Skip to main content
sharethis

สืบเนื่องจากวันที่ 18 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานข้ามชาติสากล ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานออกนโยบายในหลายส่วนเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ ล่าสุดนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางในการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติซึ่งเป็นสตรีมีครรภ์โดยจะให้มีการส่งกลับแรงงานข้ามชาติที่มีครรภ์โดยทันทีนั้นได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลากหลายส่วนว่าเป็นนโยบายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ในการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่นสภาทนายความ ที่ประชุมด้มีความเห็นตรงกันว่านโยบายดังกล่าวของกระทรวงแรงงานนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขั้นรุนแรงโดยนายสุรพงษ์ กองจันทึก  ประธานคณะอนุกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความกล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเรื่องการเตรียมการในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวด้วยการส่งกลับแรงงานต่างด้าวที่ตั้งท้องโดยให้เหตุผลว่าเด็กซึ่งเป็นลูกหลานของแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยนั้นจะตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงแรงงานดำเนินการผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะการประกาศส่งกลับแรงงานต่างด้าวที่ตั้งท้องกลับประเทศนั้นจะทำให้เกิดปัญหาการทำแท้งของแรงงานต่างด้าวที่นำไปสู่การเจ็บป่วยของแรงงานต่างด้าวเพิ่มมากขึ้น เพราะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานั้นเราพบปัญหาแรงงานต่างด้าวเจ็บป่วยจากการทำแท้งเป็นจำนวนมาก

“การเตรียมการในการผลักดันแรงงานต่างด้าวที่ตั้งครรภ์กลับประเทศ ยิ่งเหมือนเป็นการเร่งให้ปัญหาการทำแท้งในแรงงานต่างด้าวเพิ่มมากขึ้น มีเด็กหลายคนที่แม่ทำแท้งไม่สำเร็จก็ต้องกลายเป็นเด็กพิการ  การเตรียมการในการส่งกลับแรงงานต่างด้าวที่ท้องนั้นจึงไม่ใช่เป็นกระบวนการในการป้องกันการค้ามนุษย์ในเด็ก แต่จะกลายเป็นกระบวนการฆ่ามนุษย์เสียมากกว่า ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธผมคิดว่าเราคงรับไม่ได้ถ้าจะมีเด็กลูกหลานของแรงงานต่างด้าวที่ต้องตายเพิ่มมากขึ้นเหมือนกรณีของซากศพเด็กทารก 2,002 ศพที่วัดไผ่เงิน การเตรียมการในปฏิบัติตามนโยบายนี้ของกระทรวงแรงงานถือเป็นการส่งเสริมการทำแท้งซึ่งหากรัฐบาลดำเนินนโยบายนี้จริงก็จะเป็นการขัดต่อกฏหมายระหว่างประเทศ กฎหมายอาญา และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศเราถูกมองในแง่ลบของสายตาชาวโลกมากยิ่งขึ้น”นายสุรพงษ์กล่าว

ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่นสภาทนายความกล่าวอีกว่า ในวันที่ 18 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันแรงงานข้ามชาติสากลตนอยากให้หลายฝ่ายตระหนักถึงสิทธิในความเป็นมนุษย์ของแรงงานเหล่านี้ซึ่งกระบวนการในการแก้ปัญหาเรื่องนี้เราสามารถทำได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยการเข้าถึงกลุ่มแรงงานข้ามชาติในด้านสาธารณสุข ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคุมกำเนิด และสร้างความเข้าใจให้แรงงานต่างด้าวเรื่องการคุมกำเนิดและการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง เพื่อที่จะให้เขาทำงานและมีสุขภาพที่ดีในประเทศเราได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่นสภาทนายความ ได้ทำจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้ทบทวนนโยบายการส่งกลับแรงงานต่างด้าวที่ตั้งครรภ์โดยมีใจความสำคัญบางส่วนดังนี้ ในประเด็นที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้สัมภาษณ์กับสื่อในวันที่   ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ถึงประเด็นเรื่องการส่งกลับแรงงานต่างด้าวที่ตั้งครรภ์ ว่าหากแรงงานต่างด้าว  ไม่คุมกำเนิดและตั้งครรภ์ จะต้องถูกส่งตัวกลับ เนื่องจาก เกรงว่าบุตรแรงงานต่างด้าวที่เกิดมาจะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทางคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ฯ มีความเห็นว่า แนวความคิดนี้ขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่ง (พลเมือง) และทางการเมือง พ.ศ.๒๕๐๙ ข้อ ๑๓. ที่บัญญัติว่า คนต่างด้าวผู้อยู่ในดินแดนของรัฐภาคีแห่งกติกานี้โดยชอบด้วยกฎหมายอาจถูกไล่ออกจากรัฐนั้นได้โดยคำวินิจฉัยอันได้มาตามกฎหมายเท่านั้น ... เมื่อหญิงแรงงานต่างด้าวไม่คุมกำเนิดและตั้งครรภ์ ไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทยแล้ว แนวความคิดของกระทรวงแรงงานที่จะส่งตัวกลับจึงขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศข้างต้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net