Skip to main content
sharethis

 

 

“พอรถชนปุ๊บ เรารู้สึกตัวเองตายแล้วนะ เพราะหัวแตกเลือดไหลอาบเต็มหน้าไปหมด แล้วก็ล้มลงไปทับเพื่อนด้วย เพื่อนก็นอนนิ่ง พอได้สติก็พยายามปีนออกนอกรถ ดีนะที่น้ำในคลองมันแห้งไม่งั้นแย่เลย พอคลานออกมาได้ก็นอนพัก รู้สึกเจ็บแผลที่หัวและปวดตรงสะโพกมากๆลุกขึ้นเดินไม่ได้ “ ณัฐชา  ศรีประไพ เล่าถึงนาทีชีวิตที่ยังฝังติดอยู่ในหัวจนถึงปัจจุบัน
   
มันเป็นช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มของคืนวันที่วันที่ 30 มีนาคม 2552 หลังเลิกงานล่วงเวลากะดึกณัชชาพร้อมเพื่อนพนักงานบริษัท โอเชียนกลาส จำกัด (มหาชน) ที่เธอทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู พากันเดินขึ้นรถบัสรับส่งพนักงานที่บริษัทจัดให้ พอพนักงานขึ้นเต็มคันรถโชเฟอร์ก็ออกรถห้อตะบึงอย่างคึกคะนอง

รถแล่นมาถึงสี่แยกภายในนิคมอุตสาหกรรมแทนที่จะหยุดรถ โชเฟอร์กลับเหยียบคันเร่งพารถพุ่งไปข้างหน้าโดยทันที จังหวะเดียวกับที่รถบัสรับส่งพนักงานอีกบริษัทหนึ่งได้วิ่งมาบนนถนนที่ตัดผ่านถึงสี่แยกด้วยความเร็วที่ไม่แพ้กัน  ได้พุ่งชนรถบัสที่ณัชชานั่งมาบริเวณล้อหลังด้านซ้าย ทำให้รถพลิกตะแคงล้มไปทางด้านขวาอย่างรุนแรงทันที และท้ายรถไถลตกลงไปในคูน้ำ
   
อุบัติเหตุนี้ทำให้มีเพื่อนพนักงานเสียชีวิตไป 2 รายนอกนั้นบาดเจ็บหนักบ้างเบาบ้างโดยทั่วหน้ากัน สำหรับณัชชานั้นศีรษะกระแทกของแข็งในรถแผลแตกยาวประมาณ 8 เซนติเมตรเลือดไหลอาบ ที่หนักว่านั้นคือผลเอ็กซเรย์บอกให้รู้ว่ากระดูกเชิงกรานด้านขวาของเธอร้าว เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมีอาการเจ็บฝังลึกอยู่ตลอดเวลาที่พักรักษาพยาบาลร่วม 33 วัน และยังคงเจ็บเป็นบางครั้งหากต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน
   
การบาดเจ็บทำให้เธอทำงานหนักไม่ได้ต้องเปลี่ยนมานั่งทำงานเอกสารแทน ซึ่งงานทำนองนี้มีแต่ทำงานตามเวลาปกติไม่มีโอทีให้ ทำให้รายได้ของเธอที่ส่งดูแลพ่อแม่ฝืดเคือง ขัดสนไปโดยปริยาย
   
หลังเกิดเหตุบริษัทประกันภัยได้เข้ามาที่บริษัทและเรียกพนักงานที่ประสบเหตุทุกคนมาเจรจาค่าเสียหาย หลายคนถูกเสนอให้รับเงินเพียงแค่ 200 - 500 บาทกับความเสี่ยงภัยที่ถูกเรียกว่า “เล็กๆ น้อยๆ” สำหรับความเจ็บปวดของณัชชาบริษัทประกันภัยเสนอให้ 9,700 บาท
   
ณัชชาถึงกับอึ้งว่าค่าชีวิตของเธอและเพื่อนพนักงานมีแค่เพียงเท่านี้จริงหรือ เธอตัดสินใจทันทีว่าอยากจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทรถและบริษัทประกันภัยเพื่อความเป็นธรรมที่เธอคิดว่ามันไม่น่าจะมีอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้
   
“ฝ่ายบุคคลบอกกับเราว่าอย่าใช้ความรู้สึกเรียกร้อง แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราเจ็บจริง ๆ ถึงแม้ดูจากสภาพภายนอกเราอาจจะดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่บางเวลาเรานั่งนานก็ไม่ได้ ออกกำลังกายเพื่อใช้กล้ามเนื้อก็ไม่ได้ มันจะปวด บางทีมันปวดจี๊ดขึ้นมาเราก็ต้องหยุด ยิ่งช่วงแรก ๆ เดินเหมือนคนขาไม่เท่ากัน เพราะมันปวด”
   
ฝ่ายบุคคลของบริษัทไม่เห็นด้วยกับความคิดของณัชชา ด้วยความเป็นห่วงว่าการที่เธอจะใช้สิทธิยื่นฟ้องนั้น อาจส่งผลต่อการทำงานที่เธอต้องลางานเพื่อไปขึ้นศาล และส่งผลต่อบริษัทในที่สุดและอาจเป็นเหตุให้เธอต้องถูกออกจากงานได้
   
แต่วันที่ณัชชาได้เจอคนของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซึ่งเดินทางมาพูดคุยกับเธอและเพื่อถึงบริษัท ทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้นในการความคิดของตนเอง
   
หลังเกิดเหตุ 5 เดือน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานเรียบร้อย ทนายความอาสาเพื่อผู้บริโภคของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ส่งเรื่องยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายให้เธอเป็นคดีผู้บริโภคเมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน โดยเรียกค่าเสียหายไปทั้งสิ้นกว่า 6 แสนบาท (จากความเสียหายที่มีการประเมินเบื้องต้นประมาณ 1.6 แสนบาท)
   
ศาลได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ย 2 ครั้ง จนได้ตัวเลขที่ 200,000 บาท ณัชชาและทนายความอาสาเห็นพ้องต้องกันว่านี่คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากที่เคยถูกเสนอให้รับเพียงแค่ 9,700 บาท มันเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นถึง 2,000 เปอร์เซนต์ที่บริษัทประกันภัยยอมแสดงความรับผิดชอบในท้ายที่สุด และเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประเมินความเสียหายที่แท้จริง โดยที่ผู้บริโภคไม่ต้องเสียเวลาในกระบวนการสืบคดีต่อไป 
   
บทเรียนการต่อสู้ของณัชชาได้สร้างสีสันชีวิตให้กับเพื่อนพนักงานทุกคน ว่าแรงงานราคาถูกอย่างพวกเธอ ก็มีสิทธิเรียกร้องคุณค่าชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นธรรมได้ไม่แพ้ใคร

   
นั่นเป็นเคสหนึ่งหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างของสิทธิผู้โดยสาร ที่โครงการส่งเสริมสนับสนุนสิทธิผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำการศึกษาและรณรงค์ให้ผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมีความรู้ความเข้าใจถึงสิทธิของตนเองและได้รับการเยียวยาในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
   
และวันที่ 13 พ.ย.2553 นี้ จะเปิดสภาผู้บริโภคระดมความคิดเห็นเพื่อยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ ขึ้น ณ ห้องประชุมราชาวดี ชั้น 4  โรงแรมทีเคพาเลซ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมงานได้

 


กำหนดการ    

ผู้เข้าร่วม    
1. ตัวแทนเครือข่ายศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคฯ
2. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

09.00-09.30 น.         ลงทะเบียนรับเอกสาร
09.30-10.00 น.         ชี้แจงวัตถุประสงค์ และทำความรู้จักผู้เข้าร่วมสัมมนา
10.00-11.00 น         -สถานการณ์ความ(ไม่)ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและเกร็ดความรู้ของ
                                    กระบวนการสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุที่ควรรู้
                                    โดย ผศ.ดร.สมประสงค์ สัตยมัลลี ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุ
                                   -เสนอข้อมูลโครงสร้างรูปแบบการประกอบการรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย
                                    โดย ดร.สุเมธ องกิตติกุล จาก TDRI
11.00-12.00น.          ซักถามแลกเปลี่ยน
12.00-13.00น.          รับประทานอาหารกลางวัน   
13.00-13.45น.          แถลงข่าว “พิธีไว้อาลัยเหยื่อรถโดยสารสาธารณะ” โดยตัวแทนเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาค 
                                    ประชาชน
13.45-15.00น.          สถานการณ์ความ(ไม่)ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและการดำเนินการแก้ไขปัญหาของมูลนิธิ
                                   เพื่อผู้บริโภค โดย
                                   นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
                                   นางสาวสวนีย์ ฉ่ำเฉลียว เจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
15.00-17.00น.         แบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็นปัญหาการบริการรถโดยสารในพื้นที่ของ
                                  เครือข่าย และนำเสนอความคิดเห็นเพื่อยกระดับบริการรถโดยสารสาธารณะในพื้นที่

หมายเหตุ :     หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่
- องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต./อบจ.-เทศบาล)
- คปภ.
- ขนส่งทางบก
- ตำรวจ
- โรงพยาบาล
- สำนักงานอัยการจังหวัด
- นักวิชาการ
- กู้ภัย
- ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ
 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net