Skip to main content
sharethis

บ้านโนนป่าก่อ จ.มุกดาหารสถานการณ์ยังสงบ แม้พ้นเส้นตายที่ทางการให้อพยพออกจากพื้นที่แล้ว แต่ชาวบ้านราว 60 คนยืนยันสิทธิยังอยู่ต่อ ขณะข่าวลือสะพัดเรื่องการอุ้ม-จับแกนนำ ชาวบ้านหวั่นสงบก่อนพายุใหญ่

 
 
 
 
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.53 หลังเส้นตายที่จังหวัดมุกดาหารขีดไว้ให้ชาวโนนป่าก่อที่เหลืออยู่แจ้งความประสงค์ที่จะอพยพขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ลงมายังพื้นที่ที่ทางราชการจัดให้ ซึ่งกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 3-7 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังคงมีคนที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่ และยืนยันในสิทธิที่จะทำมาหากินในพื้นที่เดิม หรือจนกว่าจะมีการจัดที่ทำกินและจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสมให้จำนวนทั้งสิ้น 11 หลังคาเรือน หรือนับครัวเรือนได้ทั้งสิ้น 22 ครอบครัว จำนวน 60 คน
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นในวันที่ 7 พ.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ระบุไว้ในคำสั่ง ได้มีกฐินมาทอดที่วัดก่อธรรมเมตตา  ประกอบกับมีการลงมารับทราบข้อมูลของอนุกรรมการป่าไม้-ที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเดินทางลงมาพบชาวโนนป่าก่อทั้งที่ยังไม่ยอมย้ายออก และส่วนที่ได้อพยพไปยังบ้านด่านช้างแล้ว ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดและข่มขู่คุกคามคลี่คลายลงอย่างเห็นได้ชัด ด่านที่ปิดกั้นไม่ให้ราษฎรและบุคคลภายนอกผ่านเข้า-ออกตามปกติในช่วงวันที่ 6 พ.ย.ก็เปิดตามปกติ มีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ลงตามลำดับ โดยการเคลื่อนย้ายโดยรถ 6 ล้อ ยังเหลืออาสาสมัครรักษาดินแดนประมาณ 20 นาย อยู่ในบริเวณโรงเรียน ซึ่งในช่วงเช้าของวันที่ 8 พ.ย.ก็ไม่มีการถืออาวุธเดินลาดตะเวนในบริเวณหมู่บ้าน หรือเข้าไปข่มขู่ชาวบ้านดังเช่น 3-4 วันที่ผ่านมา แต่พบข้อความปริศนาเขียนต่อท้ายข้อความในป้ายคัดค้านการโยกย้ายที่ชาวบ้านติดไว้ในหมู่บ้านว่า “ทนไม่ได้ออกไป”
 
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่เริ่มมีข่าวลือแพร่สะพัดเรื่องการอุ้มและการจับกุมแกนนำ รวมถึงข่าวลือว่ามีกำลังทหารอยู่ในรัศมี 2 กม.ทำการลาดตระเวนตรวจหายาเสพติด และพร้อมจะบุกเข้ายึดเครื่องผลิตยาบ้าในชุมชน ซึ่งคนในพื้นที่คาดว่าหวังผลให้ชาวบ้านที่หวาดกลัวเรื่องการยัดยาและยัดข้อหายาเสพติดต้องตัดสินใจโยกย้ายออกไป อีกทั้งในวันที่ 6 พ.ค.ตัวแทนทางการที่นำโดยนายปรัชญา จินต์จันทรวงศ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหารได้นิมนต์หลวงพ่อยาวซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดก่อธรรมเมตตา และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวโนนป่าก่อไปพูดคุยที่บ้านด่านช้างเป็นเวลานาน ทำให้ชาวบ้านที่ยังยืนยันอยู่ที่เดิมวิตกกังวลว่าความสงบที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะเป็นเพียงฉากบังหน้าของสงครามจิตวิทยาในรูปแบบต่างๆ เพื่อกดดันให้ชาวบ้านอยู่ไม่ได้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการป่าไม้-ที่ดิน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเดินทางลงไปรับทราบข้อมูลในพื้นที่บ้านโนนป่าก่อ – บ้านด่านช้าง คือ นายจักรพงศ์ ธนวรพงศ์. ซึ่งหลังจากกลับออกมาจากบ้านโนนป่าก่อในบ่ายวันที่ 8 พ.ย.นี้แล้ว ได้เดินทางเข้าพบนายปรัชญา จินต์จันทรวงศ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหาร ที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เพื่อนำข้อมูลของทั้งสองฝ่ายรายงานต่อที่ประชุมอนุกรรมการป่าไม้ – ที่ดิน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10 พ.ย.นี้ เพื่อให้คณะอนุกรรมการป่าไม้ – ที่ดิน พิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
 
นายจักรพงศ์ เปิดเผยหลังการเข้าพบปลัดจังหวัดมุกดาหารว่า นายปรัชญายืนยันที่จะอพยพชาวบ้านออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐานให้หมด โดยใช้มาตรการกดดันไปเรื่อยๆ เมื่อไรที่ชาวบ้านโยกย้ายออกมาจนเหลือ 2 ครอบครัวสุดท้าย จึงจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าจับกุม โดยจะไม่มีการเจรจาใดๆ กับชาวบ้านอีกต่อไป ส่วนเรื่องพื้นที่รองรับที่มีปัญหาว่ามีไม่เพียงพอสำหรับจัดสรรให้กับครอบครัวที่ขยายแยกครอบครัวออกมานั้น นายปรัชญากล่าวว่าเมื่ออพยพราษฎรออกมาได้หมดจึงค่อยมาหาทางแก้ปัญหากันต่อไป
 
เปิดข้อเรียกร้องของชาวโนนป่าก่อ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงข้อเรียกร้องของราษฎรบ้านโนนป่าก่อซึ่งทำเป็นบันทึกข้อความส่งถึงนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะอนุกรรมการป่าไม้ – ที่ดินในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.53 โดยชี้แจงสาเหตุที่ไม่อพยพออกมายังพื้นที่รองรับที่ทางราชการจัดหาไว้ให้ เนื่องจากการจัดสรรพื้นที่ไม่เป็นไปตามพันธะสัญญาเดิมที่ได้มีการให้ไว้ อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าว ทั้งในโครงการ 1 บ้านฟ้าประทาน ต.กกตูม ด.ดงหลวง และโครงการ 2 บ้านด่านช้าง ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี ไม่เหมาะสม และไม่เพียงพอต่อการทำเกษตรกรรมเพื่อยังชีพ มีการส่งเสริมอาชีพที่ขาดตลาดรองรับ ตลอดจนการจัดสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พร้อม ชาวบ้านจึงมีมติร่วมกันเสนอทางออกในการแก้ปัญหา โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรพื้นที่รองรับใหม่ให้แก่ราษฎรในบริเวณแก้งวังสาน พร้อมทั้งจัดสรรให้มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบป่าชุมชน และตั้งคณะกรรมการ 2 ฝ่าย เพื่อจัดสรรที่ดินทำกินร่วมกัน เพื่อให้เกิดความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ การอพยพรื้อถอนจะมีขึ้นเมื่อชาวบ้านโนนป่าก่อบรรลุตามข้อเรียกร้องดังกล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net