Skip to main content
sharethis

‘อภิสิทธิ์’ เบิกความในฐานะพยานปากแรกอ้าง ปธ.กกต.การันตีการใช้จ่ายเงิน ด้านพีระพันธ์-กัลยาอ้างไม่รู้จักวาศิณี ผู้บริหารบริษัททำป้ายหาเสียง ขณะ ‘ชวน’ เตือน พท.ยื่นยุบ ปชป.ระวังถูกยุบเอง หลังใช้เวลาไต่สวนเกือบ 3 ชั่วโมง ศาลนัดแถลงปิดด้วยวาจา 29 พ.ย.นี้

 
มติชนออนไลน์ รายงานว่า วานนี้ (18 ค.ต.53) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ มีการนัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องนัดสุดท้าย ในการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามคำร้องที่นายทะเบียนพรรคการเมืองในฐานะผู้ร้องขอให้ศาลวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ถูกร้องจากกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนำโดยนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์
 
พยานฝ่ายผู้ถูกร้องเข้าเบิกความประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตรองหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตกรรมการบริหารพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม.อดีตรองหัวหน้าพรรค นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองเลขาธิการพรรค โดยการสืบพยานนัดนี้ล่าช้ากว่าเดิมที่นัดไว้ในเวลา 10.00 น.เนื่องจากคณะตุลาการแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปลับก่อนไต่สวนพยาน
 
การไต่สวนพยานนัดนี้ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมพร้อมด้วย นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความประจำพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีตส.ส.เพชรบูรณ์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ขณะที่ฝ่ายผู้ร้องนำโดยนายกิตินันท์ ธัชประมุข อัยการคดีพิเศษ ฝ่ายสำนักคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) รวมทั้งมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรับฟังด้วย
 
 
"มาร์ค"อ้างปธ.กกต.การันตี
 
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เบิกความในฐานะพยานปากแรกว่า ทุกปีพรรคจะขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองโดยมีกรอบเวลาการใช้งบในปี 2548 ซึ่งพรรคได้ทำเรื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2547 และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองในเดือนพฤศจิกายน 2547 ซึ่งกรรมการกองทุนขณะนั้นไม่มีการประชุมเพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง พรรคจึงได้ประสานเป็นการภายใจเพื่อขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดแผนงานในโครงการที่ได้ขออนุมัติไปเพื่อจะได้เตรียมการได้ก่อนใช้จ่ายจากบัญชีเลือกตั้ง
 
นายอภิสิทธิ์ตอบข้อซักถามตอนหนึ่งถึงการนำเงินที่ได้รับมาจัดทำป้ายรณรงค์หาเสียงว่า หากมีการใช้จ่ายที่ไม่ตรงตามแผนการทาง กกต.ก็จะมีการทักท้วงให้พรรคชี้แจง ถ้าชี้แจงไม่พอก็วินิจฉัยให้คืนเงิน ดังนั้นพฤติกรรมนี้ยังไม่เคยมีการวินิจฉัยจา กกต.ว่าผิดกฎหมาย เพราะสอดคล้องกับระเบียบกองทุนฯที่ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน 2547แล้วว่ากรณีการใช้จ่ายมีปัญหาตามระเบียบจะต้องมีการคืนเงินภายใน 30 วัน อีกทั้งนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองก็ได้ลงนามเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2550 ตรวจสอบเงินสนับสนุนของพรรคในปี 2548 ว่าถูกต้องแล้ว
 
 
พีระพันธ์-กัลยาอ้างไม่รู้จักวาศิณี
 
ต่อมานายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เบิกความว่า ตามที่ น.ส.วาศิณี ทองเจือ ผู้บริหารบริษัทแม็คเนท ซายน์ จำกัดได้เคยให้การกับดีเอสไอว่า ตนเองได้ว่าจ้างให้น.ส.วาศิณีทำป้ายโฆษณาหาเสียง และมีการสั่งจ่ายเช็คในนามบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต แต่ยังค้างค่าจ้างทำป้ายว่า เป็นเรื่องไม่จริง ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบ น.ส.วาศิณี แล้วจะไปให้ น.ส.วาศิณีทำป้ายได้อย่างไร 
 
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เบิกความว่า ในการเลือกตั้งปี 2548 เป็นรองหัวหน้าพรรค มีความคิดที่จะทำป้ายหาเสียงจึงได้ประสานไปยังนายทิวา (นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม.ของพรรค)เพื่อทำป้ายยุทธศาสตร์ 201 เพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคได้ถึง 201 ที่นั่ง ทำให้คณะยุทธศาสตร์จึงทำป้ายนี้ขึ้นมา อีกทั้งช่วงนั้นใกล้ตรุษจีน จึงทำป้ายอวยพรคนไทยเชื้อสายจีนให้มีความสุขจึงอวยพรว่า "ซินเจี่ยอยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้" ทั้งนี้ไม่รู้จักจักน.ส.วาศิณี เพราะไม่ได้รับมอบหมายจากพรรคจึงไม่มีหน้าที่สั่งของหรือสั่งทำป้าย ที่น.ส.วาศิณีอ้างว่าคุณหญิงกัลยาทำป้ายซินเจี่ยฯกับป้าย 201 นั้นเข้าใจว่าเพราะตนมีชื่ออยู่และเป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย และช่วงที่มีการสอบปากคำครั้งนั้น ก็เป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยในช่วงเดือนมีนาคม 2552
 
 
อ้างประจวบรับถูกจ้างป้ายสี ปชป. 
 
นายถาวร เสนเนียม เบิกความเป็นพยานปากสุดท้ายว่า ได้ไปพบกับนายประจวบ สังขาว กรรมการผู้จัดการบริษัทเมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด โดยบังเอิญที่ร้านอาหารแถวสะพานควาย ก็ถามว่านายประจวบเรื่องนี้เป็นอย่างไรเพราะได้ข่าวว่าไปให้การกับดีเอสไอ แต่นายประจวบบอกว่าลำบากจึงต้องให้การกระทบพรรคบ้างตามที่ดีเอสไอเขียนคำให้การให้ และต่อมานายประจวบก็สารภาพกับตนที่กระทรวงมหาดไทยว่าถูกจ้างมาเพื่อป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์โดยจะได้รับค่าตอบแทน5 ล้านบาท อีกทั้งพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย สมัยเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอเป็นบุคคลที่ได้ดีจากระบอบทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์2 คนคือตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้เคยร้องยุบพรรคไทยรักไทยมาก่อน และส่วนตัวก็เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคพลังประชาชนจึงเป็นเหตุให้คนในระบอบทักษิณไม่พอใจแก้แค้นเพื่อจะยุบพรรคประชาธิปัตย์
 
 
ศาลนัดแถลงปิดด้วยวาจา 29 พ.ย.
 
เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนเกือบ 3 ชั่วโมง นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีและนัดให้คู่กรณีแถลงการณ์ปิดคดีภายใน 30 วันเป็นลายลักษณ์อักษร และนัดให้คู่กรณีมาแถลงปิดคดีด้วยวาจาในวันที่29 พฤศจิกายนนี้เวลา 09.00 น. หากคู่กรณีไม่มาแถลงปิดคดีด้วยวาจาให้ถือว่าไม่ติดใจ 
 
ภายหลังที่ศาลอ่านรายงานเสร็จสิ้น ผู้แทนนายทะเบียนพรรคการเมืองของกกต. อาทิ นายกิตินันท์ และ นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต.ได้เดินตรงเข้าไปที่ฝ่ายผู้ถูกร้องโดยทั้งสองต่างจับมือให้กำลังใจนายชวน หลีกภัย และนายบัณฑิตเมื่อไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องนัดสุดท้ายเสร็จสิ้น
 
 
"ชวน" ชี้ป้ายสี "จุ้น" ไม่สำเร็จ
 
จากนั้นนายชวน หลีกภัย ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่พรรคและทีมกฎหมายได้ทำคือ การพิสูจน์ความจริงว่าได้มีการใช้เงินตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้อนุมัติจริงหรือไม่ อีกส่วนหนึ่งคือการเสนองบดุลบัญชีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เสนอรายงานถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ ตลอดระยะเวลาการไต่สวนพยานหลักฐานพรรคได้เสนอหลักฐานและชี้แจงได้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าที่ทำได้ที่จะไม่ให้กระทบต่อดุลยพินิจของศาล 
 
ผู้สื่อข่าวถามถึง การพยายามสร้างกระแสว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบพรรคบ้านเมืองจะไม่สงบ นายชวนกล่าวว่า ตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมืองดูแลความสงบเรียบร้อย อย่าไปกลัวคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในนักกฎหมายจะมีคำว่า ฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ต้องประสิทธิประศาสน์ความยุติธรรม จะไปกลัวไม่ได้ 
 
ส่วนที่มีการเชื่อมโยงคนในพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม นายชวนกล่าวว่า ความพยายามนี้จะไม่สำเร็จ และข้อมูลที่ออกมาเป็นทั้งภาพและเสียง รวมทั้งภาพที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายชัช ชลสร ประธานศาลรัฐธรรมนูญอยู่ด้วยกันนั้น ทุกคนรู้แล้วว่าเป็นเหตุการณ์อะไร 
 
“มีขบวนการพยายามเชื่อมโยงประเด็นว่าประธานองคมนตรีแทรกแซงช่วยพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความพยายามเชื่อมโยงให้เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อไปดูภาพทั้งหมดจะเห็นว่าไม่ใช่มีเพียงประธานศาลรัฐธรรมนูญแต่มีนายสุเมธ ตันติเวชชกุล องคมนตรี รวมทั้งนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมอยู่ด้วย โดยมีความพยายามทำให้เกี่ยวข้องกัน”นายชวน กล่าว
 
นายชวนกล่าวถึงภาพในคลิปวิดีโอที่มีนายวิรัช ซึ่งเป็นส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องของนายวิรัชที่ต้องทำการชี้แจง เพราะเรื่องนี้ตนพูดได้ไม่ดีเท่ากับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่การนำภาพเหล่านี้มาต่อเนื่องกัน เพื่อให้เห็นว่ามีการแทรกแซง มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของศาล แต่เมื่อศาลนำความจริงมาชี้แจงตนคิดว่าประชาชนจะได้รู้ว่าเบื้องหลังมีที่มาอย่างไร
 
 
เตือน พท.ระวังถูกยุบเองยื่นยุบ "ปชป."
 
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องให้การยุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องระวังเดี๋ยวจะโดนยุบเอง แต่ตนเชื่อกฎอย่าง 1 ว่า ใครทำอะไรไม่ดีให้ร้ายไว้ วันหนึ่งจะกระทบ และปรากฏต่อตัวเอง
 
นายบัณฑิต ศิริพันธ์ หัวหน้าทนายความต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสืบพยานนัดสุดท้ายครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตริ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงได้ชัดเจน และยังมีนายถาวรที่ชี้แจงตบท้ายด้วยดีอีกด้วย แต่แปลกใจว่าเหตุใดศาลไม่กำหนดวันฟังคำวินิจฉัยเลย แต่เข้าใจว่าคงจะนัดฟังคำวินิจฉัยหลังจากการฟังคำแถลงด้วยเอกสาร ดังนั้นในช่วงนี้ทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเตรียมคำแถลงเป็นเอกสาร ที่ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net