Skip to main content
sharethis

รมต.วัฒนธรรม เผยสถานทูตซาอุฯ เลื่อนออกวีซ่าให้ชาวไทยมุสลิมอีก 1 พันราย ที่จะเดินทางไปแสวงบุญพิธีฮัจญ์ แจงเจ้าหน้าที่ลาหยุด กรมการศาสนาชี้อุปทูตซาอุฯ รับจะออกวีซ่าให้ทันเดินทาง 8 ต.ค.นี้ พร้อมปัดข่าวปิดสถานทูต ด้าน ‘อภิสิทธิ์’ ย้ำทุกฝ่ายควรช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ราบรื่น

 
ไทยมุสลิมเก้อ อดได้วีซ่า ซาอุฯ ขอเลื่อน
 
เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่าวานนี้ (20 ก.ย.53) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งเอกสารขอวีซ่าให้ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานของชาวไทยมุสลิมส่งไปยังสถานทูตซาอุฯ เพื่อขอวีซ่าให้กับผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญ จำนวน 1,000 ราย เป็นครั้งที่ 2 แต่ได้รับทราบจากกรมการศาสนาว่า สถานทูตซาอุฯ แจ้งมาว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสถานทูตได้ขอลาหยุด จึงทำให้มีอัตรากำลังไม่เพียงพอต่อการทำวีซ่าให้ชาวไทยมุสลิม และขอให้มีการเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก 1-2 วัน เพื่อรอเจ้าหน้าที่กลับมาทำงานเต็มอัตราก่อน จึงจะออกวีซ่าให้ได้
 
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อในสิ่งที่สถานทูตแจ้งเหตุผลมาทั้งหมด ขณะเดียวกันทางกรมการศาสนาก็พยายามที่จะช่วยเหลือและดูแลผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญอย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้น เราจะต้องรอการพิจารณาภายใน 1-2 วันนี้
 
“ที่น่าเสียใจที่สุดขณะนี้คือ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามปล่อยข่าวและสร้างกระแสความบาดหมางให้เกิดขึ้น จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อตัวผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญ ซึ่งตรงนี้ผมอยากขอร้องให้บุคคลที่ไม่หวังดี เห็นแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปแสวงบุญในครั้งนี้ด้วย เพราะในชีวิตหนึ่งจะสามารถเดินทางไปได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
 
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาดังกล่าว กรมการศาสนาร่วมกับกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเร่งติดต่อประสานกับทางอุปทูตซาอุฯ เพื่อหารือในการแก้ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด คาดว่าคงต้องใช้เวลา 2-3 วัน หากเรื่องดังกล่าวไม่เรียบร้อยตามเวลาดังกล่าวนั้น จะทำให้ผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะมีกำหนดเดินทางรอบแรกในวันที่ 8 ต.ค.นี้
 
ขณะที่นายกฤษศญพงษ์ ศิริ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวภายหลังเข้าพบนายนาบิล ฮุสเซน อัชรี อุปทูตซาอุฯ ประจำประเทศไทย เพื่อหารือถึงความล่าช้าในการออกวีซ่าว่า ทางอุปทูตซาอุฯ ได้แจ้งมายังกรมการศาสนาว่า เนื่องจากต้องการเคลียร์เรื่องการขอวีซ่าของชาวไทยมุสลิมที่ค้างอยู่รอบแรก จำนวน 392 คนให้เรียบร้อยก่อน จึงไม่อยากให้นำเอกสารชุดใหม่มาเพิ่มอีก ขณะเดียวกันได้ชี้แจงว่า การล่าช้าครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด ยืนยันว่าจะดำเนินการออกวีซ่าให้กับผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญคณะแรก ซึ่งจะเดินทางในวันที่ 8 ต.ค.นี้ทันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอการออกวีซ่าครั้งใหม่นี้ อยากให้กรมการศาสนาจัดเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความรวดเร็วในการออกวีซ่า
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกระแสข่าวที่ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีการสั่งปิดสถานทูตซาอุฯ ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจกรณีการตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 เป็น ผช.ผบ.ตร. เป็นจริงหรือไม่ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายนาบิล ทราบว่ายังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องการปิดสถานทูตซาอุฯ แต่อย่างใด
 
 
“สุเทพ” ชี้ปมตั้ง “สมคิด” ให้กต.แปลข้อความ ส่งแจงซาอุฯ เข้าใจเพิ่มขึ้น
 
ส่วน เว็บไซต์สยามรัฐ  รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง  กล่าวถึงกรณีที่ล่าสุดอุปทูตซาอุดิอาระเบีย ได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่าทางการไทยออกมากล่าวว่า อุปทูตขาดข้อมูลในการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ. 5) เข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่า ตนต้องระมัดระวังการพูดจาเพื่อไม่ให้เป็นประเด็น ที่ต้องมาเอาชนะกัน แต่ที่ผ่านมา ตนได้พบอุปทูต ได้ชี้แจงข้อมูลทุกอย่างทุกประการ และได้ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เอกสารสาระสำคัญ ของเนื้อหาการชี้แจงก็แจกสื่อไปแล้ว เป็นข้อเท็จจริง เพียงแต่ว่าต้องให้ทางกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบคำแปล และทางกระทรวงการต่างประเทศเองก็ได้ดำเนินการ ตนได้ตรวจสอบกักบกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่าได้ลงนามในเอกสาร และนำส่งสถานทูตซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
 
เมื่อถามว่า ถ้าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาของเอกสารที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ แต่เป็นความไม่เชื่อมั่นในการกระทำของรัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ขอให้ตั้งสติตรงนี้ก่อน
 
“นี่เป็นประเทศเรา เรามีกฎหมายของเรา เรามีกฎเกณฑ์กติกาที่เราต้องทำ ถ้ารัฐบาลทำตามกฎเกณฑ์กติกา ตามประมวลกฎหมายครบถ้วน รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงอธิบายให้มิตรประเทศเข้าใจ แต่พวกเรากันเองก็ต้องช่วยรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง” นายสุเทพ กล่าว
 
เมื่อถามว่า ชาวไทยมุสลิมรู้สึกไม่สบายกับปัญหาที่เกิดขึ้น  เนื่องจาก อาจจะส่งผลกระทบต่อการออกวีซ่าให้เดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ในประเทศซาอุฯ รัฐบาลจะให้ความมั่นใจในเรื่องนี้อย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า  ยังไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น 
 
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องยกระดับการชี้แจงมากขึ้นหรือไม่  เพราะที่ผ่านมาถึงขนาดที่นายกฯต้องเชิญอุปทูตซาอุฯมาชี้แจงแล้ว แต่ปัญหาความสัมพันธ์ก็ยังไม่ดีขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะรายงานกับสื่อมวลชนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
 
 
‘อภิสิทธิ์’ ย้ำทุกฝ่ายควรช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ราบรื่น
 
สำนักโฆษก รายงานว่าวันเดียวกันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายนาบิล เอช อัชรี อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ตนยืนยันว่าจะมีการประสานงานกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนจะมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจนั้น ตนอาจจะไปตอบแทนอุปทูตซาอุฯ ไม่ได้ แต่ก่อนที่อุปทูตซาอุฯ จะมาพบกับตน อาจจะมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกับข้อกฎหมายที่ตนได้ชี้แจงไป อย่างนี้เป็นต้น
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อใดหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทยจะถูกส่งไปถึงอุปทูตซาอุฯ เพราะเขาระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวจากรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้เร่งรัดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ฝ่ายผู้ดำเนินมีความกังวลเรื่องการแปลภาษา เพราะเกรงว่าถ้ามีการแปลถ้อยคำที่คลาดเคลื่อนโดยเฉพาะในทางกฎหมาย จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น แต่เมื่อเราได้เชิญอุปทูตซาอุฯ มาพูดคุยกันแล้ว ก็น่าจะทราบชัดเจนถึงท่าทีของรัฐบาลไทย
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการพบกับอุปทูตซาอุฯ มีท่าทีอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อุปทูตซาอุฯ เป็นห่วงความสัมพันธ์ของสองประเทศ เพราะว่าเขาเห็นว่าทำอะไรกันมามาก และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจกันยาก
 
ต่อข้อถามว่าความเป็นห่วงของฝ่ายซาอุฯ จะทำให้มีการปิดสถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราได้บอกแล้วว่าน่าจะมาช่วยกันแก้ปัญหามากกว่า
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้นักการเมืองของไทยกลับนำเรื่องนี้ออกมาพูดมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้บอกกับทุกฝ่ายแล้วว่าน่าจะมาช่วยกันทำงานมากกว่า เพื่อให้ความสัมพันธ์มีความราบรื่น เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล แต่เป็นประโยชน์ของประชาชนทั่วไป และตนไม่อยากเห็นการนำเรื่องของการเมืองเข้ามาเพื่อหยิบเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไข เพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน และไม่เป็นประโยชน์อะไรกับใคร ถ้าหากว่ามีปัญหามากขึ้น
 
 
ซาอุฯ โต้มาร์คยันข้อมูลครบต้านตั้งสมคิด
 
เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า นายนาบิล แอชรี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์วันที่ 19 กันยายน ตอบโต้การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทยต่อการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ระบุว่านายนาบิล "ได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ" และการที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวในเชิงว่า อุปทูตซาอุดีอาระเบีย "มีข้อมูลไม่ครบถ้วน" ต่อประเด็นการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
 
นายนาบิลระบุว่าหน้าที่หลักของตน คือการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับซาอุดีอาระเบีย และได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และการฆาตกรรมนักธุรกิจชาวซาอุฯ อย่างครบถ้วนในทุกด้านทั้งนี้ยืนยันว่าได้รับข้อมูลเพียงพร้อม ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยแต่ละคนที่เข้าพบอุปทูตซาอุฯ กลับชี้แจงกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด ไปคนละแบบ และอ้างกฎหมายฉบับต่างกันในแต่ละครั้ง
 
อุปทูตซาอุฯ ย้ำด้วยว่าตนคัดค้านการนำเสนอข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ที่ระบุว่าตนมีความเข้าใจผิด หรือได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนต่อประเด็นที่เกิดขึ้นในประเทศและหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด ที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุฯ และถูกดำเนินคดีฆาตกรรม และอาชญากรรมร้ายแรงในศาลอาญา ที่ผ่านมาตนได้ใช้วิถีทางการทูต ระดับทวิภาคีในการติดต่อกับรัฐบาลไทย แทนการให้ความเห็นสู่สาธารณะ ดังที่เจ้าหน้าที่ไทยดำเนินการอยู่ในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น
 
อุปทูตซาอุฯ ระบุต่อว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทยได้ใช้วิธีการให้ความเห็นต่อสื่อมวลชนหลายต่อหลายครั้ง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมในการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด โดยอ้างว่ากฎหมายทุกฉบับได้ร่างขึ้นมาและได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ซึ่งจุดนี้เห็นว่าไม่มีกฎหมายฉบับใดซับซ้อนเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ ไม่ว่าจุดประสงค์ของกฎหมายหลักของกฎหมายฉบับนั้นจะเป็นเช่นใด
 
"เป้าหมายหลักของกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และรัฐธรรมนูญไทย คือการสร้างประโยชน์ให้แก่สาธารณชน โดยไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าใจได้และเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง ที่บุคคลซึ่งถูกดำเนินคดีอาชญากรรมร้ายแรง ดังเช่นการฆาตกรรมในสถาบันตุลาการสูงสุดของรัฐ ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และมีการปกป้องการตัดสินใจดังกล่าวนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าการเลื่อนตำแหน่งนั้นโดยทั่วไป จะเกิดขึ้นเพื่อยกย่องผู้ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่สาธารณชน และบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่อย่างดีและมีคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ในการเป็นเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ควรรักษามาตรฐานการรักษากฎหมายในระดับสูงสุด"
 
นายนาบิลระบุอีกว่า ได้ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติ และกฎหมายทุกฉบับที่เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวถึง หรืออ้างถึงในการปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ท.สมคิด และมีความเห็นไปในทางตรงกันข้าม รวมถึงมีคำถามที่ต้องการคำอธิบายในทันที เนื่องจากการดำเนินการของรัฐบาลไทยเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นความพยายามของบุคคลบางคนที่ต้องการจะสร้างสถานการณ์ความสับสน และเบี่ยงเบนความจริงในคดีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุฯ และปกป้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว
 
อุปทูตซาอุฯ ยืนยันว่า ตนได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนเหมาะสม ตั้งแต่ได้ยื่นประท้วงและคัดค้านการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด ว่ามีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะโต้แย้งการเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ท.สมคิดได้ นอกจากนั้นความล่าช้าในการดำเนินคดีกว่า 2 ทศวรรษยังอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ-ไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสร้างความกระจ่างในคดีทั้ง 3 คดี โดยเร็ว เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
 
 
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ, เว็บไซต์สยามรัฐ , สำนักโฆษก และ เว็บไซต์คมชัดลึก
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net