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพสูงสุดของตน และในที่สุดจะมีส่วนช่วยพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าและสร้างสรรค์ ทีมงานของสหประชาชาติในประเทศไทยจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และจะช่วยสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ในการขจัดปัญหานี้ เพื่อสร้างเสริมความสามารถในการผลิต ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรไทยในอนาคต

ดร.มอรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประเทศไทย กล่าวว่า การเสริมไอโอดีนในเกลือบริโภคสำหรับคนและสัตว์ ซึ่งเรียกว่า เกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้า เป็นมาตรการที่องค์การอนามัยโลกแนะนำและได้รับการยอมรับจากประเทศสมาชิกว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดและประหยัดที่สุดในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ผลการศึกษาเมื่อปีที่แล้วของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคขาดสารไอโอดีนในระดับนานาชาติยังแนะนำให้ประเทศไทยใช้มาตรการนี้ซึ่งถือเป็นมาตรการเดียวในการทำให้แน่ใจว่าประชากรไทยจะได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอ

การเสริมไอโอดีนในเกลือถือเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าประชากรจะได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอเนื่องจากเกลือเป็นแร่ธาตุชนิดเดียวที่ประชากรทุกกลุ่มในทุกประเทศบริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การเสริมไอโอดีนในเกลือเป็นกระบวนการที่ทำได้ง่าย แม้ในผู้ผลิตเกลือรายย่อยซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทยก็สามารถเสริมไอโอดีนในเกลือได้

ศาสตราจารย์เครสเวลล์ อีสแมน รองประธานสภานานาชาติเพื่อการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนและผู้ประสานงานภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งติดตามความก้าวหน้าในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนในหลายประเทศทั่วโลก กล่าวว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหานี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังขาดกฎหมายในการบังคับให้ผู้ผลิตเกลือบริโภคสำหรับคนและสัตว์เสริมไอโอดีน ทั้งนี้รวมถึงเกลือที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนี้ประเทศไทยยังขาดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมาย

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวย้ำว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยการทำงานแบบบูรณาการ โดยต้องขยายความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ อย่างจริงจัง รวมถึงองค์การสหประชาชาติในประเทศไทยเพื่อร่วมกันขจัดโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net