กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีชุมนุมศาลากลาง ยื่นหนังสือผู้ว่าฯ สอบ อุตสาหกรรมจังหวัด ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ แกนนำหวั่นอุตสาหกรรมจังหวัดเข้าข้างบริษัทสัมปทานเหมือง
วันนี้ (21 ธันวาคม) ณ หลังศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ตรงบริเวณห้องทำงานของผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ได้มีชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้ทำการชุมนุมเพื่อคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตซจังหวัดอุดรธานี และยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย นายรังสรรค์ บุญสะอาด วิศวกรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ในกรณีที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยออกหนังสือราชการประชาสัมพันธ์ค่าตอบแทนพิเศษลอดใต้ถุน ส่งไปยังหน่วยงานราชการและผู้นำส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตซจังหวัดอุดรธานี
โดยบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเวลา 10.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯได้ทำการตั้งขบวนบริเวณ สถานีรถไฟ จังหวัดอุดรธานีแล้วเดินรณรงค์ไปตามถนนโพธิ์ศรีไปจนถึงบริเวณหลังที่ทำการศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มชาวบ้านได้ใช้รถติดเครื่องขยายเสียง มีตัวแทนชาวบ้านสลับการขึ้นปราศรัย เพื่อสร้างความเข้าใจให้คนในเมือง ต่อสถานการณ์การผลักดันโครงการเหมืองแร่โปแตซในจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะกรณีการปักหมุดรังวัดที่ขัดรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานราชการในท้องถิ่นและส่วนกลางไม่มีความเป็นกลางเลือกข้างบริษัทโปแตซในการผลักดันโครงการเหมืองฯ ทั้งนี้ การเดินรณรงค์ของชาวบ้านได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองอุดรฯ เป็นอย่างดี โดยคนเมืองที่ให้ความสนใจต่อปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ทำการซักถามพูดคุยแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านและรับเอกสารใบปลิวของชาวบ้านไปศึกษา อีกทั้งได้มีกลุ่มชาวเมืองที่เข้ามาให้กำลังใจชาวบ้านในการชุมนุม พร้อมทั้งนำยา อาหาร น้ำดื่มมาช่วยเหลือชาวบ้านตลอดทั้งวันอย่างมิขาดสาย
สืบเนื่องจาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หรือ กพร. ได้ดำเนินการปักหมุดรังวัดเพื่อสำรวจขอบเขตพื้นที่ดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตซจังหวัดอุดรธานี ในช่วงระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่ง กพร. ได้ทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าได้ทำการปักหมุดรังวัด ในเขตคำขอประทานบัตรแหล่งอุดรใต้ แล้วเสร็จ 6 จุด จำนวน 4 แปลง เป็นเนื้อที่ 26,446 ไร่ หลังจากนั้น ในวันที่ 3 พฤศจิกายน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ก็ได้ทำการออกหนังสือราชการประชาสัมพันธ์ส่งไปยังนายอำเภอเมือง นายอำเภอประจักษ์ศิลปาคม และผู้นำชุมชน ในพื้นที่ดำเนินโครงการฯ เพื่อให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินโครงการเหมืองฯ ไปลงชื่อเพื่อรับเงินค่าตอบแทนพิเศษลอดใต้ถุนในราคาไร่ละ 1,000 บาท การดำเนินการของ กพร. ดังกล่าว ได้เป็นที่กังขาถึงขั้นตอนการดำเนินการที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และนำมาซึ่งความขัดแย้งแตกแยกของชาวบ้านในพื้นที่ ทว่า พฤติกรรมของอุตสาหกรรมจังหวัดที่รับลูกต่อ จาก กพร. โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตซ จำกัด ในการเดินหน้าโครงการเหมืองฯ ได้เป็นเงื่อนไขให้ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ต้องออกมาชุมนุมคัดค้านเพื่อยื่นข้อเสนอให้มีการสอบสวนถึงพฤติกรรมของอุตสาหกรรมจังหวัด เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกำชับให้ผู้นำท้องท้องถิ่นวางตัวเป็นกลาง และเสนอให้องค์กรอิสระที่มีความเป็นกลางเป็นผู้ดำเนินการศึกษาผลกระทบในระดับยุทศาสตร์ต่อการพัฒนาเหมืองแร่โปแตซในภาคอีสาน หรือ SEA
ด้าน นายบุญเลิศ เหล็กเขียว แกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้กล่าวถึงการมาชุมนุมและรณรงค์ของชาวบ้านในวันนี้ว่า
“วันนี้เราได้เห็นแล้วว่า ผู้ว่าอุดรได้ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะเรามาทำการติดต่อขอพบผู้ว่ามาแล้วหลายครั้งแล้ว เพื่อจะเล่าสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งกรณีเหมืองโปแตซให้ผู้ว่ารับฟังเพื่อช่วยแก้ไข แต่ผู้ว่ากับหนีพวกเราทุกครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ด้วย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วต่อไปชาวบ้านจะพึ่งพาใครได้อีก ส่วนการรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจให้คนในเมืองต่อกรณีปัญหาเหมืองโปแตซนั้น ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเพราะคนในเมืองให้ความสนใจและมีความเข้าใจสภาพปัญหาและผลกระทบจากเหมืองเพิ่มขึ้น และมีท่าทีในการสนับสนุนต่อจุดยืนของกลุ่มในการคัดค้านโครงการเหมืองโปแตซต่อไป”
ด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ได้เสนอความคิดเห็นต่อปัญหากรณีการผลักดันโครงการเหมืองแร่โปแตซจังหวัดอุดรธานี แล้วนำมาซึ่งการชุมนุมของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ในวันนี้ ว่า
“สิ่งสำคัญคือ อุตสาหกรรมจังหวัด และ กพร. จะต้องสร้างความไว้วางใจแก่ชาวบ้านให้ได้ก่อน เพราะจะดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ประชาชนจะต้องมีความเชื่อมั่น และให้การยอมรับ ว่าหน่วยงานรัฐมีความเป็นกลาง แต่ที่ผ่านมา พฤติกรรม ที่ กพร. และอุตสาหกรรมจังหวัดแสดงออกมันมีความโน้มเอียงในการเข้าข้างบริษัทในการผลักดันโครงการเหมือง โดยเฉพาะกรณีที่ นายรังสรรค์ ทำหนังสือราชการประชาสัมพันธ์เรื่องเงินค่าลอดใต้ถุน มันดูเหมือนว่าช่วยบริษัทในการติดสินบนชาวบ้านรึเปล่า อีกทั้งเป็นการกระทำที่เกินบทบาทหน้าที่ อุตสาหกรรมกรรมจังหวัดน่าจะทำหน้าทีของตัวเองอย่างเป็นกลางเช่น การสร้างความเข้าใจถึงผลดีและผลเสียจากการดำเนินโครงการเหมืองโปแตซให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างชัดเจน”
สุวิทย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในส่วนเรื่องการทำ SEA หรือ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ต่อการพัฒนาเหมืองแร่โปแตซในภาคอีสานนั้น ทางกลุ่มไม่เห็นด้วยที่จะให้ กพร. เป็นผู้ดำเนินการ เพราะไม่ได้ระบุไว้ในข้อกฎหมาย ควรให้ องค์กรอิสระที่มีความเป็นกลางเป็นผู้ดำเนินการ เพราะถ้าเป็น กพร. ซึ่งมีความโน้มเอียงในการสนับสนุนให้เกิดโครงการเหมืองแร่โปแตซอยู่แล้ว เมื่อ กพร. เป็นดำเนินการศึกษา SEA ผลการศึกษาก็จะออกมาว่าโครงการเหมืองแร่โปแตซต้องเกิด ซึ่งเป็นเหมือนกับธงที่ตั้งไว้แล้ว”
ในช่วงเวลา 15.00 น. ได้มีตัวแทนจากส่วนจังหวัดมารับหนังสือข้อเสนอของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ และหลังจากนั้น แกนนำชาวบ้านได้ทำการอ่านแถลงการณ์เพื่อประณามพฤติกรรมข้าราชการที่วางตัวไม่เป็นกลางเลือกข้างบริษัทในการผลักดันโครงการเหมืองฯ แล้วก็ทำพิธีเผาหุนฟางจำลองเป็นข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เอื้ออำนวยความสะดวกให้บริษัทโปแตซผลักดันโครงการเหมือง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)