Skip to main content
sharethis
 
นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวในฐานะทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อตอบโต้กรณีพรรคเพื่อไทยเผยแพร่คลิปการสนทนาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กับคนในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีภาพนายวิรัชอยู่ในคลิป
 
นายวิรัช กล่าวว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นคำขวัญประจำพรรคว่า สัจจํ เว อมตวาจา คือ การพูดความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ขอชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาอยู่ในคลิปดังกล่าวที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูบ และสื่ออื่นๆ โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะไม่มีการล็อบบี้ตุลาการโดยสิ้นเชิง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากการคบคิดวางแผนชั่วร้ายอย่างเป็นขบวนการ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เขียนบท เพื่อให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดมุ่งสู่การทำลายล้างสถาบันองคมนตรี ที่มีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี ทำลายพรรคประชาธิปัตย์ และกระบวนการยุติธรรม เป็นขบวนการชั่วช้าสามานย์
 
นายวิรัชกล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ในคลิปที่ 2 มีภาพ 3 คน คือ ตน นาย “พ.” และนายวรวุฒิ นวโภคิน ที่ปรึกษากรรมาธิการการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเป็นประธานกรรมาธิการอยู่ โดยนายวรวุฒิเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง(ปปร.13) ซึ่งมีสมาชิกพรรคเพื่อไทย เช่น ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น และ ร.ต.อ.อรรถกวี ขุนพินิจ ลูกเลี้ยง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ร่วมเรียนด้วย
 
นายวิรัชเล่าว่า เหตุการณ์เริ่มจากนาย “พ.” ได้ติดต่อมาทางนายวรวุฒิอยากขอพบเพื่อจะพูดคุยและรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารฟู้ดดี ในซอยหมู่บ้านปูนซิเมนต์ไทย ย่านประชาชื่น เวลา 14.00 น.วันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเห็นว่า นาย “พ.”เป็นเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยมารยาทด้วยความเกรงใจ และอยากทราบว่าต้องการคุยเรื่องอะไร จึงไปพบเป็นการส่วนตัว โดยไม่ได้แจ้งให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมกฎหมาย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ และทีมกฎหมายคนอื่นๆ รับทราบ
 
"การพบกับนาย พ. มีขบวนการวางแผนตั้งกล้องแอบถ่าย โดยตอนแรกคนชื่อ พ. หันหลังให้กล้อง บังไม่สามารถเห็นภาพผมได้ชัด จากนั้นได้ย้ายมานั่งที่หัวโต๊ะ เนื่องจากเขารู้มุมกล้อง แต่ผมไม่ได้สังเกต ทำให้จับภาพผมได้ชัด ถือว่าเป็นขบวนการชั่วจริงๆ และในการพูดคุยนั้น นายพ.ก็จะใช้คำถามที่เป็นคำถามนำ"
 
นายวิรัชกล่าวอีกว่าโชคดีที่คลิปตอนที่ 3-5 ซึ่งเป็นการแอบถ่ายในห้องทำงานของตุลาการทั้ง 7 คน จึงแสดงว่าการทำแบบเป็นขบวนการจริงๆ และลองคิดดูว่าใครแอบถ่ายคลิปดังกล่าว ซึ่งต้องดูว่าใครที่สามารถเข้าไปห้องทำงานของผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญได้ คำตอบคือเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนเชื่อว่านายพ.เข้าไปได้แน่นอน เพราะกระบวนการศาลมีขั้นตอนเข้มงวดมาก ก่อนจะเข้าไปได้ต้องมีการลงชื่อ แลกบัตร ฝากอุปกรณ์ทั้งมือถือและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายไม่สามารถเอาเข้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ยกเว้นนายพ.ที่อยู่นอกเหนือหลักกติกา ซึ่งสามารถตรวจสอบจากกล้องซีซีทีวีของศาลได้ หากศาลอนุญาต
 
เขายังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์กรณีของนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ทีมกฎหมายคดียุบพรรค เคยถูกความชั่วช้าสามานย์ โดยชายชื่อ พ.ร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย เรียกนายทศพลไปรับเอกสารที่ศาล และถ่ายคลิปไว้ ทำให้วันนี้นายทศพลต้องเจ็บช้ำกับเรื่องเหล่านี้
 
"เชื่อว่าการกระทำของนายพ.กับพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับตุลาการทั้ง 7 คน แต่ก็แปลกใจคนอย่างนาย พ. มีความรู้ดี หน้าที่การงานดี ไม่น่าเชื่อว่าจะวิ่งเข้ากองไฟเพื่อเป็นดาวลูกไก่ และฮาราคีรีฆ่าตัวตาย งานนี้ไม่ธรรมดา การแลกด้วยชีวิตราชการ ผมคิดแบบบ้าน คงได้ไม่น้อย น่าจะจำนวนมาก และขอภาวนาว่าการกระทำของพรรคเพื่อไทยและคนของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพร้อมพงศ์ และคณะขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ที่คนพรรคเพื่อไทยจะคิดวิธีการสกปรกมาใช้กับกระบวนการยุติธรรม"
 
เขาระบุด้วยว่า ส่วนเรื่องที่ว่าตนจะไปล็อบบี้เพื่อให้มีการสืบพยานเพิ่มเติมนั้น ตามระบบการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ เลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ หรือเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจกำหนดพยานกี่คน และในการพิจารณาคดียุบพรรค เช่น การยุบพรรคไทยรักไทย ศาลรัฐธรรมนูญ จะเรียก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. และนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการสอบสวน มาให้การต่อศาล ดังนั้น ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ เมื่อมีการเรียกนายอิสระ หลิมศิริวงศ์ ประธานคณะกรรมการสอบสวนของกกต.มาให้การแล้ว ขั้นต่อไปก็อาจจะเรียกนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.มาให้ข้อมูลด้วย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องไปให้ล็อบบี้ให้มีการเรียกนายอภิชาตมาให้การแต่อย่างใด ขอยืนยันพรรคประชาธิปัตย์เคารพกติกา ไม่เคยล่วงละเมิดอำนาจศาล ศาลเห็นอย่างไรเราก็ว่าตามนั้น
 
นายวิรัชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีคลิปที่พลเอกเปรม นั่งอยู่กับประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยพยายามเบี่ยงเบนว่าพลเอกเปรมมาล็อบบี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง เป็นการเขียนและทำขึ้นเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีคลิปเผยแพร่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เคยขู่จะเปิดคลิปเปิดเกี่ยวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แสดงว่าเตรียมการไว้แล้ว เพียงแต่รออะไรมาต่ออีกนิด แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อนำมาผสมกัน ถือว่ายิ่งกว่ากดดันศาล แต่เป็นการทำลายระบบยุติธรรมประเทศไทย ทำลายสถาบันสำคัญและทำลายระบบพรรคการเมือง
 
อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าจะฟ้องร้องกับนายพ. เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ศาล จึงเป็นเรื่องของกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญที่จะดำเนินการภายในเอง และไม่คิดจะปลดนายวรวุฒิ ออกจากที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เพราะยังไม่มีความชัดเจนได้กระทำความผิด ทั้งนี้ มั่นใจว่าคลิปดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อคดียุบพรรค เพราะการสืบพยานที่ผ่านมา ตนมั่นใจว่าเราทำงานได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งตนไม่คิดจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากทีมกฎหมายของพรรคเพราะไม่ได้ทำความผิด และจะเดินทางไปร่วมสืบพยานในศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 18 ต.ค.ด้วย ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้รายงานให้นายชวน และนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว โดยนายกฯ ให้ตนแถลงตามความจริงที่เกิดขึ้น
 
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และศาลรัฐธรรมนูญเป็นระยะ และคลิปที่มีพลเอกเปรม และประธานศาลรัฐธรรมนูญอยู่ด้วยกัน เพื่อสื่อว่าเป็นอำนาจมืด อำนาจพิเศษสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นภาพที่โกหกอย่างน่ารังเกียจ เพราะน่าจะเป็นภาพที่ศาลมาคารวะพลเอกเปรมตามวาระต่าง ๆ และยังมีภาพนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค หัวหน้าทีมกฎหมาย เพื่อสื่อว่ารับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
 
ทั้งนี้ อยากถามว่าใครจะได้ประโยชน์กับคลิปที่เกิดขึ้น แล้วต้องใช้เงินกี่พันล้านบาทในการดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้สามารถเชื่อมโยงกับคำพูดของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าต้องได้เป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าเท่านั้น จึงจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาได้ เป็นกระบวนการทำลายประเทศไทย ทำลายนิติรัฐ และทำลายศาลรัฐธรรมนูญที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกลับเข้าสู่อำนาจของใครบางคน ทั้งนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทบทวนเหมือนกันว่าให้บุคคลภายในหรือภายนอกไปบันทึกภาพได้อย่างไร
 
 
ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net