Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ขบวนการเสื้อแดงได้สร้างประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่น่าภูมิใจ ขบวนการเสื้อแดงเป็นขบวนการรากหญ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่การต่อสู้ต้องกระทำท่ามกลางความเจ็บปวด และการเสียสละ

ใครๆ พูดเรื่องปรองดองก็ได้ ฟังแล้วดูดีทั้งนั้นถ้าไม่พิจารณาความหมายของการปรองดอง ใครๆ ก็คงต้องการสันติภาพและความสงบสุข ถ้าแค่พูดลอยๆ นามธรรม แต่ในโลกจริงเราต้องทราบว่าในรูปธรรมการปรองดองหมายความว่าอะไร และสันติภาพและความสงบสุขจะสร้างบนเงื่อนไขอะไร

สิ่งที่เสื้อแดงทุกคนต้องการคือ

1. ประชาธิปไตยแท้
2. การยกเลิกสองมาตรฐานทางกฎหมาย
3. การปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน
4. การลงโทษผู้ที่สั่งฆ่าประชาชน

นี่คือประเด็นสำคัญพื้นฐาน และเป็นเงื่อนไขสามัญในการสร้างประชาธิปไตย และความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชน นอกจากนี้มันเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สุดขั้วเกินเหตุแต่อย่างใด แล้วทำไม พรรคเพื่อไทย ไม่พูดถึงประเด็นเหล่านี้ในรูปธรรม?
รัฐบาลอำมาตย์ของอภิสิทธิ์เสนออะไรเพื่อปรองดอง? รัฐบาลอำมาตย์เสนอว่าควรจะมีการเจรจา แต่ในการเจรจาจะต้องไม่มีแกนนำสำคัญของขบวนการเสื้อแดง เช่นคุณจตุพร นอกจากนี้รัฐบาลอำมาตย์ไม่สัญญาหรือให้อะไรทั้งสิ้น จบแค่นี้ แต่มีข้อเรียกร้องต่อคนเสื้อแดงมากมาย เช่น “คนเสื้อแดงต้องยุติการเคลื่อนไหว” “คนเสื้อแดงต้องยุติการผลิตสื่อของตนเอง” “คนเสื้อแดงต้องไม่ก่อความรุนแรง” อันหลังนี้หน้าด้านมาก เพราะผู้ที่ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนคือรัฐบาลอภิสิทธิ์กับทหาร

สิ่งที่อำมาตย์กำลังทำไม่ใช่การปรองดองแต่อย่างใด มันเป็นพฤติกรรมของโจรนักเลงต่างหาก คืออำมาตย์มันเอารถถังและทหารมาปล้นประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพเมื่อ 19 กันยายน 2549 มันทำลายรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย มันล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งโดยใช้ศาล มันยุบพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดสองรอบ มันก่อความวุ่นวายที่สนามบินด้วยกองกำลังอันธพาล มันตั้งรัฐบาลเผด็จการภายใต้อภิสิทธิ์ มันเซ็นเซอร์สื่อ แล้วมันฆ่าประชาชนในเมษายน 2552 และเมษายน พฤษภาคม 2553 และคนที่ไม่โดนฆ่าก็ถูกจับเข้าคุก จนตอนนี้ไทยมีนักโทษการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์.... เสร็จแล้วอำมาตย์มันหันมาบอกคนเสื้อแดงว่า “พวกคุณเลิกได้แล้วเพื่อการปรองดอง” นั้นไม่ใช่ปรองดอง มันเป็นการข่มขู่ ไม่ต่างจากโจรที่ปล้นบ้านเสร็จแล้วบอกเจ้าของบ้านให้เลิกหาเรื่อง

“ปรองดอง” ของอภิสิทธิ์และอำมาตย์คือการบอกคนเสื้อแดงว่าฝ่ายมันจะรักษาอำนาจทุกอย่างไว้ และคนเสื้อแดงต้องยุติกิจกรรม

“ปรองดอง” ของอำมาตย์คือการหมุนนาฬิกากลับไปสู่ยุคที่มีรัฐบาลผสมของหลายพรรคที่แบ่งกันกิน ผลัดกันนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยที่รัฐบาลนั้นอ่อนแอเพื่อเปิดช่องให้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญแทรกแซง มันเป็นระบบที่อาศัยการซื้อขายเสียงอย่างเดียว ไม่ต้องเสนอนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมหรือเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
แล้วปรองดองของผู้นำพรรคเพื่อไทยคืออะไร? ปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบายว่ามันคือ

1. การยอมรับการปรองดองของอภิสิทธิ์
2. การร่วมกันสร้างประชาธิปไตย ความยุติธรรม และความเท่าเทียม
3. การไม่สนับสนุนความรุนแรง
4. การร่วมถวายความจงรักภักดี
5. การเจรจากับอำมาตย์โดยที่เสื้อแดงไม่มีส่วนร่วม

มันมีแต่ “น้ำ” ไม่มีสาระอะไร แต่ที่แย่กว่านั้นคือ ไม่มีการพูดถึงสี่ประเด็นสำคัญคือ

1. การปล่อยนักโทษการเมือง
2. การยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน และการเซ็นเซอร์สื่อต่างๆ
3. การปูทางไปสู่การลงโทษผู้สั่งฆ่าประชาชน
4. การประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน และกติกาการเลือกตั้งที่โปรงใสและเป็นธรรม

คำถามที่คนเสื้อแดงต้องถามกับผู้นำพรรคเพื่อไทยคือ “คุณกำลังจะยอมแพ้เพื่อปกป้องอาชีพนักการเมืองของคุณ หรือคุณจะหาทางปรองดองโดยเป็นผู้แทนของคนเสื้อแดง”?

ถ้าจะมีการปรองดองที่ดีที่สุดเพื่อความสงบสุขของประเทศ ผู้กระทำความผิดต้องยอมรับผิด โดยการสัญญาว่าจะเลิกกระทำความผิด เช่น อำมาตย์ต้องสัญญาว่าจะฟังเสียงประชาชนโดยที่ไม่มีการแทรกแซงการเมืองโดยทหารหรือองค์กรอื่น ต้องสัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ที่ชัดเจน และ กกต. ต้องแต่งตั้งใหม่ให้มีคนที่เชื่อถือได้ว่าจะรักษากติกาประชาธิปไตย ต้องยกเลิกการเซ็นเซอร์และ พรก.เผด็จการ ต้องปล่อยนักโทษเสื้อแดงทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข ต้องให้นายกรัฐมนตรี ผบทบ. และนายพลที่มีส่วนใน ศอฉ. ลางานและพักตำแหน่ง เพื่อให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนการฆ่าประชาชน ต้องประกาศด้วยว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนศาลที่ใช้สองมาตรฐานทางกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงฝ่ายอำมาตย์ไม่ยอมรับผิดแน่

เอาละ....ถ้าจะมีการปรองดอง อย่างน้อยสุดต้องมีการพบกันครึ่งทาง ถ้าไม่อย่างนั้นมันไม่ใช่ปรองดองแล้ว

การพบกันครึ่งทางคืออะไร?

1. ต้องประกันตัวนักโทษเสื้อแดงทุกคนทันทีและให้เข้าถึงทนาย
2. ต้องตั้งกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม ซึ่งครึ่งหนึ่งต้องเป็นฝ่ายเสื้อแดง(และไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย) อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนของอำมาตย์
3. ต้องตั้งกรรมการอีกชุดในรูปแบบเดียวกัน เพื่อสอบสวนรัฐประหาร 19 กันยา และการที่ศาลใช้สองมาตรฐานทางกฎหมาย
4. ต้องประกาศยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการปิดกั้นสื่อทันที เพื่อให้มีสื่อของทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินการอย่างเสรีได้
5. ต้องประกาศวันยุบสภาและวันเลือกตั้ง และต้องแต่งตั้ง กกต. ใหม่ที่ประกอบไปด้วยคนที่ถูกเสนอจากฝ่ายเสื้อแดงครึ่งหนึ่งและฝ่ายอำมาตย์ครึ่งหนึ่ง
6. การเจรจาต่างๆ ต้องเปิดกว้าง เจรจาในที่สาธารณะ และประกอบไปด้วยตัวแทนของทุกฝ่ายรวมถึงคนเสื้อแดงด้วย

คนเสื้อแดงต้องยื่นคำขาดต่อพรรคเพื่อไทย เราต้องพูดชัดๆ ว่า “อย่าประเมินคนเสื้อแดงต่ำเกินไป” “อย่าคิดว่าคนเสื้อแดงจะเลือกพรรคเพื่อไทยตลอดไปโดยไม่มีเงื่อนไข” และเงื่อนไขของคนเสื้อแดงคือ พรรคเพื่อไทยต้องฟังคนเสื้อแดงทั้งหมด และทำตัวเป็นตัวแทนของเสียงส่วนใหญ่ในขบวนการเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยต้องเปิดรับคนเสื้อแดงเข้าไปสมัครเป็น สส. ต้องเสนอนโยบายใหม่ๆ ที่จะครองใจประชาชน และถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ฟัง คนเสื้อแดงต้องสร้างพรรคใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้แปลว่าคนเสื้อแดงต้องรักษาองค์กรด้วยกิจการต่อเนื่อง และต้องถกเถียงแลกเปลี่ยนจนทุกคนชัดเจนว่าต้องการอะไร
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net