ป.ป.ช.อ้างประกาศ คปค.โยนคืนให้ตร.เอาผิดคนแพร่คลิปตุลาการฯ เอง

ผู้สื่อข่าว "มติชนออนไลน์" รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันที่ 25 พ.ย.2553 ได้มีมติส่งสำนวนคดีนายพสิษฐ์  ศักดาณรงค์  เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ  กรณีลักลอบบันทึกภาพและเสียง (คลิปวิดีโอ) การประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่งคืนให้พนักงานสอบสวนโดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาเข้าข่ายกระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ  กล่าวคือ
 
ตามที่ นายเชาวนะ  ไตรมาศ  เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายพสิษฐ์  ศักดาณรงค์  เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ  กรณี ลักลอบบันทึกภาพและเสียง (คลิปวิดีโอ) การประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งเป็นความลับของทางราชการ  ออกเผยแพร่ให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ความลับในการประชุมดังกล่าว  ซึ่งเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน  ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และฐานเป็นเจ้าพนักงาน รู้หรืออาจรู้ความลับในราชการ กระทำการโดยประการใด ๆ  อันมิชอบด้วยหน้าที่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับ ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 157 และมาตรา 164  และจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นของพนักงานสอบสวน ปรากฏพยานหลักฐานตามสมควรเพิ่มเติมว่า นางสาวชุติมา  หรือพิมพิจญ์  แสนสินรังษี  เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ๓  กลุ่มงานคดี 8  สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ  น่าจะได้ร่วมกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวกับนายพสิษฐ์  ศักดาณรงค์ และการกระทำของบุคคลทั้งสอง  ยังเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ  โดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ  อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามมาตรา ๘๙  แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จึงได้ส่งคำร้องทุกข์และสำนวนการสอบสวนคดีอาญาดังกล่าวมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนก่อนหน้านี้แล้วนั้น

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาคำร้องทุกข์และสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน แล้วเห็นว่า  แม้สำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่พนักงานสอบสวนส่งมา  จะเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542  มาตรา 89  ประกอบมาตรา 88  ก็ตาม  แต่เนื่องจากสำนวนการสอบสวนคดีอาญานี้ จากการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง  ได้กระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ  โดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินคดีต่อไปรวมอยู่ด้วย  ประกอบกับพนักงานสอบสวน ได้ขออนุมัติจับกุมบุคคลทั้งสองต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้ออกหมายจับบุคคลทั้งสองไว้แล้ว

ดังนั้น  เพื่อให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองในการกระทำความผิดเหล่านี้ในคราวเดียวกัน  คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึง มีมติให้ส่งเรื่องคืนให้พนักงานสอบสวน  ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป ทั้งนี้ ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549  ข้อ 6  
 

ทั้งนี้ ประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ข้อ 6 ระบุว่ากรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เห็นสมควรอาจส่งเรื่องที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่ใช่บุคคลตามมาตรา 66 ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ดำเนินการทางวินัย หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วแต่กรณี หรือส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไปก็ได้
 

ที่มา - มติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท