Skip to main content
sharethis

  


บก.ลายจุด ,อมรวัลย์และเพื่อน ถ่ายในวันหลังถูกจับกุม
 
เมื่อวันที่ 11 ต.ค.53 พ.ต.ต.จักรพันธ์ ธูปะเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้นัดหมายให้นางสาวอมรวัลย์ เจริญกิจ อายุ 42 ปี แม่ค้าขายรองเท้าแตะลายภาพพิมพ์หน้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมทนายความและเพื่อนสนิท เข้าพบเพื่อขยายความข้อกล่าวหาให้ชัดเจนมากขึ้น โดยพล.ต.ต.จักรพันธ์ ระบุด้วยว่า คดีดังกล่าวถูกพิจารณาในรูปของคณะกรรมการร่วมซึ่งมีผู้บังคับบัญชาหลายระดับเข้ามาดูแล เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งทำเมื่อวันเกิดเหตุระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 18.00 น. เจ้าพนักงานตร.ปจว.พระนครศรีอยุธยา กำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจพื้นที่ด้านหน้าวิหารมงคลบพิตร ปรากฏว่าพบผู้ต้องหาจำหน่วยรองเท้าแตะสีดำแดงอยู่ริมทางเท้าถนนศรีสรรเพชร ข้างซ้ายของรองเท้าแตะมีข้อความว่ามีคนตายที่ราชประสงค์และมีภาพพิมพ์ใบหน้าของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนข้างขวามีข้อความว่า ที่ราชประสงค์มีคนตายและมีภาพพิมพ์ใบหน้าของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการกระทำความผิด
พ.ต.ต.จักรพันธ์ ได้แจ้งการบรรยายความผิดเพิ่มเติมว่า “ข้อความและภาพที่ปรากฏนั้นไปในทางบิดเบือนข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีส่วนทำให้คนตายที่ราชประสงค์ โดยจำหน่ายให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมและบุคคลทั่วไป อันเป็นการเผยแพร่ อีกทั้งการนำหน้าบุคคลไปปรากฏที่รองเท้านั้นเป็นการไม่เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรมอันดีของชาวไทยอันเป็นความผิดตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548”  
ในบันทึกระบุต่อว่า พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้ลูกน้องซื้อรองเท้าแตะดังกล่าวโดยผู้ต้องหาได้เสนอรองเท้าแตะให้จำนวน 4 คู่ และแถมให้อีก 1 คู่ รวมเป็น 5 คู่ ในราคารวม 100 บาทหลังจากนั้น พล.ต.ต.จารุวัฒน์ได้นำรองเท้าไปให้ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ตรวจสอบดูเห็นว่าเป็นสิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร โดยเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายตามความตามมาตรา 9 อนุ 3 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 อนุ 3 ข้อ 2 ลงวันที่ 7 เมษายน 2553 ผู้ต้องหาจึงได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว พร้อมกับยึดรองเท้าแตะจำนวน 5 คู่ซึ่งซื้อมาจากผู้ต้องหาและรองเท้าแตะลักษณะเดียวกันที่อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาอีก 49 คู่ เป็นของกลาง ขณะถูกจับกุมผู้ต้องหาได้ให้ถ้อยคำรับว่า ได้ขายรองเท้าแตะ 5 คู่ให้พนักงานตำรวจจริง และรับว่าซื้อรองเท้าแตะของกลางดังกล่าวมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อที่มาเร่ขายที่ราชประสงค์ในวันที่ 17 พ.ค. และผู้ต้องหาได้ขายรองเท้าดังกล่าวมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม หลังรับทราบข้อกล่าวหา น.ส.อมรวัลย์ยังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล
น.ส.อมรวัลย์กล่าวภายหลังว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนได้มาเตือนให้เลิกขายรองเท้าในงานที่จะจัดที่อยุธยาอีกครั้งเพราะเกรงจะมีความยุ่งยากในทางคดี แม้ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่อยากดำเนินการ แต่ต้องทำตามหน้าที่เพราะผู้ใหญ่เพ่งเล็ง อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังลังเลเพราะเห็นว่าเป็นการทำมาหากินตามปกติ กำไรก็ได้ไม่มากนัก ต้นทุนคู่ละ 22-23 บาท ขายเพียง 3 คู่ 100 บาท เพราะต้องการให้ประชาชนซื้อไปใส่ได้โดยไม่ลำบากนัก อีกทั้งหลังจากตกเป็นข่าวยอดขายรองเท้าแตะก็ดีขึ้นมากหลายเท่าตัว
“ป้าเห็นตำรวจไม่ได้ รักมาก ที่ราชประสงค์เห็นตำรวจก็แจกของตลอด” น.ส.อมรวัลย์กล่าวถึงเหตุผลในการแถมรองเท้าให้ตำรวจในวันที่ถูกจับกุมเป็น 5 คู่ 100 บาท  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net