Skip to main content
sharethis

คลิปอดีตเลขาฯ ประธานศาลรัฐธรรมนูญโผล่ล่าสุดจับตาหนักคดียุบพรรค พท.เชื่อ" เหตุแพร่คลิป รู้ข้อมูลภายในหวังแสดงนัยยะการเมือง หลายฝ่ายยังกังวลถึงทางออกหากลงคะแนนเสียงเท่ากัน สุริยะใสวอนประชาชนมีสติ เชื่อคลิป “พสิษฐ์” มีกระบวนการปล่อยข่าวจากภายใน ชวน เตรียมอ่านคำแถลงปิดคดียุบปชป.พรุ่งนี้ จตุพรเบรคคนเสื้อแดงชุมนุมหน้าศาล หวั่นถูกใช้เป็นเงื่อนไข ขณะที่เพื่อไทยจับตามาตรฐานคำตัดสิน

28 พ.ย.53 หลังจากมีการเผยแพร่คลิปของ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาอีกระลอกตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.  โดยผู้ใช้นามแฝงว่า judo585 ได้โพสต์ในเว็บไซต์ www.youtube.com  ก็มีการส่งต่อกันในเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมเป็นจำนวนมาก เนื้อหาในเว็บไซต์ระบุว่าเป็นการเปิดใจนายพสิษฐ์ ที่ตีความได้ว่าเป็นการเปรียบเปรยศาลรัฐธรรมนูญกับภาคอุตสาหกรรม มีความยาวประมาณ 6 นาที พร้อมด้วยจดหมายที่เขียนด้วยลายมือและลายเซ็นที่อ้างว่าเป็นของนายพสิษฐ์กำกับ ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2553

นายพสิษฐ์กล่าวในคลิปว่า "วันนี้ ผมได้พ้นจากหน้าที่ต่างๆ หมดสิ้นแล้ว วันนี้กระผมได้ตัดสินใจมาพูดคุยกับท่านและมีการติดต่อสื่อสารกันเป็นครั้งแรก...มีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่า มีบริษัทอยู่บริษัทหนึ่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง บริษัทนี้มีประธานบริษัท มีกรรมการบริหารบริษัท และมีเจ้าหน้าที่บริษัท วันหนึ่งผู้จัดการดูแลโครงการของนิคมมาบอกประธานบริษัทว่า ให้บริษัทนี้ยุติการติดต่อสัมพันธ์กับบริษัทอื่นๆ ที่มีหน้าที่เอาวัตถุดิบต่างๆ เข้ามาติดต่อสัมพันธ์กับทางบริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็มีหลายบริษัท แต่ผู้จัดการของนิคมอุตสาหกรรมมาบอกประธานบริษัทว่าให้เลือกบางบริษัทนั้นอยู่ ติดต่อบริษัทนั้นได้ แต่บางบริษัทก็ไม่สมควรให้อยู่ ทั้งๆ ที่บริษัทเหล่านั้นก็ทำผิดข้อบังคับของทางนิคม"

"ถ้าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยึดมั่นในความถูกต้องก็คงไม่สามารถอดรนทนอยู่ได้ แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าคิด คือ กระแสจากบุคคลภายนอกบริษัทสามารถบอกให้บริษัทนั้นซ้ายหันขวาหันได้ ตรงนี้เป็นเรื่องน่ากลัว และที่น่ายิ่งยวด คือ การซ้ายหันขวาหันได้นั้นไม่สมควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นทุกอย่างควรจะมีความตรงไปตรงมา ในการดูแลบริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในมาตรฐานเดียวกัน วันนี้ กระผมเป็นเพียงแค่นาฬิกาปลุก หวังอย่างยิ่งว่าคงจะเข้าใจในสิ่งที่กระผมพูด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กรรมการบริหารบริษัทนี้ และประธานกรรมการบริหารบริษัทนี้ จะไม่ใช้คำว่ารอการกำหนดโทษกับบางบริษัทที่ผู้จัดการบริษัทให้การสนับสนุนอยู่" นายพสิษฐ์ กล่าว
 
"จรัญ ภักดีธนากุล" ชี้ถ้าแต้มเท่ากันมีปัญหาแน่
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงข่าวว่ามีข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีข้อ 11 ระบุว่า หากที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคะแนนเสียงเท่ากัน ต้องยกประโยชน์ให้แก่การคัดค้าน ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ว่า เป็นความคลาดเคลื่อน ข้อกำหนดดังกล่าวใช้กรณีการร้องคัดค้านว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใดมีอคติกับคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงต้องให้ที่ประชุมตุลาการพิจารณาคำคัดค้าน หากที่ประชุมมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ถือตามคำคัดค้าน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องถอนตัวไป

"ข้อกำหนดดังกล่าวไม่ได้ใช้กับการตัดสินคดี เพราะข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย ไม่ได้มีการเขียนไว้ว่า กรณีการลงมติในการวินิจฉัยคดีและคะแนนเสียงเท่ากันจะทำอย่างไร และไม่มีการเขียนว่าให้ยกประโยชน์ให้แก่ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นปัญหาเหมือนกันหากโหวตแล้วเกิดคะแนนเสียงเท่ากันขึ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดกรณีที่โหวตแล้วคะแนนเสียงเท่ากัน จึงไม่มีการเขียนหาทางออกในเรื่องนี้ไว้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะต้องออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญว่า หากคะแนนเสียงลงมติในการวินิจฉัยคดีเท่ากัน จะเป็นอย่างไร" นายจรัญ กล่าว

นายจรัญ ระบุว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกจุดหนึ่ง คือ กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถอนตัวจากคดีไป แต่เสียงในการวินิจฉัยคดีก็ต้องใช้ 5 เสียงเป็นอย่างน้อย เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการนั่งพิจารณาและในการทำคำวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 5 คน ไม่ใช่ใช้เสียงข้างมากของตุลาการเท่าที่เหลืออยู่ในการวินิจฉัยคดีนั้น
 
แนะให้ปธ.ตัดสิน-ลงมติหลายรอบ
ขณะเว็บไซต์คมชัดลึก รายงานอ้างแหล่งข่าว ซึ่งเป็นผู้พิพากษารายหนึ่งซึ่งเสนอแนะทางออกกรณีที่เสียงของตุลาการเท่ากัน 3 ต่อ 3 ว่า อาจใช้วิธีให้ประธานที่ประชุมคือประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ลงคะแนนอีกครั้งหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด หรืออาจใช้วิธีลงคะแนนหลายรอบก็ได้ จนกว่าจะได้เสียงข้างมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนลงมติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตกลงกันเสียก่อนว่า จะใช้วิธีอย่างไรในกรณีที่โหวตแล้วเกิดคะแนนเสียงเท่ากัน ไม่ใช่มาตกลงกันในภายหลังที่มีการโหวตกันแล้วเกิดคะแนนเสียงเท่ากัน
 
"ไพศาล"ทวิตถ้าถอนตัวอีก 2 วุ่นแน่
นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้ทวิตข้อความในเว็บไซต์ www.twitter.com โดยระบุว่า "ถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถอนตัวอีก 2 คน ที่เหลือจะตัดสินคดีไม่ได้ ถ้าถอนหมดต้องพิจารณาคดีใหม่ สนุกวุ้ย"
 
กกต.มอบอัยการแถลงปิดคดี
นายกฤช เอื้อวงศ์ หนึ่งในคณะทำงานที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มอบหมายให้ดำเนินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผอ.สำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กกต. เปิดเผยว่า สำหรับการแถลงปิดคดีด้วยวาจาที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดให้คู่กรณีมาแถลงปิดคดีนั้น ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าให้ใช้เวลาเท่าไร แต่ในส่วนของกกต. หลังจากได้ส่งคำปิดคดีเป็นเอกสารจำนวน 86 แผ่น ให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว กกต.ก็ได้สรุปคำแถลงปิดคดีแบบย่อจาก 86 แผ่นเหลือเพียงแค่ 18-20 แผ่น ซึ่งการแถลงคดีด้วยวาจาของกกต.เบื้องต้นตั้งไว้อยู่ประมาณ 30 นาที ซึ่งการแถลงของกกต.ก็จะอยู่ในกรอบ 5 ประเด็น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตั้งประเด็นไว้ และไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม ซึ่งกกต.ได้มอบให้ นายกิตินันท์ ธัชประมุข อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นผู้แถลงปิดคดี
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1. กระบวนการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ตามคำร้องอยู่ในบังคับพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 3.พรรคประชาธิปัตย์ใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองในปี 2548 เป็นไปตามโครงการที่ได้รับอนุมัติหรือไม่ 4.พรรคประชาธิปัตย์จัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมืองปี 2548 ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ 5.กรณีมีเหตุให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคจะต้องถูกตัดสิทธิ หรือถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 หรือประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)ฉบับที่ 27 เรื่องการแก้ไขประกาศคปค.ฉบับที่ 15 ลงวันที่ 21 กันยายน 2549 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 หรือพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 หรือไม่ อย่างไร
 
ศาลเชื่อไม่รุนแรง-คาดคนฟังหลักพัน
ส่วนที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาร่วมรับฟังการแถลงปิดคดีด้วยวาจาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีหน่วยปราบจลาจลในท้องที่ของทุกหน่วยมาซักซ้อม นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้นำแผงเหล็กมากั้นด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ฝั่งที่ติดถนนแจ้งวัฒนะ ติดกับสำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาติดตามรับฟังประมาณ 500-1,000 คน คาดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง
 
จตุพรห้ามเสื้อแดงชุมนุมหน้าศาล หวั่นถูกอ้างเป็นเงื่อนไข
นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่ม นปช.และ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวประกาศห้ามคนเสื้อแดงแม้แต่คนเดียวเข้าไปชุมนุมที่ด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วันพรุ่งนี้ เพราะไม่ต้องการให้นำไปเป็นประเด็น หรือเงื่อนไขในการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 
 
 
มาร์คสั่งรมต.เคลียร์คิวฟังคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญแกนนำพรรคมาหารือในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากวันที่ 29 พฤศจิกายน เป็นการแถลงปิดคดียุบพรรคด้วยวาจาโดย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ในฐานะหัวหน้าคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย
 
ส่วนวันที่ 29 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ได้นัดหมายกับแกนนำพรรค และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาขึ้นรถตู้โดยพร้อมเพรียงกันเพื่อเดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐมนตรีเคลียร์คิวงานทั้งหมดเพื่อไปเป็นกำลังใจในการแถลงปิดคดี เพราะคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินในวันเดียวกัน โดยที่ผ่านมาพรรคได้ส่งคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือไปแล้วก่อนหน้านี้ 1 เดือน และที่ผ่านมาคดีของพรรคการเมืองอื่นในคดียุบพรรค เคยมีการแถลงคำปิดคดีในช่วงเช้า และตัดสินคดีในช่วงบ่ายเลย
 
ยังกั๊กตอบเรื่องนายกฯสำรอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัวจากการเป็นตุลาการเป็นคนที่ 3 ว่า คงเป็นไปตามแนวปฏิบัติ เพราะเมื่อเป็นคู่กรณี โดยมารยาทก็ต้องถอนตัวก็ถือเป็นเรื่องของทางศาล ส่วนการพิจารณาคดีจะมีปัญหาหรือไม่คงไม่มีใครตอบได้ อยู่ที่วันที่ 29 พฤศจิกายน ซึ่งองค์คณะที่เหลืออยู่ก็เป็นผู้ลงคะแนน
 
เมื่อถามว่า หากเสียงการตัดสินของตุลาการเท่ากันกระบวนการต่อไปจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปดูกฎหมาย ซึ่งตนยังไม่ดู เพราะการลาออกของตุลาการเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ทำให้จำนวนตุลาการเหลือเป็นเลขคู่
 
ส่วนกระเเสข่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อาจขึ้นเป็นนายกฯ แทนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมไม่ทราบเลยครับ เพราะนายสุเทพก็อาจถูกตัดสิทธิ์ด้วยก็ได้"
 
ชวนเตรียมอ่านคำแถลงปิดคดียุบปชป.พรุ่งนี้
นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความต่อสู้คดียุบปชป. เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าคณะทำงาน จะเป็นผู้อ่านคำแถลงปิดคดีในวันพรุ่งนี้ โดยใช้เวลา 30 นาที ซึ่งในเนื้อหาคำแถลงปิดคดี จะเป็นการชี้แจงข้อแท็จจริง สาระสำคัญของคดีโดยสรุป รวมถึงชี้ให้เห็นพฤติกรรมในการข่มขู่คุกคามตุลาการ เพื่อนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง จนถึงตุลาการ ส่วนเรื่ององค์ประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เหลือเพียง 6 คนนั้น เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญาหต่อการพิจารณาคดี และเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้น่าจะมีการอ่านคำพิพากษาวันแถลงปิดคดีเรียบร้อยแล้ว โดยพิจารณาจากคดียุบพรรคอื่นๆ ที่ผ่านมา
 
ขณะที่นายสุทัศน์ เงินหมื่น หนึ่งในทีมทนายความ มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ถูกยุบ เพราะทางพรรคได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ หากในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งก็พร้อมรับคำตัดสินไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ส่วนการเผยแพร่คลิปของายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนุญ ล่าสุดนั้น ยิ่งทำใมั่นใจว่ามีขบวนการในการล้มพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเชื่อว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญไม่หวั่นไหวกับการข่มขู่ และเชื่อว่าจะไม่มีใครมากดดันศาลรัฐธรรมนูญได้ แม้แต่การชุมนุม
 
 
พท.จับตามาตรฐานศาลรัฐธรรมนูญ
ด้านพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานติดตามคดีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ด้วยวาจาในวันที่ 29 พ.ย.ว่า ประเด็นที่ต้องให้ความสนใจคือมาตรฐานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะเป็นมาตรฐานเดียวกับคดียุบพรรคการเมืองก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อ กรณีคลิปลับทำให้เกิดความหวั่นใจว่าการพิจารณาคดีอาจไม่เที่ยงธรรม แต่หากใช้มาตรฐานเดียวกันวันที่ 29 พ.ย. หลังผู้ถูก ร้องแถลงปิดคดีศาลรัฐธรรมนูญจะต้องอ่านตัดสินเหมือนกับคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย แต่จนถึงวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่มีคำยืนยันใด ๆ ต่างจาก 3 พรรคที่ออกมาบอกล่วงหน้าว่าจะตัดสินในวันแถลงปิดคดีเลย
     
“สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อสังเกตความ ไม่เป็นมาตรฐาน ถ้าดูจากสำนวนของ กกต. ที่ระบุว่าฝ่ายผู้ถูกร้องไม่ได้แก้ต่างในเรื่องสาระ แต่เบี่ยงเบนทำลายน้ำหนักพยาน ที่สำคัญพรรคพลังเกษตรกรที่ถูกตัดสินยุบพรรคโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน ก็ถูกร้องในความผิดเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นมาตรฐานที่ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากมีคำตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่หากตัดสินไม่ยุบก็จะเป็นกรณีศึกษาใหม่ อย่างไรก็ตามทราบว่ามีความพยายามโยนให้เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขา   ธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะที่เกิดความผิด เพื่อรักษานายอภิสิทธิ์ไว้
 
เสียง 3 ต่อ 3 ใครจะชี้ขาด
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการหารืออย่างไม่เป็นทางการของคณะติดตาม ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล (คตร.)ว่า ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่อนุญาตให้นาย สุพจน์ ไข่มุกด์ ลาออกจากองค์คณะพิจารณา คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่มีเหตุผลและสืบเนื่องจากกรณีเดียวกับนายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือเพราะมีผลต่อคะแนนเสียงภายในองค์คณะหรือไม่
   
“ที่สำคัญคือวิธีการตัดสินตามมาตรฐานสากล ประธานจะงดออกเสียงเพื่อเป็นผู้ชี้ขาดกรณีที่เสียงทั้ง 2 ฝ่ายออกมาเท่ากัน จะถูกนำมาใช้ในคดีนี้หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามนั้นแล้วองค์คณะคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเหลือ 6 ท่านใช้สิทธิทั้งหมด สมมุติว่าเสียงออกมา 3 ต่อ 3 เสียง แล้ว ใครจะเป็นผู้ชี้ขาด” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
 
จับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาลสมานฉันท์
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทร ปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากเกิดกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค จะไม่มี ส.ส.งูเห่าในพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเปลี่ยนขั้วไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม เพราะใครทำอย่างนั้นอนาคตทางการเมืองจบแน่ เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายอายุรัฐบาลแล้ว พรรคจะไม่เคลื่อนไหวจับขั้วใหม่ตั้งรัฐบาล แต่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง เพราะประชาชนคาดหวังให้พรรคเป็นรัฐบาล
   
“อยากถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่ารู้จักกลุ่มไทยรักสามัคคีหรือไม่ เพราะหากเกิดยุบพรรคประชาธิปัตย์ จะมี ส.ส.ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่แอบจดทะเบียนจัดตั้งไว้ เพราะต้องการสร้างความปรองดองให้กับประเทศ และกลุ่มไทยรักสามัคคีได้เดินสายทาบทามนักการเมืองหลายพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดขั้วใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.เข้าร่วม 40 คน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลมาแก้ปัญหาแตกแยกในชาติ เรียกว่ารัฐบาลสมานฉันท์ จากนั้นมาพูดคุยหาความเห็นพ้องต้องกันว่าจะเสนอใครเป็นนายกฯและในจำนวนดังกล่าวมีชื่อของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ อยู่ด้วย
 
เชื่อ"พสิษฐ์"ได้ข้อมูลภายในคดียุบปชป. แพร่คลิปหวังแสดงนัยยะการเมือง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ล่าสุดมีการเผยแพร่คลิปนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขาประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เว็ปไซต์ยูทูปเพื่อส่งสัญญาณคดีให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีนัยยะทางการเมืองสอดคล้องกันหรือไม่ เพราะคนระดับนายพสิษฐ์ ซึ่งเคยเป็นเลขาประธานศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะรู้ข้อมูลภายในเป็นอย่างดี และมีความใกล้ชิดกับตุลาการทุกคน ส่งสัญญาณแรงเหมือนบอกนัยยะส่งสัญญาณคดีให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน น่าจะรู้ข้อมูลภายในอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล จึงยอมทำตัวเป็นเกะดำจนมีคดีติดตัว ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำลายองค์กร และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกและซับซ้อนเป็นอย่างมาก ว่าคนอย่างเลขาประธานศาล ทำไมถึงคิดสั้นยอมฮาราคีรีตัวเอง เพื่อทำร้ายองค์กรที่ตัวเองสังกัด หรือสุดท้ายจะเป็นพวกปิดทองหลังพระ สังคมต้องติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง ล่าสุดกล่าวเปิดใจผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ ยูทูป กล่าวเตือนสติคนในครอบครัวเดียวกันเองดังๆ ผ่านสื่อไปทั่วโลก เรื่องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีนัยยะทางการเมืองแบบชอบกล รวมถึงการเตรียมกำลังพลของทหารและตำรวจเต็มอัตราศึกภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 29 พฤศจิกายนที่มีการแถลงปิดคดีอย่างเป็นทางการว่า มีนัยยะแถลงปิดคดีเช้า แล้วน่าจะมีการตัดสินคดีตอนเย็นเลยหรือไม่ เพราะมีการจัดเตรียมกำลังอย่างผิดปกติเกินกว่าเหตุ เหมือนมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง" นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะคดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญรวมถึงความอยู่รอดของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และเป็นการพิสูจน์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของกฎหมายบ้านเมืองว่าสามารถบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่
 
สุริยะใสให้ประชาประชนฟังคำตัดสินศาลธนญ.ยุบพรรค ปชป.อย่างมีสติ
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ แถลงว่า กรณีที่จะมีการแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.) พรรคมีความเป็นห่วงเนื่องจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ อาจส่งสัญญาณความขัดแย้งรอบใหม่ ที่จะกลายเป็นวิกฤติทางการเมืองได้ ดังนั้นพรรคจึงขอให้ทุกฝ่ายรอฟังข้อเท็จจริง และผลคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญควรประกาศนัดหมายที่ชัดเจนในการอ่านคำตัดสินเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน

ส่วนกรณีมีคลิปนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป ระบุว่า มีอำนาจพิเศษสั่งอุ้มพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้สังคมฟังหูไว้หู และรอพิจารณาเหตุและผล ของคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก การเผยแพร่คลิปฉาวทั้งหมด เป็นที่เชื่อได้ว่ามีการดำเนินการเป็นขบวนการและเชื่อว่านายพสิษฐ์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

นายสุริยะใส กล่าวว่า ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจลงมติด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 3 อาจเป็นข่าวปล่อย ที่ต้องการหวังผลทางการเมือง และไม่แน่ใจว่ามาจากศาลจริงหรือไม่ แต่หากมติออกมาเช่นนั้น อาจนำไปสู่สูญญากาศทางการเมืองรอบใหม่ได้ “อาจเป็นข่าวปล่อยจากคนในศาล เพราะเชื่อว่าคุณพสิษฐ์ไม่ได้ทำงานคนเดียว แขนขาคุณพสิษฐ์อาจยังอยู่จึงเป็นไปได้ว่ามีคนคอยปล่อยข่าว ส่วนสูญญากาศ คือ ช่องว่างที่พรรคประชาธิปัตย์อาจทวงถามไปที่ศาลว่าถ้าคะแนนออกมาสามต่อสาม แล้วคะแนนเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร”
 
อดีต คมช.ใบ้รัฐบาลแห่งชาติ   
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการ คมช. กล่าวหลังร่วมงานรำลึกครบรอบ 30 ปี พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า น่าจะมีทางออก ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขปัญหา ส่วนประชาชนพยายามลดราวาศอกไม่ได้สร้างเงื่อนไขให้ถึงจุดรุนแรง ดูแล้วเงื่อนไขยังไม่ให้ปฏิวัติ
   
เมื่อถามว่า ประเทศไทยมีโอกาสเกิด การปฏิวัติอีกหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า คงไม่มีถึงขนาดนั้น ทางการเมืองยังมีความเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามตนไม่ทราบว่าจะเกิดรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ในช่วงนี้ ส่วนงานการเมืองโดยส่วนตัวยังไม่คิดเล่น และขณะนี้ยังไม่มีใครมาชวน ส่วนการทำหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมถือว่าเหมาะสมแล้ว
 
โฆษกมาร์ค เชื่อคลิป พสิษฐ์ มีการทำเป็นขบวนการ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คลิปล่าสุดของ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นว่า เป็นการวางแผนมาตั้งแต่ต้น มีขบวนการพยายามเชื่อมโยงให้เห็นความไม่ยุติธรรม ต้องการดิสเครดิตตุลาการศาล เพื่อให้กระทบกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคนไทยที่ติดตามก็น่าจะวิเคราะห์ได้ว่า เรื่องดังกล่าวมีการเตรียมการที่จะทำลายความน่าเชื่อถือ เพื่อให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้
 
ปชป.มั่นใจมติเสียงตุลาการศาลรัฐธรรนูญ ไม่ออกเสมอ ชี้น่าเป็นเอกฉันท์
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค กล่าวถึงกรณีที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เหลือเพียง 6 คน หากคะแนนออกมา 3 ต่อ 3 อาจทำให้ประธานต้องออกเสียงชี้ขาดว่า เรื่องการออกเสียง 2 ครั้งมีผู้วิจารณ์กันมาก ที่สำคัญคือ ผู้ที่เคยให้ความเห็นในคดีเอาไว้แล้ว จะเปลี่ยนความเห็นจากที่เคยให้ไว้ได้อย่างไร
 
ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่ตนร่วมสู้คดีนี้มาตั้งแต่ต้น เห็นว่าทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย มีความชัดเจนมาก ดังนั้นโอกาสที่ตุลาการจะตัดสินแบบ 3 ต่อ 3 คงเป็นไปได้ยาก แต่อาจจะออกมาในลักษณะ 4 ต่อ 2 หรือ 5 ต่อ 1 หรือ 6 เสียงเต็มเป็นเอกฉันท์ก็ได้ แต่เสียงที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าจะเทไปทางยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค
 
ทั้งนี้ทีมกฎหมายของพรรคมีความมั่นใจในข้อมูล และในที่ประชุมครั้งนี้ นายชวน แฮปปี้ ไม่เครียด โดยได้ให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ และนายบัญญัติ ลองแถลงปิดคดีด้วยวาจาให้ฟัง ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองทดลองแถลงปิดคดี นายชวน ก็ได้จดประเด็นรายละเอียดเพิ่มเติมเอาไว้เป็นข้อมูลด้วย

 

 

 

เรียบเรียงจาก เว็บไซต์คมชัดลึก, มติชน, เดลินิวส์, แนวหน้า, สำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net