Skip to main content
sharethis

กลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟ อ.จะนะ เรียกร้องจุฬาราชมนตรี แก้ไขกรณีที่ดินวะกัฟ  “อย่าเอาอารมณ์ไว้ข้างหน้า อย่าเอาอัลกุรอ่านไว้ข้างหลัง”

 

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2553  เวลาประมาณ 11:00 น. กลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟ อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนประมาณ 30 คน ร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายไม้กระดานเขียนข้อความว่า “ท่านจุฬาฯ ขอรับ อย่าเอาอารมณ์ไว้ข้างหน้า อย่าเอาอัลกุรอ่านไว้ข้างหลัง”  และนำมาติดตั้งไว้ที่สี่แยกสะกอม ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อเรียกร้องให้นายอาศีส  พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนใหม่แก้ไขกรณีที่ดินวะกัฟ ซึ่งเป็นปัญหาทางหลักการศาสนาอิสลามที่ยืดเยื้อมายาวนาน

ทั้งนี้ปัญหาที่ดินวะกัฟซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างตำบลสะกอม และตำบลตลิ่งชัน อ.จะนะ อันมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่สำนักจุฬาราชมนตรีในชุดก่อนได้ทำการวินิจฉัย ทั้งที่ไม่ได้มีกระบวนการสอบสวนรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เป็นการใช้กระบวนการรับฟัง สรุปข้อเท็จจริงด้านเดียว ฝ่ายเดียว คือข้อมูลจากฝ่ายราชการ และบริษัทผู้ได้ประโยชน์จากการใช้ที่ดินวะกัฟ  ไม่เคยรับฟังข้อมูลจากกลุ่มผู้ร้องเรียนซึ่งประกอบด้วยทายาท พยานของการวะกัฟเส้นทาง รวมถึงไม่เคยรับฟังข้อเท็จจริงของประชาชนผู้เดือดร้อนจากการปิดกั้นเส้นทางสาธารณประโยชน์ จากการกระทำของบริษัททรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจร ใช้ประโยชน์ในเส้นทางวะกัฟดังกล่าวได้ต่อไป แล้วสำนักจุฬาราชมนตรีจึงมีคำวินิจฉัยโดยสรุปว่า “ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าทางสาธารณะดังกล่าวได้มาโดยการวะกัฟของชาวมุสลิม”  และเห็นด้วยกับกับการแลกเปลี่ยนที่ดินวะกัฟหรือทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวให้แก่ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อใช้เป็นที่ตั้งโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด

ทางกลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟฯ จึงพยายามเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่นายอาศีส พิทักษ์คุมพล ได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ทางกลุ่มฯ ได้เดินทางไปแสดงความยินดี และประสานงานเพื่อขอยื่นหนังสือร้องเรียน แต่นายอาศีส  พิทักษ์คุมพล กลับปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือ และเดินหนีไปขึ้นรถเดินทางออกจากศูนย์บริหารกิจการศาสนาฯ อย่างรีบร้อนโดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงจากทางกลุ่มฯ แต่อย่างใด ในขณะเดียวกันผู้ติดตามของนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ยังพยายามข่มขู่คุกคามตัวแทนกลุ่มฯ อีกด้วย  ดังรายละเอียดที่ทางกลุ่มฯ พยายามนำเสนอต่อสาธารณชน มาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้แล้วนั้น

เมื่อไม่สามารถยื่นหนังสือร้องเรียนได้ ทางกลุ่มจึงเดินทางกลับมายัง อ.จะนะ และต่อมาได้ดำเนินการเรียกร้องผ่านทางข้อความที่เขียนลงในแผ่นป้ายไม้กระดาน มีข้อความว่า “ท่านจุฬาฯ ขอรับ ช่วยคืนดินวะกัฟให้กับอัลลอฮฺ” มาติดตั้งไว้บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา  สามแยกบ้านสะหลุดทางไปอำเภอนาทวี และริมถนนทางเข้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติทรานส์ไทย-มาเลเซีย อ.จะนะ  จ.สงขลา คู่กับป้ายแสดงความยินดีต่อนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล เนื่องในโอกาสรับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรี คนที่ 18 ซึ่งมีผู้อื่นนำมาติดตั้งไว้ก่อนแล้ว แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน แผ่นป้ายดังกล่าวกลับถูกรื้อ ทุบทำลาย ทุกแผ่นป้าย ทุกจุดที่นำไปติดตั้ง  (ดังภาพประกอบ)

ดังนั้นในวันนี้กลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟจึงนำแผ่นป้ายข้อความดังกล่าวมาติดตั้งเพื่อเจตนาจะสื่อสารกับนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเรียกร้องให้มีการเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่ดินวะกัฟอีกครั้ง โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักนิติศาสตร์อิสลาม

นายเจะหมัด  สังข์แก้ว สมาชิกกลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟ กล่าวว่า “นายอาศีสได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีหลายเดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบในการแก้ปัญหาที่ดินวะกัฟแต่อย่างใด พวกเราจึงจำเป็นต้องเรียกร้องด้วยการนำหลักคำสอนของศาสนาอิสลามมาเขียนลงในป้าย เพื่อย้ำให้นายอาศีส นำคำสอนในอัลกุรอ่านเป็นหลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินวะกัฟ เนื่องจากการวินิจฉัยที่ผ่านมา มิได้เป็นไปตามหลักนิติศาสตร์อิสลาม ทำให้หลักการสำคัญของการวะกัฟตามหลักการศาสนาต้องถูกบิดเบือนไป เป็นไปตามต้องการของอำนาจฝ่ายรัฐและผลประโยชน์ของฝ่ายทุน

โดยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทายาทหรือพยานในการวะกัฟ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่เดือดร้อนจากการปิดกั้นเส้นทางวะกัฟหรือทางสาธารณะดังกล่าวพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อเท็จจริงตลอดเวลา”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net