จาตุรนต์ ฉายแสง: ความเห็นต่อกรณีการให้ประกันตัวผู้ต้องหาเสื้อแดง

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

หมายเหตุ: เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เผยแพร่บทความ "ความเห็นต่อกรณีการให้ประกันตัวผู้ต้องหาเสื้อแดง" ลงในเว็บบล็อกของเขา โดยรายละเอียดของบทความมีดังนี้

 

คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกำลังถูกโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามของเสื้อแดง รวมทั้งพวกของคุณกอร์ปศักดิ์เองด้วย นายกฯอภิสิทธิ์ก็พยายามแก้ตัวให้คุณกอร์ปศักดิ์ว่า คุณกอร์ปศักดิ์ไปเป็นพยานตามหมายศาล แต่ไม่ได้อธิบายว่าที่คุณกอร์ปศักดิ์ไปให้การอย่างที่ให้การไปนั้นดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด

ดูเหมือนนายกฯอภิสิทธิ์จะแก้ปัญหาด้วยการใช้คำพูดที่กำกวม  หรือไม่ก็แบบขอไปที ไม่เป็นเหตุเป็นผลในเรื่องต่างๆเป็นประจำไปเสียแล้ว การอธิบายแทนคุณกอร์ปศักดิ์จึงไม่มีน้ำหนักอะไรและไม่ควรค่าแก่การวิจารณ์แต่อย่างใด

การที่คุณกอร์ปศักดิ์ไปเป็นพยานว่าคุณวีระได้เจรจากับคุณกอร์ปศักดิ์ในหลายโอกาสและได้แสดงให้คุณกอร์ปศักดิ์เห็นว่า คุณวีระไม่นิยมความรุนแรงและยังต้องการยุติการชุมนุมตามผลของการเจรจานั้น  เป็นการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการขอประกันตัวคุณวีระและนอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์ต่อการปรองดองของทั้งฝ่ายต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ความจริงสิ่งที่รัฐบาลนี้ควรทำก็คือ สั่งการให้ดีเอสไอและพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาในคดีต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองทั้งหลาย และก็ควรส่งคนของรัฐบาลไปเป็นพยานช่วยให้ผู้ต้องหาเหล่านี้สามารถประกันตัวได้อย่างที่คุณกอร์ปศักดิ์ได้ไปช่วยเป็นพยานให้กับคุณวีระมาแล้ว

เป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ น่าคิดว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่เข้ามอบตัวหรือแม้แต่บางคนที่ถูกจับตัวได้นั้น เป็นผู้ที่ยืนยันการต่อสู้แบบสันติวิธีเกือบทั้งสิ้น แต่คนเหล่านี้กลับต้องเข้าไปอยู่ในคุก ถูกล่ามโซ่ ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้โดยสะดวก ในขณะที่ผู้ที่ตกเป็นข่าวว่านิยมความรุนแรงกลับอยู่ข้างนอกคุก พร้อมกันนั้นก็มีข่าวว่าผู้ที่โกรธแค้นรัฐบาลบางส่วนกำลังหมดความอดทนที่จะต่อสู้ด้วยสันติวิธีต่อไป  และมีผู้ต้องหาอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ต้องการต่อสู้แบบสันติวิธีที่ยังไม่ได้เข้ามอบตัว ก็ยังไม่ประสงค์จะเข้ามอบตัว เพราะรู้ว่าคงไม่ได้ประกันตัวก็เลยหลบหนีอยู่นอกคุกไปก่อนดีกว่า

การปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครเลย

สถานการณ์การเมืองจะลดความตึงเครียดลงทันที หากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ได้รับการประกันตัว ผู้ที่หลบหนีอยู่หลายคนก็คงจะขอเข้ามอบตัวสู้คดี และถ้าเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ได้พูดคุยกัน ทั้งคุยกันเองและคุยกับพวกเสื้อแดงหรือกับผู้ที่สนใจการเมืองทั้งหลาย สิ่งที่จะตามมา ผมเชื่อว่าก็จะได้แก่ข้อสรุปว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่จะมีต่อไปจะต้องเป็นการต่อสู้แบบสันติวิธีเท่านั้น

ถ้าได้ข้อสรุปอย่างนี้ เราก็จะสามารถลดความเสี่ยงของการที่ผู้คนจะหันไปใช้การต่อสู้ในรูปแบบอื่นๆได้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองโดยส่วนรวมโดยตรง

คนที่อาจไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบนี้ นอกจากผู้ที่ต้องการทำลายล้างพวกเสื้อแดงให้สิ้นซากไปแล้ว ก็คงได้แก่ ผู้ที่ไม่ประสงค์จะเห็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในรูปแบบหรือวิธีการใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคมเสียแล้ว

บ้านเมืองมาถึงขนาดนี้ ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยและความไม่ยุติธรรมยังดำรงอยู่ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะหายสาบสูญไปเฉยๆนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ ปัญหาอยู่ทีว่าจะทำอย่างไรให้การต่อสู้นี้จำกัดอยู่ที่การต่อสู้แบบสันติวิธี

การปิดกั้นการต่อสู้อย่างสันติอย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ นอกจากไม่สามารถสกัดกั้นหรือทำลายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้หมดไปแล้ว ยังจะเป็นการผลักดันให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงให้เกิดมากขึ้นอีกด้วย

สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ถ้ารัฐบาลสนใจ ก็คือ การเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้รับการประกันตัวออกมา รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ได้ไปพบปะพูดจาหรือให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการต่างๆที่นายกฯตั้งขึ้น ผมเชื่อว่าแกนนำหลายคนก็คงพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในเรื่องนี้

จะติดอยู่หน่อยเดียวก็ตรงที่นายกฯเคยพูดไว้ว่าจะไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย และถ้าคนฟังเข้าใจความหมายของนายกฯ คงคิดว่านายกฯหมายถึงจะไม่ปรองดองกับคนเสื้อแดงนั่นเอง

ทางออกในเรื่องนี้ ก็คือ นายกฯจะต้องอธิบายเรื่องการปรองดองเสียใหม่ว่า การปรองดอง คือ การทำให้คนสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันหาหน้ามาหากัน ลดความขัดแย้งกัน ซึ่งจะไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกตัดออกไปจากกระบวนการปรองดองเสียตั้งแต่ต้นแล้ว

การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ได้ทำให้กระทบกระเทือนระบบยุติธรรมของประเทศแต่อย่างใด ใครต้องถูกดำเนินคดีก็ถูกดำเนินคดีต่อไป และใครที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็อาจถูกเรียกร้องจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสียด้วย  ว่าไปแล้วก็จะเป็นการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสียด้วยซ้ำไป

หลักการที่ผมเสนอนี้ รัฐบาลจะเอาไปใช้กับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยก็ได้ ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

สิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็คือ การตั้งข้อหาอย่างเหมาะสมกับความผิดที่ได้ทำไป ยึดสนามบินเป็นการก่อการร้ายก็ควรตั้งข้อหาก่อการร้าย จะยกเว้นไม่ได้ แต่กลุ่มพันธมิตรฯทั้งหลายไม่ได้แสดงอาการว่าต้องการจะหลบหนี  เพราะฉะนั้นเมื่อมอบตัวแล้วก็ควรดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาคือต้องคุมตัวและให้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์หรือเงินสดจำนวนใกล้เคียงกับที่คุณวีระต้องใช้ก็ได้ รัฐบาลคงสะดวกใจอยู่แล้วที่จะไปให้การเป็นพยานเพื่อช่วยให้กลุ่มพันธมิตรฯ ประกันตัวได้ง่ายขึ้น

ถ้านึกไม่ออกว่าจะส่งใครไป ผมขอแนะนำให้ส่งคุณกษิต ภิรมย์ไปก็ได้ แต่ถ้าเกรงว่าไม่มีน้ำหนัก ผมว่านายกฯนั่นแหละเหมาะที่สุดที่จะไปทำหน้าที่นี้

เมื่อทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองต่างก็ได้รับการประกันตัวเหมือนกัน ซึ่งหมายความว่าต้องถูกจับกุมคุมขังเหมือนกันเสียก่อนแล้ว คำครหาเกี่ยวกับความเป็นสองมาตรฐานก็จะลดลงไปด้วย  คณะกรรมการทั้งหลายที่รัฐบาลตั้งขึ้นก็จะทำงานง่ายขึ้น และหากมีการเจรจา หารือของฝ่ายต่างๆ การจะหาทางออกจากวิกฤตและการปรองดองก็จะง่ายขึ้นด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท