Skip to main content
sharethis

"พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" แถลงมีคนบิดเบือนว่าเจ้าหน้าที่สั่งฆ่าประชาชน ยันมีกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวกับผู้ชุมนุมจริงๆ เพื่อฆ่าเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ยัน ศอฉ. ไม่ใช้กระสุนจริงยิงประชาชน มีแต่ยิงขึ้นฟ้าข่มขวัญ ยิงเพื่อคุ้มกันเจ้าหน้าที่และคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ ลั่นคง พรก.ฉุกเฉินเพราะมีการจาบจ้วงสถาบัน และรักษาความสงบ เตือนวางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงและก้าวล่วงอำนาจศาล

วันนี้ (8 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ผอ.ศอฉ.) เป็นประธานในการประชุมศอฉ. โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1.30 ชั่วโมง

สรรเสริญแจงใช้อาวุธสงครามเพื่อคุ้มครองผู้บริสุทธิ์

จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุมมีการหารือใน 3 ประเด็น คือ 1.ความห่วงใยของศอฉ.ต่อข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏในสังคมปัจจุบันที่มีความพยายามของบางกลุ่ม บางบุคคลที่พยายามสื่อสารกับสาธารณะให้เป็นข้อมูลที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ยิ่งนานวันยิ่งมีมากขึ้นเป็นลำดับ เช่น การวิพากษ์วิจารณ์การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมที่เสียชีวิตไปรวม 89 ศพ โดยมีการกล่าวอ้างว่า มีการสั่งฆ่าประชาชน และเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อการสสั่งฆ่าประชาชนครั้งนี้

“ความจริงศอฉ.ไม่อยากลงไปชี้แจงในเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เพราะทุกเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติกรรมไปหมดแล้ว แต่มีความจำเป็นในการชี้แจงในภาพรวมไม่เช่นนั้นสังคมจะได้ข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง จะสังเกตได้ว่า ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเจ้าหน้าที่ไม่ได้อาวุธสงครามหรืออาวุธกระสุนจริงยิงเข้าใส่ประชาชน เพราะทุกกรณีมีการกำหนดขอบเขตการใข้อาวุธไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่กระสุนยาง กระสุนจริงของปืนลูกซอง กระสุนปืนเอ็ม 16 โดยเราจะยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญ และยิงเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หรือคุ้มครองผู้บริสุทธิ์เท่านั้น” โฆษกศอฉ.กล่าว

ชี้มีกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวกับผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่-ประชาชนจนเสียชีวิต
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งนี้ทีผ่านมาจากข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏทางสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่า มีกลุ่มผู้มีอาวุธแฝงตัวอยู่ในกล่มผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนถึงชีวิต แต่เมื่อเหตุการณ์เนิ่นมาก็มีคนบางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่ว่า สั่งฆ่าประชาชน และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งทั้งหลาย ทั้งนี้ยืนยันว่า ในจิตใจของคนเป็นทหาร ตำรวจ ไม่มีใครเคยคิดทำร้ายพี่น้องประชาชนให้ถึงแก่ชีวิตโดยพลการเด็ดขาด หากไม่มีเหตุที่เป็นไปตามข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตามขอให้ทุกเรื่องพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม

สาเหตุที่ประกาศ พรก.ฉุกเฉินเพราะมีการจาบจ้วงสถาบัน และเพื่อรักษาความสงบ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อไปว่า 2. เรื่องการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เมื่อไรจะยกเลิก ขอเรียนชี้แจงว่า สาเหตุที่มีการประกาศพ.ร.ก.ตั้งแต่แรก คือ มีการจาบจ้วงสถาบัน ต้องการรักษาความสงบไม่ต้องการให้ประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันทางการเมืองปะทะกันจนเกิดความสูญเสีย และรักษาไว้ซึ่งกระบวนการทางด้านกฎหมายและความยุติธรรรม รวมถึงป้องกันเหตุรุนแรงที่เป็นภัยต่อความั่นคงของประเทศ แม้วันนี้ไม่มีการชุมนุมที่เห็นอย่างชัดเจน แต่เป็นที่ประจักษ์ทางข้อมูลข่าวสารว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทางการเมืองทั้งเหตุยิงเอ็ม 79 เหตุลอบวางระเบิดอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงาน ป้องกัน ระงับ ยับยั้งให้เกิดผลสำเร็จ เพื่อป้องกันความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ย้อนถามขนาดประกาศ พ.ร.ก.ยังเกิดเหตุ ถ้าไม่ประกาศจะมากขนาดไหน
“หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเมื่อประกาศใช้ พ.ร.ก.แต่ยังมีเหตุอยุ่ ต้องย้อนถามกลับว่า ขนาดประกาศยังมีเหตุอยู่ หากไม่ประกาศจะมากขนาดไหน ดังนั้นต้องดูตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คือ ที่ใดที่เพียงพอที่กฎหมายภาคปกติ การบูรณาการของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทางด้านความั่นคงสามารถจัดการทุกอย่าวต่างๆได้ เราพร้อมจะยกเลิก แต่หากพื้นที่ใดมีความจำเป็นก็ต้องมีการประกาศพ.ร.ก. และหากสมมุติว่า เรายกเลิกประกาศพ.ร.ก.ทั้งหมด แล้วเกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา และเราประกาศซ้ำอีกครั้ง ความรู้สึก ภาพลักษณ์ จะไม่ยิ่งไปกว่าเดิมอีกหรือ บางคนพยายามบอกว่า เราสร้างสถานการณ์เพื่อคงพ.ร.ก.ไว้ จะเห็นว่า ไม่ได้เป็นผลดีต่อฝ่ายความมั่นคง กระแสที่ตีกลับมีผลเสียมากกว่าผลดี” โฆษกศอฉ.กล่าว

เตือนวางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงและก้าวล่วงอำนาจศาล
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า 3.การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในวันที่ 19 กันยายนนี้ โดยมีกิจกรรมในหลายลักษณะ เช่น การวางดอกไม้แดงที่เรือนจำ ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีความนิ่งในระดับหนึ่ง เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นในอนาคต แต่ใครจะเคลื่อนไหวควรคิดถึงผลกระทบและภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศให้มาก การกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดสามารถทำได้ตามข้อกฎหมาย แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจจึงต้องเห็นใจเขาด้วย สิ่งต่างๆหากถูกต้องตามกฎหมาย ท่านสามารถทำได้ แต่หากผิดกฎหมายต้องว่าไปตามนั้น

“การวางดอกไม้แดงหน้าที่คุมขังดูหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้าง และหมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงในอำนาจของศาล บางคนพยายามเสนอข้อมูลว่า หากต้องการความปรองดองอย่างที่พรรคหนึ่งพยายามนำเสนอ ทำไมศอฉ.และรัฐบาลไม่ปล่อยตัวนักโทษที่ถูกควบคุมตัวอยุ่ ต้องเรียนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ศอฉ.หรือรัฐบาลไม่มีอำนาจไปสั่งให้จับใครหรือสั่งให้ปล่อยใคร ดังนั้นการที่ท่านจะวางดอกไม้แดง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่าน  แต่อยากให้ท่านคิดให้รอบคอบว่า หมิ่นเหม่ต่อการไปก้าวล่วงอำนาจของศาลหรือไม่”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 19 กันยายนนี้ที่จะครบ 4 ปีรัฐประหาร ทางหน่วยข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองว่า อยู่ในกรอบกฎกติกาหรือไม่อย่างไร  ทั้งนี้การเคลื่อนไหวสามารถทำได้ถ้าไม่ผิดกฎหมาย แต่อยากให้คำนึงภาพลักษณ์ความมั่นใจของผู้ประกอบการ ส่วนในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย ทาง ศอฉ.ยังได้ฝากให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ดูแลในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ฝ่ายยุทธการของ ศอฉ.ได้บรรยายสรุป โดยให้ประสานการปฎิบัติงานให้ชัดเจน แต่ในที่ประชุมไม่ได้มีการประเมินถึงกระแสข่าวการก่อวินาศกรรมแต่อย่างใด แต่ทุกอย่างต้องไม่ประมาท

ย้ำส่งทหารไปอยู่รถบีทีเอสรถไฟฟ้าประชาชนอุ่นใจ มีมากเกินดีกว่าขาด
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ศอฉ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปรักษาความปลอดภัยที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวนมากนั้น เป็นการระบุของโฆษกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้ประมาท แต่ไม่ได้หมายความว่า เราทำตามคำกล่าวของโฆษกพรรคการเมืองนั้น แต่เมื่อสังคมไม่สบายใจในการฟังข้อมูลนี้จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงงาน และประชาชนก็จะอุ่นใจ  มีมากเกินดีกว่าขาด ซึ่งจะปฏิบัติภารกิจจนกว่ามีข้อมูลข่าวสารว่ามีความปลอดภัย นอกจากนี้ในที่ประชุมทาง ผู้กำกับ สน.พญาไท ได้รายงานว่า เมื่อเช้าทื่ผ่านมาพบระเบิดใส่ประเป๋านักเรียนวางไว้ใต้บันไดสะพานลอย หน้าโรงเรียนสันติราษฎร์ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นถังแก๊สใส่ดินระเบิด มีชนวนทุกอย่างครบพร้อมทำงาน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตรวจพบเสียก่อนจึงไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net