เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2553 ที่รัฐสภา กมธ. สื่อสารฯ สภาผู้แทนราษฎร เชิญ กทช. ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ตามผลการศึกษาของอนุ กมธ. ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานขององค์กรการสื่อสาร สารสนเทศและโทรคมนาคม ที่ระบุว่า การตัดสัญญาณโทรศัพท์ระบบเติมเงินเมื่อครบกำหนดใช้บริการเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค และขัดกับประกาศ กทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 และปัจจุบันเงินที่เหลือจากการเติมเงินซึ่งบริษัทฯ เก็บเป็นรายได้ของตนเองมีรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับ กมธ. สื่อสารฯ ว่า คณะกรรมาธิการมีความเห็นว่า กทช. ควรเร่งบังคับใช้กฎหมาย ที่ห้ามผู้ให้บริการบังคับผู้บริโภคให้ใช้งานในเวลาที่กำหนด และเมื่อยกเลิกสัญญาผู้ให้บริการต้องคืนเงินที่เหลือให้แก่ผู้บริโภค เพราะในปัจจุบันยังมีการกำหนดวันหมดอายุอยู่ทั้งที่ขัดกับกฎหมาย ทำให้ผู้บริโภคถูกยึดเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งที่เงินทั้งหมดนั้นยังเป็นสิทธิของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่า กทช. ควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้สิทธิไม่ให้ถูกเอาเปรียบ และให้ติดต่อขอรับเงินค่าบริการคงเหลือจากเครือข่ายที่ใช้บริการอยู่ได้
“ทาง สบท. จะรวบรวมความเห็นของคณะกรรมาธิการเพื่อนำเสนอ กทช. พิจารณา โดยเบื้องต้นได้เตรียมข้อเสนอไว้แล้ว ว่า ทุกครั้งที่เติมเงินผู้บริโภคต้องได้วัน ใช้งานขั้นต่ำ 1 ปี และหากยกเลิกบริการบริษัทต้องคืนเงินที่เหลือทั้งหมดให้ผู้บริโภค สำหรับเงินที่ไม่มีใครติดต่อขอรับคืน อยู่ระหว่างพิจารณาว่าควรนำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินหรือให้ผู้บริโภคบริจาคให้องค์กรสาธารณประโยชน์ผ่านระบบ sms” ผอ.สบท.กล่าว