Skip to main content
sharethis
 
 
รูปจาก Thailand Mirror/Wiboon พี่น้องผองเพื่อน
 
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่หอประชุมศรีบูรพา (หอเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการจัดงานประกาศรางวัลบทกวีประชาชน FREE Write ‘จากราชดำเนินถึงราษฎร์ประสงค์’ โดยกลุ่มกวีตีนแดง Thailand Mirror และกลุ่มพี่น้องผองเพื่อน และยังมีการเสวนาตุลาการณ์ หัวข้อ ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาเผด็จการ (เมื่อนายเป็นผู้เลือกกบ) โดย พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย, ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์, วัฒน์ วรรลยางกูร, เพ็ญ ภัคตะ, ดำเนินการเสวนาโดย จอม เพชรประดับ
ทั้งนี้ ภายในงานมีการแสดงดนตรีสลับกับการอ่านบทกวี 10 บทสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบ ก่อนประกาศผลในช่วงสุดท้ายของงาน ซึ่งผู้ที่ได้รางวัลได้แก่ สมเจตน์ ไชยเกิด ได้รางวัลชนะเลิศ, กฤษณะ สัตตบุศย์ ได้รองชนะเลิศอันดับที่1, ชัชชล อัจนากิตติ ได้รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ขณะที่คณะกรรมการตัดสินผลงาน ได้แก่  วัฒน์ วรรลยางกูร, ประกาย ปรัชญา, เดือนวาด พิมวนา, ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์, บัณฑิต อานียา, ทองขาว ทวีปรังษีนุกูล, มาโนช พรหมสิงห์, ณัฐพร อึ๊งศรีวงศ์, อนุสรณ์ ติปยานนท์
วัฒน์ วรรลยางกูร ได้กล่าวถึงที่มาของรางวัลนี้ว่า มันถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวรองรับความคิด ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในบรรดาประชาชน และไม่มีพื้นที่เวทีในแหล่งเดิมๆ อีกต่อไป เนื่องจากการเมืองไทย ไม่ได้ผูกขาดเฉพาะด้านการเมืองเท่านั้น แต่ผูกขาดทั้งเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม แม้แต่ในแวดวงวรรณกรรมก็บีบให้นักเขียนอยู่ใต้อุปถัมภ์ของรางวัล ต้องรู้ว่าทำตัวอย่างไรจึงจะได้รับการดูแลจากรัฐที่ได้รับการอุปถัมภ์จากชนชั้นสูง
“อย่างเดือนวาดฯ เคยได้ซีไรท์ ก็อย่าหวังว่าจะได้ครั้งที่ 2 พอเข้าสู่การเป็นศิลปินรุ่นกลางหน่อย เขาก็จะมีรางวัลศิลปาธร เดือนวาดฯ ก็คงไม่ได้ และแก่ตัวลงก็คงไม่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติด้วย” วัฒน์กล่าวพร้อมเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฟัง
วัฒน์กล่าวว่า ศิลปินเพื่อชีวิตทั้งหลายตายตั้งแต่ปี 2526 หลังอุทิศตัวให้กับการตลาด และในช่วงปี 2549 สถานการณ์ยิ่งหนักขึ้น เพราะศิลปินใหญ่ได้เหินห่าง ทอดทิ้งประชาชนรากหญ้า ตอนมีรัฐประหารก็เฉยๆ หลังการฆาตรกรรมหมู่กลางเมืองเดือนพฤษภาที่ผ่านมาก็ยังเฉยๆ
“คนเป็นศิลปิน ถ้าขาดมนุษยธรรมก็ควรเลิกร้องเพลง เลิกเป็นกวีได้แล้ว” วัฒน์กล่าว
 

 
กลุ่ม กวีตีนแดง กับภารกิจของกวีภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน FREE WRITE AWARD ครั้งที่ 1 : ประกวดบทกวีเพื่อเสรีภาพ ความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์


บนดินแดนที่ผู้ยากไร้ถูกเข่นฆ่า ด้วยความผิดเพียงข้อหาเดียวคือ "สะเออะลุกขึ้นมาเรียกร้องศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์ที่เท่าเทียม" และความตายของพวกเขาถูกละเลยอย่างน่าตกใจ สะท้อนความไม่ปกติของเมืองแห่งศีลธรรมที่ต้นไม้รอบสนามหลวงออกผลเป็นจริยธรรมสีทอง เกร่อไปทั่วเมือง

เมื่อประชาชนมือเปล่าสู้จนหลังพิงฝา เหลียวหน้าแลหลังไม่เห็นผู้ใด ในความว่างเปล่า พวกเขาบอกแก่กันและกันอย่างน่าเศร้าว่า "มีเพียงเราเท่านั้น โดดเดี่ยวในคืนวันอันยากแค้นลำเค็ญ"

เมื่อพวกเขาถูกเข่นฆ่า ด้วยสองมือไร้ศัสตราวุธใดๆ ในสมรภูมิแห่งอธรรม ภายใต้กติกาโสมมที่ผู้ถูกเหยียบย่ำไม่อาจต่อกร --- มวลกวีไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันทารุณ มีเพียงปากกาอันแหลมคมของกวีเท่านั้น ที่จักแทนหอกดาบแหลนหลาว...พุ่งเข้าประจันผู้เข่นฆ่าที่เลือดเย็น

ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเหี้ยมโหด มีเพียงวาทะอันหนักแน่นดุจหินผาของกวีเท่านั้น ที่จักตระหง่านเป็นกำแพงเหล็กกั้นปกป้องมวลชนให้พ้นจากอาวุธร้าย

ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเดียวดาย มีเพียงถ้อยคำอ่อนไหวจากก้นบึ้งหัวใจของกวีเท่านั้น ที่จักปลอบประโลมผู้แพ้ให้คลายเจ็บปวดทรมานจากบาดแผล. ..และฝันร้าย

เมื่อมวลกวีแห่งรัตนโกสินทร์ต่างพร้อมใจกันถอนคำสาปของ ฌอง ปอล ซาร์ต ที่ว่า ?มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ? พ้นไปจากอาณาจักร บางกวีเอาใจออกห่างจากผู้ยากไร้ ไปซบแทบเท้าฝ่ายกดขี่ โดยมินำพาต่อเลือดเนื้อและน้ำตาแห่งความยากแค้นของประชาชนที่ไหลตกต้องนองแผ่นดิน --- แล้วไยเราต้องรอคอยกวีใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เหล่านั้นลงจากวอทองมาเช็ดน้ำตาให้ประชาชน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงมีเพียงเราเท่านั้น!!!
กลุ่ม "กวีตีนแดง" ซึ่งเติบใหญ่ขึ้นมาบนบ่าเทียมแอกของประชาชนผู้ยากไร้ ขอเชิญชวนมวลกวีน้อยใหญ่มาร่วมปฏิบัติภารกิจของกวีภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยความเชื่อที่ว่า กวีมิใช่เพียงผู้นั่งจิบไวน์ภายใต้แสงจันทร์ แล้วคิดฝันถึงถ้อยคำไพเราะหวานหู และบทกวีก็มิใช่เพียงกลุ่มคำที่ถูกร้อยเรียงอย่างวิจิตรโดยช่างเทคนิคทางภาษา ทว่าปราศจากเจตจำนงเสรีและจุดยืนแห่งยุติธรรม

แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย
จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย
ต่อผองเหล่านวชนเกิดกร่นราย
จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน

บทกวีโดย หลู่ซวิ่น
แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์

และภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเดียวดายเช่นนี้ ใครก็ตามที่ลุกขึ้นสู้กับผู้กดขี่อย่างซื่อสัตย์ต่อเจตจำนงเสรีของตน อาวุธของคุณคือบทกวี เช่นนั้นคุณต้องเป็นกวี...และคุณต้องเขียนบทกวี! !!

เพื่อลบคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้น...เพื่อมวลชน

บทกวีโดย อเวตีก อีสสากยัน (Awetik Issaakjan) กวีประชาชนแห่งอาร์มาเนีย แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์ ในนามปากกา "ศรีนาคร"

 
 
 
บทกวีชนะเลิศ รางวัล Free Write Award ครั้งที่ 1 ปี 2553 : สมเจตน์ ไชยเกิด
จากราชดำเนิน ถึง ราษฎร์ประสงค์

ราขดำเนิน เดินผ่าน มิพานพบ
มิบรรจบ ความหวังคาด ราษฎร์ประสงค์
เพราะคนกลาง ขวางกั้น อ้างมั่นคง
แล้วไสส่ง ราษฎร์ไพร่ ไม่ใยดี
 
ถนนที่ ทุกชนผอง ต้องคลานกราบ
แล้วซึมซาบ ซึ้งจินต์ ทุกถิ่นที่
อบอวลคลุ้ง ด้วยบุญญา บารมี
สดุดี แซ่ซ้อง ก้องแผ่นดิน
 
อีกถนน ที่ทนทุกข์ ทุกย่างก้าว
ล้วนเรื่องราว ฉาวโฉด อย่างโหดหิน
ถูกป้ายสี ยัดข้อหา เป็นอาจินต์
จวนจะสิ้น กำหนด ความอดทน
 
ราษฎร์ฎีกา หลายหีบห่อ เพื่อขอพึ่ง
มิอาจถึง ราชได้ ให้ฉงน
ถูกยักย้าย ถ่ายเท ด้วยเล่ห์กล
ใครเป็นคน อยู่เบื้องหลัง คอยสั่งการ
 
ความประสงค์ ของราษฎร์ ของชาติไพร่
ไม่ถูกใจ รัฐบาล และทหาร
ความใสซื่อ ถูกโถมถา พ่ายสามานย์
จมดักดาน เอน็จอนาจ โถ...ชาติไทย


ถนนทั้ง สองสาย ขยายห่าง
มิมีทาง จะบรรจบ พบกันได้
และถนนที่ โหยหา ประชาธิปไตย
ทันเห็นไหม จะเฝ้าดู อยากรู้นัก
           
 
 
รางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 : กฤษณะ สัตตบุศย์
 
จากราชดำเนินถึงราชประสงค์
 
1.
จตุพรนำกระบวนชนชั้นไพร่ พากันเดินเป็นกระบวน  กระบวรผ้าสีแดง งามกระบวร
เต็มด้วยแบบกระบวนแล้วพากันเดินเป็นกระบวน กระบวนไป
ชาวกระบวนไม่ล่วงพ้นกระทู้รัฐสภา นายจตุพรเข้านั่งในสภา แล้วกระทู้
กระทู้แพร่พันธุ์เสียหายต่อชาวนาชาวไร่  ชาวบ้านต้องกระทุ่มไปในแม่น้ำ
เจอกระทุ่มก็กระทุ่มออกเป็นสองซีกเพื่อทำลายที่อาศัยของกระทู้
เจอกะเทยครองเมือง กระทู้นี้ต้องปล่อยฟ้า ให้ลิขิต
ในกระบวนบ้างใส่เสื้อกระบอกแดงกระบวรด้วยกระบอกหอม
ถือกระบอกใส่กระบอกเป็นอาหาร
เอากระบอกดั่งอาวุธ อีกบ้องกระบอกไฟ
เคาะกระบอกขับลำนำ แลร่ายรำเพลงกระบอก
ข้อยน้อยเป็นข้อยข้า ขอดเหลือล้าจนเหลือขอด
สังคมขอด เสรีขอด ขอดเท่าเทียม อกไหม้เกรียม ให้ขอดใจ
น้ำขอดคลองข้าวขอดหม้อ  ยังขอดน้ำขอดก้นหม้อ พออาศัย
ขอดเสรี ขอดศักดิ์ศรี ขอดวิญญาณเสรีชน
สุดขอดทน ต้องต่อสู้ ขอดเอามา
 
2.
พอเหนื่อยล้า ชาวกระบวนนำกระบอกแลกระพอกออกมากระพอกกัน
มีกระพอกข้าวกระพอกปลา ต่างกินไปกระพอกไป ไม่อนาทร
บางกระลากระบวนเป็นไพร่กะลาแดง
บ้างไว้ผมทรงกะลา  ใส่หมวกกะลาแดงประดับปีกกันลองสวย งามกระลา
แล้วเอากะลาใส่ข้าวปลากระพอกกัน
ถือเสรีภาพเป็นกระลา กระลาตนเป็นกบนอกกะลา หูตาสว่าง
ไม่ใส่ใจใครจะว่ากะลาแดง ไม่หนักใจเพราะไม่ได้หนัก กะลาใคร
 
 
ชีวิตขัดสน คนขัดค่าราคาน้อย
เสรียัง ขัดไว้ ใต้ เผด็จการ
สังคมยัง ขัดแย้ง ขัดแข้งขา
ขัดความคิด จนขัดข้อง
ต้องร่วมขัด เสรีภาพให้ผ่องใส ประชาไท  หายข้อขัด ขัดใจกัน
 
3.
กระลากะลาแดงกินกระพอก กลางถนน บางกระลาอยู่นอกลานหน้าสภา
กลับถูกก่นกันลองรัฐสภา เป็นโทษฐานกันลอง ต่างตกใจพากันกันลองข้ามกระทู้รัฐสภา
กันลองพ้นหน้าสภา บรรดากากกากีก็แตกตื่น พลันเห็นกากขาวกลายดำ
กะลาแดงบางกระลาก็โชคดี มีกำนันมากำนัน กำนันไว้ ไม่แตกตื่น
เสียงปืนลั่น กระชับวงล้อม ตัดเกียกกาย ไพร่มึงหยุด ตะเกียกตะกายหาเสรี
กระลาเกียกกายกระบวนไพร่กะลาแดง  ต่างเกียกกายส่งเกียกกาย หลายวิธี
เข็นเสรีแม้ยากเข็ญ ก็จะเข็นให้ได้มา
เข็นออกมา เข็นเสรี ให้ออกมา
เข็นกายใจ ร่วมต่อสู้ เพื่อเสรี
ขอลาทีเหลือเข็ญแล้ว เผด็จการ ฯลฯ

 

 
 
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 : ชัชชล อัจนากิตติ
 
บทกวีที่ข้าพเจ้าไม่มีวันเขียน
 
ไม่จำเป็นเลย
ท่านผู้ปกครอง
ไม่มีความจำเป็นเลย
ความหวาดกลัวเหล่านั้นของท่าน
ต่อถ้อยคำของข้าพเจ้า
ตัวอักษรพวกนี้เงียบกริบเสียยิ่งกว่าอะไร
มันไม่สอดใส่สัญญะใด ๆ ที่หมายถึงตัวท่าน
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ไดโนเสาร์ หรือท้องฟ้า
ไม่ชำแหละโครงสร้างเหลื่อมล้ำกดขี่
ไม่รื้อสร้างประวัติศาสตร์ลวงโลกคลั่งผู้นำคลั่งชาติ
ไม่ก่นด่าวัฒนธรรมระยำดูถูกคนบ้านนอก
ไม่สบถ”เหี้ย” ใส่ความร่ำรวยระดับโลกขณะที่กล่อมให้คนค่อนประเทศทนอดอยากยากแค้น
ไม่หลั่งน้ำตาให้ชีวิตดิ้นรนของคนจนเมือง
ไม่อุทิศตนให้หยาดเหงื่อของกรรมกร
ไม่พูดถึงชีวิตล้มละลายของชาวไร่ชาวนา
ไม่โอดครวญถึงชะตากรรมบัดซบในนิคมอุตสาหกรรม
ไม่รำลึกถึงการอภิวัฒน์ 2475
ไม่สนใจเบื้องหลังรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ถามถึงฆาตกรสังหารหมู่ 6 ตุลา
ไม่ตะโกนว่ามีคนตายที่ราชประสงค์ราชดำเนิน
ไม่ปลุกเร้าประชาชนให้ลุกขึ้นนำตนเอง
ไม่บอกให้พวกเขาทวงคืนสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์
ถ้อยคำของข้าพเจ้าจะเคารพกฎหมายของเรา
บทกวีของข้าพเจ้าจะไม่บรรจุสิ่งเหล่านี้
และข้าพเจ้าจะไม่มีวันเขียนมันขึ้นมา
เพื่อความมั่นคงของเรา
ข้าพเจ้าให้สัญญา
 
 
บทกวีเข้ารอบ 10 บทสุดท้าย
 
ผู้แต่ง                ปานจิต จันทรา
 
อำมาตย์ทมิฬมาร บงการฆ่าประชาชน
กาพย์ยานี 11
เกริ่น
ฉันเห็นคนถูกยิง                           ทั้งชายหญิงต่างวิ่งหนี
บาดเจ็บล้วนมากมี                         ตายเป็นผีก็มากมาย
           
(1)       
ไพร่ตื่น ลุกขึ้นสู้                            เพื่อกอบกู้อธิปไตย
ทวงสิทธิ ความเป็นไท                                ความเป็นธรรมกลับคืนมา
ต่อต้าน รัฐประหาร                                    และคัดค้านศักดินา
โค่นล้ม อำมาตยา                         เผชิญหน้าอย่างท้าทาย
เรียกร้องยุบสภา                                       ถูกกล่าวหาผิดกฎหมาย
ล้มเจ้า-ก่อการร้าย                         เพื่อทำลายคนเสื้อแดง
 
(2)
ณ ที่ ราชประสงค์              ไพร่ทะนงอย่างกล้าแกร่ง
ต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลง                               ชูธงแดงโบกสบัด
อาสา พยาบาล                                         ถูกสังหารในเขตวัด
ฝีมือ อภิสัตว์                                            กลไกรัฐเผด็จการ
หกศพนอนแน่นิ่ง                          กระสุนจริงลั่นสังหาร
อำมาตย์ทมิฬมาร                          บงการฆ่าประชาชน
ที่นั่นมีคนตาย                                          ศพเรียงรายกลางถนน
พลีชีพอุทิศตน                                         เพื่อประชาธิปไตย
แท้จริง ราชประสงค์                                   กระชับวงล้อมปราบไพร่
สั่งยิงอย่างสะใจ                                       ไอ้พวกไพร่ไม่ใช่คน
 
                                                                        อา...ไม่ใช่คน...พวกมันไม่ใช่คน
                                                                        เสื้อแดง........ไม่ใช่คน(ของฉัน)
 
--------------------------------------------------------
ผู้แต่ง                นายวรเทพ  วิชชุประภา 
 
จากราชดำเนินถึงราชประสงค์
 
เหมือนดังลิ่มทิ่มแทงอกประชาราษฎร์
หมดโอกาสได้เป็นไทเสียแล้วหรือ
ต้องอยู่ในใต้บังคับคนหยิบมือ
ที่คอยถืออาวุธร้ายหมายฟาดฟัน
 
เราจึงมาราชดำเนินเพื่อเรียกร้อง
ตามครรลองของคนไทยใช้เพ้อฝัน
คนนับหมื่นคนนับแสนมารวมกัน
จริงแล้วนั้นท่านต้องไปใช่หน้าทน
 
แต่พวกเขาหลงระเริงในอำนาจ
ใจอุบาทว์จิตวิบัติไร้เหตุผล
พวกเรามาด้วยคับแค้นและยากจน
เพราะถูกปล้นอำนาจไปไว้ครอบครอง
 
ใช้เวทีเพื่อต่อสู้อย่างชัดแจ้ง
คนเสื้อแดงมาด้วยใจประกาศก้อง
เพียงต้องการประชาธิปไตยสิ่งหมายปอง
คืนอำนาจให้เป็นของมวลประชา
 
เสียงปืนดังขึ้นทุกทั่วหัวระแหง
เลือดสีแดงของปวงชนคนผู้กล้า
ต้องหลั่งลงรดราดผืนพสุธา
โอ้ฟากฟ้าหมดสิ้นแล้วความปราณี
 
 
วีรชนต่างล้มลงทั้งมือเปล่า
ไฉนเจ้าจึงร้ายนักพวกบัดสี
เจ้าฆ่าได้แม้แต่เด็กและสตรี
ด้วยมือที่ซ่อนเอาไว้ใจแสนดำ
 
อ้างอำนาจความชอบธรรมนำมาฆ่า
เหมือนดังว่ามวลประชาราคาต่ำ
ตามไล่ล่าฆ่าให้หมดเช้ายันค่ำ
กระสุนซ้ำให้แดดิ้นสิ้นชีวัน
 
แม้ในเขตอภัยทานยังหาญกล้า
ยิงเข้ามาดังสายฝนจนอาสัญ
นอนเรียงรายตายในเขตที่ป้องกัน
ดับความฝันวีรชนคนเสื้อแดง
 
ราชประสงค์ไหลท่วมนองเลือดน้องพี่
เหมือนเป็นดังดวงสุรีที่อับแสง
เลือดชาวไพร่ที่ไหลนองเป็นสีแดง
จะเปลี่ยนแปลงความชอบธรรมกลับคืนมา
 
ขอทวยเทพที่สถิตย์ทั่วสถาน
ดลบันดาลช่วยปกป้องและรักษา
ให้เสื้อแดงได้นำชัยกลับคืนมา
เพื่อประชาได้สุขสันต์นิรันดร
 
---------------------------------------
ผู้แต่ง                สมบูรณ์  บำรุงเมือง
 
จากราชดำเนินถึงราษฎร์ประสงค์
จากราชดำเนิน’ผ่านฟ้า มาราชประสงค์
จากขอคืนพื้นที่ ถึงกระชับวง’ล้อมแล้วฆ่า
จาก 10 เมษายน จนถึง 19 พฤษภา....(2553)
ชีวิตคนเสื้อแดง เหมือนผักปลา เขาฆ่าตาย
 
เกือบเกือบ ร้อยชีวิต ที่ดับดิ้น
กว่าสองพัน ชีวิน บาดเจ็บสูญหาย
แล้วถูกโยน ข้อหา ผู้ก่อการร้าย
เพียงเพราะ มาทวงประชาธิปไตย’ ให้ยุบสภา
 
แกนนำ ถูกจับกุม คุมขัง
แกนรวม ร่วมพลัง ถูกเข่นฆ่า
ถูกตามล้ม ตามล้าง ไม่สร่างซา
พรก.ฉุกเฉินฯ ขนมา ใช้บังคับ
 
อนาถหนอ ประชาธิปไตย แบบไทยไทย
ความยุติธรรม อยู่ที่ไหน ใครขังใครจับ...(ไว้)
สิทธิ-เสรีภาพ เสมอภาค จึงเลือนลับ
แล้วภราดรภาพ จะคืนกลับ ได้อย่างไร
 
“เท่าเทียม – ยุติธรรม ค้ำจุนโลก”
คือเมตตา ฆ่าโศก เจ็บป่วยไข้
คือยาขนานเอก ที่ยังยึด เสื้อแดงไว้
ให้สันติอหิงสา สู้ต่อไป เพื่อชัยของเรา
 
-------------------------------------------------------
ผู้แต่ง                สมพงษ์ โหละสุต (อายุ 72 ปี)
 
ฝ่าภัยในฝูงพาล
 
“สิบเมษาห้าสาม” มหาโศก             “วันมหาวิปโยค” ขยายผล
วันที่ “ไทยฆ่าไทย” ใครจะทน                                  จึง..เจ็บ..ตาย..เกลื่อนถนนกลางเมืองไทย
            “พุธ..สิบสี่เมษาศกห้าสาม”             ได้ฤกษ์ยามเคลื่อนย้ายเวทีใหญ่
จากถนน “ราชดำเนิน” ด้วยอาลัย                              มุ่งหน้าไป “ราชประสงค์” ในทันที
            “ที่สิบเก้าพฤษภาห้าสามศก”                        “ทรราชจากนรก” โผล่ที่นี่
มันไม่พังแม้ “พระจะสัพพี”                          “มวลชน” จึงถูกขยี้จนย่อยยับ         
            “หนังสะติ๊กด้ามไม้” กับ “ลูกแก้ว”                 ทั้ง “หัวน็อตใช้แล้ว” และ “โทรศัพท์”
รวมทั้ง “หมวกกันน็อก” มันก็นับ                               พร้อมสำทับเป็น “อาวุธก่อการร้าย”
            ความเจ็บปวดรวดร้าว...ยังร้าวลึก                  เรามาพร้อม “สู้ศึก” เถิดสหาย...
แม้ถูกยัด “ข้อหา” มามากมาย                                 ก็อย่าหมาย..เราจะล่มจนล้มครืน
            ณ บัดนี้...เพื่อนรักแค่ “พักรบ”                     แต่หัวใจใช่สยบเช่นเขาอื่น
ในท่ามกลาง “ทะเลหมอก” จาก “ควันปืน”      ก็จะยืนฝ่าภัยในฝูงพาล
 
-----------------------------------------------------
 
ผู้แต่ง                ช.เฉลิมพระเกียรติ (ชาญชัย มวลบุญเลี้ยง)
 
จากราชดำเนินสู่ราชประสงค์
            จากถิ่นฐานบ้านฉันสัญจนมุ่ง                                    สู่กลางกรุงรุ่งเรืองเมืองสวรรค์
ราชดำเนินเดินพบบรรจบกัน                                     ณ ที่นั้นผ่านฟ้ามรรคาแดง
            ด้วยดวงใจใสซื่อคือมุ่งมาด                          ทวงอำนาจราษฎร์กลับจากอับแสง
ที่คนโหดโฉดเขลาเข้าแทรกแซง                                          ถูกตะแบงแปลงเปลี่ยนจนเจียนตาย
            ไม่อาจอึดยึดโยงโคลงเคลงยิ่ง                                 สรรพสิ่งกลิ้งหล่นจนคว่ำหงาย
แลหลากล้วนรวนเรเทกระจาย                                              จนสุดท้ายปลายเสร็จเผด็จการ
            ถูกหันเหเสรีไม่มีเหลือ                                           ทั้งเลือดเนื้อเถือโยนโดนล้างผลาญ
ไม่ลดละประชิดจิตวิญญาณ                                     ดังเป็นมารซ่านซ่าเที่ยวฆ่าคน
            จึงต้องมาคว้าไขว่รวมใจมั่น                         แดงทั้งนั้นผันผายขยายผล
ให้มาร์คหุบยุบสภาเยี่ยงสากล                                              เพื่อทุกคนชนเผ่าเขาเลือกเอง
            ไม่ยอมให้ใครเลือกยังเสือกร่าน                               สั่งทหารกรานปืนยืนโฉงเฉง
สไนเปอร์เกลอกล้องแอบมองเล็ง                                         ตรงเป็นเฉ่งเร่งรัวหัวกระจาย
            สิบเมษาฆ่ายิบสิบกว่าศพ                                        ควันตลบพบมากลากศพหาย
หาไม่พบศพบญาติคาดหลายราย                                          บาดเจ็บกายก่ายกองร้องครวญคราง
            นั่นคือผลคนหล่อขอพื้นที่                           แลกชีวีพี่น้องคล้องแขนขวาง
เอ็มสิบหกยกเกร็งเล็งสรรพางค์                                            ล้มวายวางอย่างที่มีบัญชา
            เกิดเหตุร้ายใหญ่ยิ่งชายหญิงบ่ง                               ยังมั่นคงทรงได้ไร้ปัญหา
สู้ต่อไปใช้สติมิโรยรา                                                         ตามสมญาฆ่าแกงแดงไม่ตาย
            มิใช่แมวพราวพราวเก้าชีวิต                          เป็นนิมิตคิดเทียบเฉียบเหลือหลาย
คนเสื้อแดงแกร่งจริงทั้งหญิงชาย                                          ไม่ละลายหายลับกลับเพิ่มวง
            ถึงเวลามาคิดพินิจใหม่                                           ควรย้ายไปใกล้ญาติราชประสงค์
หรือเนาว์นานผ่านฟ้าตั้งท่าชง                                               ถ้าตกลงปลงใจไม่ว่ากัน
            เสียงส่วนใหญ่ย้ายไปในที่โน่น                                 หลอมรวมพลผลดีสร้างสีสัน
จะผ่องผุดจุดเดียวเกลียวสัมพันธ์                                           คงลือลั่นมันกว่าเมื่อมารวม
            ราชประสงค์ลงหลักปักฐานแน่น                                เป็นตามแผนแกนใหญ่ไม่หละหลวม
ตั้งหกด่านสานคำไม่กำกวม                                     ป้องมารร่วมสวมรอยคอยโจมตี
            อยู่มานานมารมาร์คทุกข์ยากขึ้น                               ถึงกับยื่นคำขาดน่าหวาดหนี
สั่งระดมกรมทหารบานบุรี                                        กระชับที่ตีอ้อมล้อมทุกทาง
            ตัดทางตรงส่งเสบียงมาเลี้ยงชีพ                                ทุกทิศบีบลีบล่านัยน์ตาขวาง
คอยสกัดทัดทานและกั้นกลาง                                              ประกาศกางพลางห้ามยามวิกาล
            จะเดินทางกลางคืนฝืนไม่ได้                                    หากเจ็บไข้ไปผ่านด่านทหาร
อาจสิ้นใจไร้ลมเจอยมบาล                                      ดูดวิญญาณคลานออกนอกร่างไป
            ด่านหลายแห่งแรงยิ่งยิงคนผ่าน                                ถูกสังหารผลาญดิ้นเลือดรินไหล
ด้วยน้ำมือคือมารทหารไทย                                     ที่จัญไรไร้รักสุนัขปลง
            แดงชุมนุมกลุ่มใหญ่ให้ปลดแอก                              กลางสี่แยกแผกญาติราชประสงค์
สงบมั่นสันติดำริตรง                                                           ทูตเจาะจงลงเกี่ยวไม่เดียวดาย
            ท่าน ส.ว.ก็มีมาชี้แจง                                             แกนเสื้อแดงแจ้งพร้อมยอมสลาย
มาร์คไม่หยุดยุทธการจนบานปลาย                           ทหารร้ายรายล้อมพร้อมปืนรัว
            มีพี่น้องต้องตายหลายชีวิต                          ดูมืดมิดคิดไปไม่อาจฝืน
จนแกนนำจำหยุดสุดกล้ำกลืน                                              น้ำตารื้นตื้นตันยันมอบตัว
            บอกพี่น้องผองเพื่อนเคลื่อนกลับไป               หยุดความตายขยายแผ่แม้หนึ่งหัว
จะดึงดันรั้นสู้ดูมืดมัว                                                          รักษาตัวชัวร์ก่อนค่อยย้อนมา
            สรุปผลคนตายใกล้ร้อยท่าน                                    เจ็บสองพันนั่นคือฝีมือหมา
ได้พื้นที่นี้คืนคงชื่นตา                                                         อำมาตยาหน้ารื่นยืนอยู่ยง
            หกสิบแปดแวดวันมันนานเนิ่น                                  ราชดำเนินเกินคาดราชประสงค์
ถูกปราบปรามหยามหมิ่นจมดินดง                             แดงยังคงปลงใจไม่ทิ้งกัน
            เมื่อเวลาฟ้าใหม่เกริกไกรแน่                                    แดงพันธุ์แท้แผ่ไกลได้สร้างสรรค์
หากเลือกตั้งครั้งใหม่ให้โจษจัน                                            สิ่งสำคัญฉันรอ...ขอเอาคืน
 
----------------------------------------------------------
 
ผู้แต่ง         นายจารึก เมี้ยนละม้าย 
 
อำมาตย์โบราณผลาญไพร่
 
                           เสียงเพรียกเสียงพร่ำพร้อม                      ความหวัง
                  เสียงอื้ออึงคะนึงดัง                                          ทั่วหล้า
               มวลชนท่วมพลพลัง                                            แสนหมื่น
               หยัดยื่นฎีกากล้า                                                กู่กู้ยุติธรรม
                           วิบัติวิบากเบื้อง                          ธรรมาภิบาล
               ศาลโฉดสื่อวิชาการ                                            ลากข้าง
               อำมาตย์รัฐประหาร                                             เหิมหื่น
               สองมาตรฐานอ้าง                                              อวดโอ้โองการสวรรค์
                           คนดีหนีหลีกเลี้ยว                                  ลงรู
               กระเบื้องบาปเฟื่องฟู                                           เชิดหน้า
               รวมหัวมั่วตราชู                                      ขืนข่ม
               เข็ญขู่คุกคามฆ่า                                                ขีดเข้มพ.ร.ก.(พอรอกอ)               
                        กระชับพื้นที่แล้ว                                       ประทับปืน
               ราษฎร์ล้มตายทั้งยืน                                           เยี่ยงไพร่
               สุมไฟเพื่อสุมฟืน                                                สุมประเทศ
               ฤาจักปรองดองได้                                              หมื่นแค้นจะเอาคืน                                                เปิดดินเปิดฟ้ากล้า                                     เปิดสวรรค์                                  
               เปิดกรุความจริงพลัน                                           สว่างจ้า
               ปิดนรกผกผันพลัน                                             พลิกโลก
               ทวงสิทธิ์อำมาตย์บ้า                                           สิ้นชาติอาชญากร                                                 มาเถิดขวัญแห่งข้า                                               ประชาชน
               ปิดฉากทมิฬมนต์                                               หม่นไหม้
               ปลดแอกแหกค่ายกล                                         กดขี่
                 สู่ฝันบรรเจิดได้                                                เช่นไพร่ทรนง               
 
----------------------------------------------
ผู้ส่ง      “กูไพร่ รักกูปรี (นางเพ็ญแข เมี้ยนละม้าย) 
 
จาก.. ผ่านฟ้า...ถึงราษฎร์ประสงค์
 
 ประเทศไทยควรต้องดีกว่านี้...พ่อ                       ฤา..ผ่านฟ้า..มิพอดื่มเลือดไพร่
ลานศักดิ์สิทธ์แว่นฟ้าประชาธิปไตย                           ฤามีไว้เพื่อฆ่าประชาชน
            ราชดำเนินเดินย่ำอยู่กับที่                            จากสิบสี่ตุลาฯ กี่หน้าฝน
พฤษภา ฯ ห้าสามซ้ำอับจน                                      ราษฎรทุกข์ท้นไม่ทนแล้ว
               ประชาธิปไตยควรต้องดีกว่านี้...แม่                    ผู้ปกครองที่แท้ดุจรากแก้ว
ทะยานต้นเชิดยอดตลอดแนว                                              จรดปลายแถวเท่าเทียมยุติธรรม      
               เลิกมนต์สาบบาปบังดังม่านหมอก              เปิดปอก...เปลือกมารให้บานฉ่ำ
ปลดปล่อยประชาชนพ้นเคราะห์กรรม                         สว่างนำข้ามวังวัฏฏ์จากรัฐไทย
               ประเทศไทยจะดีได้ด้วยมือ...ลูก                        ราษฎร์ประสงค์ ประจงปลูกศรัทธาใหม่
ล้างเมฆหมอกหมดฟ้าสว่างตาใจ                                          รอวันใหม่เมื่อรุ่งรางจักเรืองรอง
                 เพาะกล้าพันธุ์ผ่านชีวิตหลากชีวิต             ผ่าวิกฤตประวัติศาสตร์ประกาศก้อง
ราษฎร์ประสงค์ประชาธิปไตยในครรลอง                 แห่งพี่น้องวีรชนคนเสื้อแดง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net