เลขาฯอาเซียนชี้สังคมมุสลิมต้องปรับตัวรับโลกาภิวัฒน์ อัดทุนอาหรับเน้นสร้างวัตถุ

2 ต.ค.53 ที่หอประชุมใหญ่ อาคารไทยบุรี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานการประชุมนานาชาติ AMRON ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “มุสลิมในประเทศอาเซียนกับการศึกษา: เปลี่ยนแปลงจากภายในผ่านการศึกษา” ซึ่งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และ ASEAN Muslim Research Organization Network (AMRON) หรือเครือข่ายองค์กรวิจัยมุสลิมอาเซียนร่วมกันจัดขึ้น โดยนายสุรินทร์ได้แสดงปาฐกถาพิเศษ “การศึกษาสร้างพลังชุมชน” โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สะท้อนถึงปัญหาการปรับตัวของสังคมมุสลิมต่อกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งใจความตอนหนึ่ง เลขาธิการอาเซียนกล่าวว่า สังคมมุสลิมอาเซียนในอดีตไม่ค่อยมีปัญหา เพราะไม่มีความขัดแย้งตึงเครียดใดๆ พอมีความรู้ใหม่ ความเจริญและเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นสังคมมุสลิมอาเซียนก็ไม่มีความราบรื่นอีกต่อไป
นายสุรินทร์กล่าวอีกว่า ดูเหมือนความเจริญและความใหม่เหล่านั้นจะก้าวข้าม(Bypass) สังคมมุสลิมไป เพราะสังคมมุสลิมส่วนใหญ่ปรับตัวไม่ได้ พอปรับไม่ได้จึงนำไปสู่ความตึงเครียดขัดแย้งต่างๆ เช่น ปัญหาความขัดแย้งในมินดาเนา อาเจะห์ บอเนียว หมู่เกาะโมลุกู และจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
เลขาธิการอาเซียนยังกล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันปอเนาะดั้งเดิมในภาคใต้ของประเทศไทยยังใช้กีต๊าบกูนิง (เป็นกีต๊าบเก่าอักษรยาวีที่เขียนขึ้นเมื่อร้อยปีที่แล้ว –กองบรรณาธิการ) เรียนกันอยู่ทั่วไป ไม่มีการปรับเนื้อหาให้พัฒนาทันโลกปัจจุบัน และไม่มีการเพิ่มวิชาอื่นเข้าไป ทำให้เยาวชนส่วนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาไม่มีการปรับตัวและยกระดับความรู้ความสามารถของตนเองให้พัฒนาก้าวหน้า โดยนายสุรินทร์ยกตัวอย่างตนเองที่เป็นอดีตเด็กปอเนาะ ก้าวขึ้นมาเป็นโต๊ะครู นักการเมือง และปัจจุบันกลายเป็นเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเกิดจากการปรับตัวตลอดเวลา
นายสุรินทร์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัยในฐานะเลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบันกล่าวอีกว่าโครงการ AMRON มีบทบาทในการทำงานวิจัยเพื่อให้สังคมมุสลิมในภูมิภาคก้าวทันความเปลี่ยนแปลงซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิซาซากาว่า จากประเทศญี่ปุ่น(sasakawa peace foundation) เพื่อให้สังคมมุสลิมมีการเปลี่ยนแปลงในการรับมือกับกระแสโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบัน เมื่อถามว่าทำไมไม่ใช่ทุนอาหรับหรือโลกมุสลิมซึ่งมีเงินทุนมหาศาล ก็เพราะทุนเหล่านี้สนใจแต่การสร้างมัสยิด ซึ่งเป็นวัตถุเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจการพัฒนาคนหรือให้งบประมาณสนับสนุนทางด้านการศึกษา สร้างเยาวชน สร้างโรงเรียน
“การมองเพียงมิติของวัตถุจะไม่มีวันรู้ปัญหาที่ลึกลงไปข้างในได้” เลขาธิการอาเซียนกล่าวในตอนหนึ่ง และเขายังยกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทับซ้อนกันหลายปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกัน ทั้งยาเสพติด การศึกษา และการมองไม่เห็นอนาคตของคนรุ่นใหม่ ล้วนเป็นการก้าวไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
ทั้งนี้ เลขาธิการอาเซียนยังกล่าวถึงประเด็นการก่อตั้งประชาคมอาเซียนซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2015 หรืออีก 5ปีข้างหน้าว่า จะมีบทบาทในการสร้างกลุ่มประเทศอาเซียนให้เป็นชุมชน(community) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และไม่มีกำแพงขวางกั้นคนหนุ่มสาวใน 10 ประเทศของกลุ่มอาเซียนทั้งในการศึกษาและการทำงาน
“แล้วอนาคตของมุสลิมที่มีจำนวน 40-50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดในอาเซียนจะอยู่ที่ไหนถ้าไม่มีประสิทธิภาพ โดยมุมมองของผมคนมุสลิมที่มีจำนวนมหาศาลเหล่านี้ต้องมีส่วนร่วมกับประชาคมอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะเลขาธิการอาเซียน ผมเตือนแล้วว่าให้สังคมมุสลิมปรับตัว ซึ่งถ้ามันล้มเหลวเราก็ต้องโทษตนเอง” นายสุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย.   

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท