Skip to main content
sharethis

30 ก.ค. 2553 - เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่บริเวณข้างธนาคารกสิกรไทย ใน ซ.รางน้ำ ใกล้กับ ห้างสรรพสินค้าคิงส์พาวเวอร์ โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ นำส่งรพ.ใกล้เคียงแล้ว ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ มีรถตู้จอดอยู่บริเวณด้านหน้าที่ 1 คัน และมีรถชาเล้ง หรือรถรับซื้อของเก่า จอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุด้วย โดยสภาพรถยังอยู่ในสภาพปกติ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร รถฮัมวี่ ประมาณ 2-3 คัน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ด้าน ร.ต.ต. นิติ นิรุตติวัฑน์ พนักงานสอบสวน สบ.1 สน.พญาไท เปิดเผยว่า หลังได้รับเจ้งเหตุดังกล่าว จึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบเหตุระเบิดเกิดขึ้น บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 27/15 ตรงข้ามกับ คิงพาวเวอร์ ซ.รางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี ที่เกิดเหตุพบชายอายุประมาณ 30-40 ปี สวมเสื้อยืดสีกรมท่า สวมเสื้อคลุมอีกชั้นหนึ่ง ใส่กางเกงเล สีชมพูออกแดง นอนหงายครวญครางอยู่ด้านหน้าบ้าน นอกจากนี้ยังมีรถตู้ สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฮต 7693 กทม. ซึ่งเป็นรถตู้วิ่งวินระหว่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ลพบุรี จอดอยู่ใกล้กัน อีกทั้งยังพบรถซาเล้งจอดอยู่ด้วย เบื้องต้นทราบว่า เป็นของชายที่ได้รับบาดเจ็บที่มีอาชีพเก็บของเก่า โดยขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำซ้อน

ระหว่างนั้น คนเจ็บได้พยายามลุกขึ้นใน สภาพศีรษะเต็มไปเลือด ที่ใบหน้าที่เลือดออก แขนขาได้รับบาดเจ็บ
ประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ภัยจึงเข้าไปอุ้มและช่วยเหลือชายคนดังกล่าว นำตัวส่งรพ.ราชวิถี อย่างเร่งด่วน
โดยอาการล่าสุดยังไม่ได้สติแพทย์อยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเบื้องต้น เหตุคนร้ายลอบนำระเบิดชนิดขว้างไปซุกไว้ในถังขยะในซอยรางน้ำ ตรงข้าม หน้าห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่าน จนเป็นเหตุให้ คนเก็บขยะที่อยู่ระหว่างการรื้อค้นขยะดังกล่าว ถูกแรงระเบิดอัด เข้าตามร่างกายจนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสนั้น ล่าสุด หลังพลตำรวจโทสัญฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ได้เน้นย่ำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน เร่งตรวจสอบกล้องวงปิดในที่เกิดเหตุเพื่อติดตาหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ ดังกล่าวแล้ว

ด้าน พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า จากการสอบสวน พบเป็นระเบิดชนิดขว้างจากจีน ซึ่งคนร้ายนำ มาถอดสลักออก แล้วใช้ยางรัดที่กระเดื่อง ก่อนนำน้ำมันมาราด เพื่อหน่วง เวลาในการระเบิด แล้วจึงมาวางไว้ในถุงดำ ก่อนที่จะมีผู้เคราะห์ร้ายมาเจอแล้ว ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้ประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดจากคิงพาวเวอร์ เพื่อนำมาตรวจสอบหาบุคคลต้องสงสัยแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุจะเป็นใครนั้น ยังไม่สามารถระบุได้

เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานอ้างถึงพยานในที่เกิดเหตุคือ นายสำรวย ทบภักดิ์ อายุ 37 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ อยู่บ้านเลชที่ 25 หมู่ 7 ต.เขวไร่ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนจอดรถห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร จากนั้นได้เห็นประกายไฟที่ต้นไม้ พร้อมกับเสียงดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นเห็นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง ซึ่งตอนเกิดเหตุจอดอยู่ด้านหลังรถซาเล้ง ได้ขับรถออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็ว น่าจะเป็นเพราะความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ตอนเกิดเหตุผมตกใจมาก ในชีวิตไม่เคยเห็นระเบิดที่น่ากลัวขนาดนี้ มองไปเห็นแสงไฟ และเกิดเสียงดังมาก จากนั้นก็เกิดกลุ่มควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ น่ากลัวมากที่สุด แต่ก็พอตั้งสติได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 ทันที" นายสำรวยกล่าว

 

โรงพยาบาลเผยเหยื่ออาจสูญเสียดวงตา
มติชนออนไลน์ยังได้รายงานอีกวา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เดินทางเข้าเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในกองขยะหน้าบ้านเลข ที่ 27 และ27/15 ภายในซอยรางน้ำ ฝั่งตรงข้ามคิงพาวเวอร์ คอมเพล็กซ์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. ที่ห้องผู้ป่วยหนัก ตึกศัลยกรรมประสาท เตียง 6 โรงพยาบาลราชวิถี

พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นได้ให้ กก.สส.บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เร่งตรวจสอบหาญาติของผู้บาดเจ็บ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปีเท่านั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานตามตัวว่าเป็นผู้ใด  โดยได้ให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดใกล้เคียงและร้านค้าต่างๆที่มี ประมาณ 9 จุดแล้ว โดยขณะนี้ยังไม่เห็นภาพที่คนร้ายนำระเบิดมาวางไว้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำรายงานไปถึง ศปก.ตร.  และพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนากยกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ต่อไป

ด้านพญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า  สำหรับผู้บาดเจ็บขณะนี้มีสะเก็ตระเบิดฝังอยู่ทั้งลำตัวและใบหน้า อาจต้องทำการผ่าตัดตาขางซ้ายอีกครั้ง และเสี่ยงที่จะสูญเสียตาข้างซ้ายไป ซึ่งอาการยังสาหัสมาก กระดูกขาขวาแตก และมีแผลเพราะถูกสะเก็ตระเบิดจำนวนมาก
 

เทพเทือกบอกป้องกันสถานการณ์ไม่ทัน ปัญหามาจากการข่าวแย่
สุเทพ เทือกสุบรรณบอกว่า ในที่ประชุม ศอฉ. เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา  ตนได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหลักในการจัดกำลังและสนธิกำลังจากฝ่ายต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ของ กทม. อาสาสมัคร และหากจำเป็นก็ขอกำลังสารวัตรทหารจาก 3 เหล่าทัพเข้ามาช่วยเสริม พร้อมกันนี้  ศอฉ.มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมไปดูแลหน่วยข่าวทั้งหมด ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะเริ่มประชุมวันที่ 30 กรกฎาคมคมเพื่อวางแนวทางในการกำกับดูแล

“ที่ผ่านมาการข่าวยังไม่ค่อยทันเหตุการณ์ การแก้ไขปัญหาให้ได้ข่าวที่ทันต่อการแก้ไขสถานการณ์และป้องกันสถานการณ์ได้ ก็อยู่ที่ผลการกำกับดูแลของ รมว.กลาโหม ที่จะรายงานให้รับฟังเป็นระยะๆ และทุกฝ่ายต้องประสานกันได้ ต้องไม่มีกรณีต่างคนต่างทำ ซึ่งเรามีหน่วยข่าวหลายหน่วยที่มีหน้าที่ดูแลแล้วแต่กรณี แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ต้องรวมกำลังกันป้องกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย”  นายสุเทพ กล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, มติชนออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net