นักเคลื่อนไหวชาวชินได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชน, พม่าห้ามเสนอข่าวนักเคลื่อนไหวจีนได้รับรางวัลโนเบล, คาดกองทัพพม่าโจมตี KNLA หลังเลือกตั้ง, KIO ประกาศห้ามชาวคะฉิ่นยุ่งเกี่ยวสารเสพติดทุกชนิด, พันโทฆ่าลูกน้อง เหตุไม่พอใจถูกวิจารณ์รังแกชาวบ้าน
11 ต.ค.53
นักเคลื่อนไหวชาวชินได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชน
นายวิคเตอร์ ไบค์ ลิน ได้รับรางวัล St. Stephen’s human rights award จากองค์กรNorwegian Mission to the East (NMTE) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศนอร์เวย์ ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมการปรองดองและเสรีภาพในการนับถือศาสนาในพม่า รวมไปถึงการช่วยเหลือชาวคริสเตียนและโบสถ์ทั่วโลก
นายวิคเตอร์ ไบค์ ลิน ได้รับรางวัลในฐานะที่เคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนมายาวนานกว่า 22 ปี นับตั้งแต่การประท้วงของนักศึกษาในปี 1988 ซึ่งขณะนี้เขาเป็นสมาชิกขององค์กรสิทธิมนุษยชนชาวชิน(Chin Human Rights Organization) และเข้าร่วมทำงานกับองค์กรที่เรียกร้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยอีกหลายกลุ่ม (Khonumthung News)
12 ต.ค.53
พม่าห้ามเสนอข่าวนักเคลื่อนไหวจีนได้รับรางวัลโนเบล
รัฐบาลพม่าห้ามสื่อในประเทศนำเสนอข่าวนายหลิว เสี่ยวโป นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนชาวจีนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีนี้ เนื่องจากหวั่นจะกระทบกับ ความสัมพันธ์กับจีน แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเซ็นเซอร์พม่ากลับอนุญาตให้วารสารรายสัปดาห์ชื่อ Weekly Eleven สามารถลงข่าวเกี่ยวกับที่จีนวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบลได้
มีรายงานว่า แม้รัฐบาลพม่าจะห้ามสื่อในประเทศลงข่าวการมอบรางวัลโนเบล แต่ประชาชนในพม่าจำนวนมากต่างให้ความสนใจในการมอบรางวัลโนเบลในปีนี้ เนื่องจากสำนักข่าวเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า (Democratic Voice of Burma - DVB) ซึ่งเป็นสำนักข่าวพม่านอกประเทศถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในปีนี้ด้วย (Irrawaddy)
14 ต.ค.53
คาดกองทัพพม่าโจมตี KNLA หลังเลือกตั้ง
แหล่งข่าวรายงานว่า กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Liberation Army- KNLA) ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ทางภาคเหนือและทางภาคใต้ของรัฐกะเหรี่ยง รวมไปถึงตามแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำเมยอาจถูกกวาดล้างและถูกโจมตีหลังจากมีการเลือกตั้งแล้วเสร็จ จากกองทัพพม่าและกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธดีเคบีเอ (Democratic Karen Buddhist Army) บางส่วนที่ยอมเป็นกองกำลังรักษาชายแดน (Border Guard Force) ซึ่งขณะนี้ ทหาร KNLA เองได้เตรียมพร้อมหากถูกโจมตีจากกองทัพพม่าแล้ว
ขณะที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่า หากกองทัพพม่าเข้าโจมตี KNLA คาดว่า จะทำให้ชาวกะเหรี่ยงหลายพันคนทางภาคเหนือต้องหนีเข้าป่าและกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายใน เช่นเดียวกับที่ผู้ลี้ภัยจำนวน 3 พันคน ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยชั่วคราวอีทู ถะ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งรัฐกะเหรี่ยงจะต้องอพยพเข้าไทย
มีรายงานเช่นกันว่า ทางการไทยและผู้สังเกตการณ์ต่างแสดงความกังวลว่า หลังเลือกตั้ง รัฐบาลพม่าจะโจมตีและกวาดล้างชนกลุ่มน้อยติดอาวุธในรัฐอื่นๆด้วยเช่นกัน ส่วนท่าทีของชนกลุ่มน้อยติดอาวุธหลายกลุ่มได้ตกลงร่วมมือกันทางทหารและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หากถูกกองทัพพม่าโจมตี (Irrawaddy)
KIO ประกาศห้ามชาวคะฉิ่นยุ่งเกี่ยวสารเสพติดทุกชนิด
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา กองกำลังเอกราชคะฉิ่น(Kachin Independence Army) ประกาศทำสงครามกับยาเสพติดและออกแถลงการณ์ประกาศห้ามชาวคะฉิ่นในรัฐคะฉิ่น ยุ่งเกี่ยวหรือซื้อขาย และผลิตสารเสพติดทุกชนิดหลังวันที่15 ต.ค.นี้ โดยหากมีการฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ทั้งนี้ บทลงโทษขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการละเมิดฝ่าฝืน ซึ่งพบมีบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตรวมอยู่ด้วย โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลทั้งในพื้นที่ควบคุมของกองกำลังเอกราชคะฉิ่นเอง รวมไปถึงในพื้นที่ควบคุมของรัฐบาลพม่า และทางตอนเหนือของรัฐฉาน
ทั้งนี้ ปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาร้ายแรงและเป็นปัญหาสังคมในรัฐคะฉิ่นอยู่ในขณะนี้ โดยพบว่า วัยรุ่นชาวคะฉิ่นราว 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ ติดสารเสพติดอย่างน้อย1 ชนิด นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขายสารเสพติดอย่าง ยาบ้าและเฮโรอีนได้ง่าย ทั้งในโรงเรียนและในรั้วมหาวิทยาลัย มีรายงานว่า ยาเสพติดได้แพร่หลายอย่างรวดเร็วในรัฐคะฉิ่น โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น นับตั้งแต่ที่กองกำลังเอกราชคะฉิ่นได้ทำสัญญาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าเมื่อปี 2537 (KNG)
15 ต.ค.53
พันโทฆ่าลูกน้อง เหตุไม่พอใจถูกวิจารณ์รังแกชาวบ้าน
นายทหารชื่ออูเตงฉ่วย จากกองพันที่ 550 ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในเมืองโพนนา คุ้น รัฐอาระกันถูกฆ่าเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ตรงชายแดนพม่า – อินเดียภายใต้การบังคับบัญชาของพันโทเอหน่าย มีรายงานว่า ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ พันโทเอหน่ายได้บังคับชาวบ้านตรงชายแดนพม่า –อินเดีย ไปเป็นลูกหาบให้ทหาร รวมถึงบังคับให้ผู้หญิงชาวบ้านในพื้นที่มาหลับนอนกันตน จึงทำให้อูเตงฉ่วยวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพันโทเอหน่าย สร้างความไม่พอใจให้พันโทเอหน่ายเป็นอย่างมาก จึงก่อเหตุสังหารนายทหารอูเตงฉ่วยในเวลาต่อมา
มีรายงานว่า หลังก่อเหตุ พันโทเอหน่ายได้รายงานไปยังกองทัพว่า นายอูเตงฉ่วยได้หนีทหารและไปเข้าร่วมกับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ นอกจากนี้ยังห้ามนายทหารคนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์นำเรื่องที่ตนฆ่าลูกน้องไปเปิดเผยอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หลังกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารบางคนรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวของพันโทเอหน่าย จึงพูดเรื่องการสังหารนายอูเตงฉ่วยให้ภรรยาและเพื่อนฟัง จนในที่สุดข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปในพื้นที่ ด้านครอบครัวของนายทหารที่เสียชีวิตได้ปรึกษากับทนายความเพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังรัฐบาลในกรุงเนปีดอว์ แม้จะหวาดกลัวว่า จะถูกทำร้ายจากพันโทเอหน่าย เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ก็ตาม
(Narinjara)
แปลและเรียบเรียงโดย สาละวินโพสต์ "สื่อทางเลือกเพื่อแบ่งปันความเข้าใจสู่เพื่อนบ้าน"อ่านข่าวและบทความอื่นๆ อีกมากมายได้ที่เว็บไซต์ www.salweennews.org เฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/Salweenpost ทวิตเตอร์http://twitter.com/salweenpost