ประชุมวุฒิฯ เดือด ซัดนัวปมเก้าอี้ "จารุวรรณ"/ “กสม." จี้ตั้งกรรมการอิสระสู้ปมพระวิหาร/ทนาย นปช.ร้องอัยการสูงสุด สอบพยานเพิ่ม 250 ปากก่อน สั่งคดี 25 แกนนำก่อการร้าย/ศาลนัดฟังคำสั่ง “มาร์ค” ฟ้อง “แม้ว” 9ส.ค.นี้ รวบเสื้อแดงฝืน พ.ร.ก.พกเสื้อเกราะ ซุกประทัด-ลูกเหล็กเหตุการณ์ปะทะวิภาวดี
ประชุมวุฒิฯ เดือด ซัดนัวปมเก้าอี้ "จารุวรรณ"
เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญนิติบัญญัตินัดแรก มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน โดยนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถิ์ ได้สอบถามประธานวุฒิสภา กรณีมีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา ได้เสนอความเห็นต่อประธานวุฒิสภาว่า ควรให้ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ที่พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพราะมีอายุครบ 65 ปี กลับเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่า สตง.ต่อ เพื่อประโยชน์ในด้านการตรวจสอบ ว่าเป็นความจริงหรือไม่ และที่ปรึกษากฎหมายของประธานวุฒิสภาสามารถดำเนินการเช่นนั้นได้ด้วยหรือ โดยนายประสพสุขชี้แจงว่า สตง.ได้ส่งเรื่องมาถึงตนเพื่อให้พิจารณา จึงได้ให้คณะที่ปรึกษากฎหมายฯ พิจารณาเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของประธานฯ เมื่อได้เสนอความเห็นมาแล้ว ตนก็ได้รับทราบเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินการอย่างไร ความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายไม่มีส่วนผูกพันทางกฎหมาย หากมีคนมาสอบถามตน ก็จะชี้แจงว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นสอบถามว่า เมื่อวัน 30 ก.ค. มีข่าวปรากฏโดยอ้างบันทึกของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ระบุถึงความเห็นคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภาในเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกแปลกใจว่า คณะกรรมการดังกล่าวซึ่งทำงานเพื่อวุฒิสภา แต่เหตุใดจึงมีบันทึกออกไปเปิดเผยอยู่ภายนอกได้ ทำให้สื่อมวลชนนำไปอ้าง ทำให้เกิดความเสียหาย และเมื่อไปตรวจสอบกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ว่ามีบันทึกออกไปจริงหรือไม่ กลับดูไม่ได้ นายประสพสุขชี้แจง ว่า เรื่องนี้คณะที่ปรึกษากฎหมายฯให้ความเห็นมา แต่ตนรับทราบเฉยๆ ไม่ได้ดำเนินการใดต่อ
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า หลังจากคณะที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาเรื่องนี้ทำความเห็นเสนอประธานวุฒิสภาแล้ว คุณหญิงจารุวรรณ ได้ทำหนังสือเสนอมายังคณะที่ปรึกษากฎหมายฯ ในช่วงที่ประธานวุฒิสภาไปราชการในต่างประเทศ โดยหนังสือระบุว่า มีความต้องการที่จะได้บันทึกความเห็นดังกล่าวเพื่อนำไปประกอบดุลยพินิจของคุณหญิงจารุวรรณเอง ในฐานะประธานที่ปรึกษากฎหมายฯเห็นว่าบันทึกดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับอะไร จึงนำส่งไปให้อย่างถูกต้องตามระบบสารบรรณ ยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคณะที่ปรึกษากฎหมายฯถูกต้องทุกประการ รองรับด้วยข้อบังคับการประชุมของวุฒิสภา อำนาจของประธานวุฒิสภา การพิจารณาได้ทำอย่างถูกต้องทุกประการ
“ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากผู้ว่า สตง. แต่อาจเกิดจากผู้ผิดหวังบางคน ที่ผิดหวังหรือเสียประโยชน์ไม่ได้ตำแหน่ง หรือบางคนที่ชักใยอยู่ข้างหลังที่ต้องการสิ่งที่ไม่ถูกต้องในกระบวนการที่ ไม่ถูกต้อง หนังสือของคณะที่ปรึกษากฎหมายฯ เป็นแค่ความเห็นทางกฎหมาย ผลจะมีหรือไม่อยู่ที่ผู้อ่านว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทั้งหมดไม่ใช่ความเห็นชี้ขาด ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เคยวินิจฉัยว่าคุณหญิงจารุวรรณต้องพ้นจากตำแหน่ง เป็นแต่เพียงความสงสัยของคุณหญิงจารุวรรณเองเท่านั้น การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปโดยโปร่งใส แต่ถ้าเพื่อนสมาชิกเห็นว่าพวกผมทำหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266 ก็ขอให้ไปฟ้องให้ตรวจสอบ หากไม่ดำเนินการจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”นายไพบูลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ยังขอสำเนาหนังสือความเห็นเรื่องนี้ทั้งหมด ทั้งบันทึกการปะชุม หนังสือที่ออก และหนังสือความเห็นที่ส่งไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยอยากทราบว่าผู้ที่ส่งหนังสือคือใคร ใครเป็นผู้ลงนาม ลงนามในสถานะใด โดยกำหนดภายในวันนี้ ทำให้นายไพบูลย์ กล่าวตอบโต้ว่า เรื่องการขอเอกสารขอให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุรายละเอียดว่าต้องการหนังสืออะไร หากไม่มีลายลักษณ์อักษรจะไม่สามารถส่งเอกสารให้ได้
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
"กสม." จี้ตั้งกรรมการอิสระสู้ปมพระวิหาร
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงาน คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยมี นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิฯ เป็นประธาน ได้พิจารณากรณีคณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนรับรองแผนการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ไปปีหน้า
นายปริญญา กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการเลื่อนครั้งนี้มีประเด็นลึกๆ อย่างไรหรือไม่ เพราะนายสก อาน รองนายกฯ ของกัมพูชา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าได้รับชัยชนะ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นการพูดเพราะมีข้อมูลอะไร หรือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ นอกจากนี้การเลือนพิจารณาก็เป็นเพราะปัญหาเรื่องเทคนิคไม่ได้มาจากข้อมูลที่นำไปสู้
"รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาทำงาน เพราะหากในอนาคตรัฐบาลอยู่ไม่ได้ ก็จะมีผู้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาทางฝ่ายกัมพูชามีคนที่ต่อสู้เรื่องนี้ต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงต้องการทีมงานเฉพาะกิจที่มีความมั่นคง"
ด้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังกลับถึงประเทศไทยว่า เรื่องนี้ที่ผ่านมาเราไม่ได้รับความร่วมมือเรื่องเอกสาร ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำคือ 1.ต้องเร่งขอเอกสารจากคณะกรรมการมรดกโลก 2.การนำเอกสารต้องรีบนำเอกสารมาพิจารณาข้อถูกต้องหรือเงื่อนไขของกฎหมาย 3.ต้องทำความเข้าใจกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ 4.เปิดการเจรจาพูดคุยกับทางกัมพูชา หาข้อยุติเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ในฐานะประธานภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร เตรียมเคลื่อนไหวและกดดันกรณีปราสาทพระวิหาร โดยจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า เคยพูดหลายครั้งแล้วว่าถ้ามีความคิดเห็นที่แตกต่างก็มาพูดคุยกันได้ แต่อย่าไปทำให้เกิดลักษณะที่เหมือนกับว่าในบ้านเมืองของเรามีความขัดแย้งกันเองในเรื่องนี้
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
ทนาย นปช.ร้องอัยการสูงสุด สอบพยานเพิ่ม 250 ปากก่อน สั่งคดี 25 แกนนำก่อการร้าย
มติชนออนไลน์รายงาน เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายสมหมาย กู้ทรัพย์ นายองอาจ คำทอง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความแกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และทีมทนายความแนวร่วม นปช. เดินทางเข้าพบนายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์ อัยการสูงสุด ในการสั่งคดีที่ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำ นปช. รวมทั้งแนวร่วม นปช. รวม 25 คน ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-3 โดยผู้ต้องหา ขอให้อัยการ สอบสวนพยานเพิ่มเติมรวม 250 ปาก ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย
โดยนายรุจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า จะรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไว้พิจารณา ซึ่งนอกจากหนังสือแล้ว ทีมทนายความยังยื่นหนังสือที่นักวิชาการเขียนเกี่ยวกับการชุมนุม ชื่อ “ ความจริงวันนั้น” และ “ไขปริศนาใครฆ่าประชาชน” ประกอบการพิจารณาของอัยการด้วย ส่วนอัยการจะสั่งสอบสวนพยานเพิ่มเติม หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นกรณี ซึ่งขณะนี้สำนวนที่ดีเอสไอ ส่งมอบให้นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด คณะทำงานอัยการคดีพิเศษ ได้พิจารณาไปบ้างแล้ว ส่วนจะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด หรือไม่ในความผิดฐานก่อการร้าย ก็ต้องพิจารณาพฤติการณ์ผู้ต้องหาแต่ละราย ไม่ได้หมายความถ้าสั่งฟ้องจะฟ้องทุกคนในความผิดดังกล่าว ซึ่งสำนวนที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอสรุปส่งให้อัยการ มีการกล่าวหาข้อหาอื่นด้วย ส่วนการพิจารณาจะเสร็จสิ้นเมื่อใด อัยการจะดำเนินการให้เร็วที่สุดและพยายามให้ทันระยะเวลาฝากขังที่เหลืออยู่ โดยส่วนตัวคาดว่าจะพิจารณาสำนวนเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่นายสมหมาย หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า หนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นต่ออัยการ ขอให้สอบพยานซึ่งเป็นนักวิชาการ ผู้ชุมนุมที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งญาติผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งประเด็นข้อกฎหมายที่สู้ว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากอัยการจะสอบสวนเพิ่มเติม ทีมทนายความก็พร้อมที่จะติดตามพยานมาให้เนื่องจากแต่ละคนมีถิ่นที่อยู่ในต่างจังหวัดด้วย ส่วนจะสั่งสอบพยานทั้งหมดหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของอัยการ แต่หากอัยการจะไม่สั่งสอบสวนเพิ่มเติม แล้วถ้ามีการยื่นฟ้องต่อศาล ทีมทนายความ ก็จะนำพยานกลุ่มดังกล่าวเบิกความต่อศาลต่อไป เพราะพยานกลุ่มนี้จะเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้งหมด อย่างไรก็ดียืนยันการร้องขอความเป็นธรรม ให้สอบพยานถึง 250 ปาก ไม่ได้มีเจตนา เพื่อประวิงเวลาสั่งคดีแต่อย่างใด
ด้านนายวิญญัติ ทนายความ ยังกล่าวถึงการยื่นประกันตัวนายก่อแก้ว พิกุลทอง และ น.พ.เหวง โตจิราการ เพิ่มเติมหลังจากศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.ว่า เตรียมจะยื่นภายในสัปดาห์นี้ โดยจะยกเหตุผลเดียวกับของนายวีระ ส่วนแกนนำ นปช.คนอื่นๆ จะรอจังหวะยื่นตามลำดับต่อไป
ที่มา: มติชนออนไลน์
ศาลนัดฟังคำสั่ง “มาร์ค” ฟ้อง “แม้ว” 9ส.ค.นี้
เว็บไซต์คมชัดลึกรายงาน (2ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ครั้งแรกคดี อ .1074/ 2553 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 , 326 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 14 - 17 มี.ค.53 เวลา 20.00 - 22.000 น. จำเลยวีดีโอลิงค์ ผ่านเวทีการปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่มีการถ่ายทอดทางช่องพีเพิ่ล แชนแนล และวิทยุ ไปทั่วประเทศ ทำเข้าใจว่าโจทก์ มีอาการป่วยทางจิต เป็นคนใจอำมหิต โหดเหี้ยม ทารุณโหดร้ายต่อประชาชน ที่ใช้กำลังปราบปรามเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.52
โดยนายอภิสิทธิ์ เข้าเบิกความเป็นพยานด้วยตัวเองเพียงปากเดียว สรุปว่า ที่จำเลยอ้างถึงคลิปเสียงของโจทก์สั่งการให้ทหารใช้ความรุนแรงนั้น ได้มีการตรวจสอบด้วย คุณหญิง พ.ญ.พรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แล้วว่าเป็นการตัดต่อคลิปเสียง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันยังหาต้นตอของผู้ทำการตัดต่อไม่ได้ แต่ก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในเหตุชุมนุม เมื่อปี 2552 โจทก์ยืนยันว่าได้สั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม และจากการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมเมื่อปี 2552 ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวถึงปัญหาการทุจริต คอรัปชั่นนั้น ในการบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลโจทก์ เมื่อมีการกล่าวหา มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทันที และมีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบ ขณะที่การบริหารราชการการเมืองของโจทก์ที่ผ่านมา ไม่เคยถูกตัดสินคดีว่าทุจริตคอรัปชั่น หรืแอถูกยึดทรัพย์แต่อย่างใด
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวหาโจทก์ว่าเป็นเพราะระบบอำมาตย์ถึงได้มาเป็นรัฐบาลนั้น โจทก์ยืนยันว่าโจทก์ได้รับเลือกจากระบบลงคะแนนเสียงในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทย ให้ลงแข่งขันด้วย และในอดีต ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แม้จะได้รับคะแนนเสียงน้อย แต่ ส.ส.ในสภาก็ใช้ดุลพินิจสนับสนุนให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ ยังเบิกความถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พาดพิงถึงการใช้ความรุนแรงว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่าตนมีสุขจิตไม่ปกติ ถือเป็นการพูดที่ยืนยันข้อเท็จจริง ทั้งที่ตนไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เองที่เคยเป็นผู้ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จนเหตุการณ์บานปลาย และเหตุการณ์มิสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์ที่ อำเภอตากใบ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 80 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นที่กักขาอยู่ รวมทั้งนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2,000 คน
ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เบิกความเสร็จสิ้น ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ที่มา: คมชัดลึก
รวบเสื้อแดงฝืน พ.ร.ก.พกเสื้อเกราะ ซุกประทัด-ลูกเหล็กในเหตุการณ์ปะทะวิภาวดี
เนชั่นทันข่าวรายงานว่ากองกำกับการอำนวยการ 2 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานผลการสืบสวนติดตามคดีค้างเก่าที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.มายัง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาว่า วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง จับกุมตัว นายชัยพร คำทองทิพย์ อายุ 38 ปีตามหมายจับ ข้อหามีเครื่องยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) ซึ่งใช้ในราชการไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนข้อกำหนดประกาศหรือคำสั่งที่ออกความในมาตรา 9, 11 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หมายจับศาลอาญาที่ 1632/2553 ลงวันที่ 28 ก.ค.
รายงานระบุว่า สืบเนื่องจากวันที่ 28 เม.ย.กลุ่มผู้ร่วมชุมนุม นปช.ได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ขาออกมุ่งหน้าตลาดไท และได้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน ซึ่งนายชัยพรได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับการชุมนุม เช่น เสื้อเกราะจำนวน 1 ตัว ประทัดลูกกลมพลาสติกจำนวน 4 ลูก ลูกเหล็กกลมจำนวน 58 ลูก ได้ที่ตู้เก็บของนายชัยพรในห้องพักรักษาตัว โดยนายชัยพรให้การว่าสิ่งของดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่พนักงานสอบสวนไม่สามารถติดตามตัวมาเพื่อทำการแจ้งข้อหาได้ จึงได้ขออนุญาตศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
ที่มา: เนชั่นทันข่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)