Skip to main content
sharethis

วานนี้ (25 ม.ค.2554) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงเหตุผลการมาชุมนุมครั้งนี้ว่า เนื่องจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่ไปถึงรัฐบาลไม่ได้รับการตอบรับ คือ 1.ถอนตัวออกจากสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก 2.ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก 2543 (MOU43) และ 3.ขับไล่ทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทย โดยทั้ง 3 ข้อเป็นเรื่องง่ายที่รัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สามารถทำได้นานแล้ว แต่รัฐบาลไม่ยอมทำ พันธมิตรฯ จึงจำเป็นต้องมาชุมนุมตามที่ประกาศไว้

พล.ต.จำลองกล่าวด้วยว่า พันธมิตรฯ จะชุมนุมอย่างยืดเยื้อจนกว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว แต่หากรัฐบาลมีทางเลือกให้โดยประเทศไม่เสียดินแดน พันธมิตรฯ ยินดีทำตาม แต่คงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์ และที่ผ่านมาประเทศไทยถูกรังแกจากกัมพูชา ทั้งที่กัมพูชาไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจอะไรเลย

ส่วนรูปแบบการเคลื่อนไหวของ พันธมิตรฯ ใน 1-2 วันนี้ จะยังไม่เคลื่อนไปไหน จะปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ก่อน แต่ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ทำตามเงื่อนไข 3 ข้อที่ พันธมิตรฯเรียกร้อง การชุมนุมจะยุติทันที แต่หากการชุมนุมครั้งนี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนทั่วไป ก็ขอให้รู้ด้วยว่าเราทำเพื่อแผ่นดินไทย

กรณีการพบระเบิดบริเวณสะพานมัฆวาน รังสรรค์และแยกมิสกวันก่อนหน้าการชุมนุมของพันธมิตรฯ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่ห่วงหลังตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหานำระเบิดมาเตรียมก่อเหตุใกล้สถานที่ ชุมนุม เพราะการจับกุมดังกล่าว ประเมินได้ 2 ทางคือ เป็นฝีมือของตำรวจเอง หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ ดังนั้นจึงได้มีการประสานกับทาง ผบช.น.ให้ช่วยดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะตามอาคารสูงที่เป็นวิถีกระสุนของ M79 ซึ่งระยะหวังผลคือ 400 เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์  มีแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ทยอยเข้ามาร่วมชุมนุมกันอย่างคึกคัก โดยจากแผ่นป้ายบริเวณรอบพื้นที่ชุมนุมมองเห็นได้มาผู้เข้าร่วมมีทั้ง จากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ขณะที่มีการปราศรัยเป็นระยะจากบนรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง

ในส่วนบริเวณด้านข้างทำเนียบฝั่งถนน พิษณุโลก ที่มีการตั้งเวทีปราศรัยและกางเต้นท์ของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งเดินทางมาชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องรัฐบาลช่วยเหลือคนไทย 7 คนที่ถูกกัมพูชาจับตัว ถูกแบ่งให้เป็นพื้นที่สันติวิธี โดยใช้เป็นโรงบุญเพื่อแจกจ่ายอาหารฟรีให้กับประชาชนที่ทยอยเข้าร่วมชุมนุม รวมทั้งจัดเป็นห้องน้ำและที่พักของกลุ่มสันติอโศก 

 

“สนธิ”ซัด “มาร์ค”จอมโกหกเอาใจเขมร-พร้อมสู้สุดชีวิตไม่ให้เสียชาติเกิด  

ผู้จัดการออนไลน์  รายงาน ว่า เวลาประมาณ 20.45 น.วันเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวาน รังสรรค์ ถึงการต่อสู้ของพันธมิตรฯ กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีดินแดนไทย-กัมพู โดยนายสนธิ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2548 ที่ตนนำพันธมิตรฯ ออกมาสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นการสู้เพื่อศีลธรรม เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณออกไป เพราะเขาทำร้ายทำลายประเทศไทย เราสู้วันนั้น ไม่มีการแบ่งว่าเป็นคนใต้ เหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตก แต่เราสู้ด้วยพลังศีลธรรม จนกระทั่งมีการปฏิวัติ 19 ก.ย.เราก็สู้มาตลอด ผ่านเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ 51 ที่พี่น้องต้องสูญเสีย ผ่านวันที่ 17 เม.ย.52 ที่ตนโดนยิง ล้วนแต่เป็นการสู้เพื่อหลักการทั้งสิ้น ไม่ได้สู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์หรือใครเลย

นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนั้นมีพี่น้องภาคใต้มากมายมาร่วมสู้กับเรา ส่วนหนึ่งเพราะเขารักความเป็นธรรมเหมือนเรา แต่ส่วนหนึ่งเขามาสู้เพราะเห็นว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ดี จึงอยากให้ได้ปกครองบ้านเมือง แต่นับจากวันแรกจนวันนี้ สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้เลยว่า เราไม่เคยคิดสู้ให้พรรคประชาธิปัตย์เลย เราสู้ให้ชาติบ้านเมือง เมื่อเราสู้เพื่อบ้านเมือง ไม่ว่าใครก็ตาม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เมือกสุบรรณ นายศิริโชค โสภา ไม่สำคัญ ชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน ขอฝากพี่น้องคนใต้บางส่วนที่ไม่สนใจมาสู้ให้ชาติบ้านเมืองเพียงเพราะว่าเรา สู้กับประชาธิปัตย์ พี่น้องชาวใต้หลายคนที่ดูยู่ขอให้เอาชาติเป็นตัวตั้ง อย่าเอาพรรคเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นตนจะเสียใจมาก ในฐานะที่เราเคยสู้ถึงขั้นหลั่งเลือดมาด้วยกัน

นายสนธิกล่าวต่อว่า มีคนถามตนว่าแก่ขนาดนี้ ยังจะออกมาประท้วงทำไม ตนก็บอกไปว่า ออกมาเพื่อไม่ให้เสียชาติเกิด เราไล่ทักษิณเพราะเขาเป็นนักการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม คอร์รัปชั่น แต่งตั้งโยกย้ายคนของตัวเอง และยังจาบจ้วงเบื้องบน เมื่อไล่ทักษิณออกไป ก็มีการปฏิวัติ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติก็ตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ตนเป็นคนบอกว่า นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนสมบัติผลัดกันชม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเมืองภาคประชาชนนับวันจะตกต่ำลงไป แทนที่ พล.อ.สุรยุทธ์จะพลิกแผ่นดินแก้ปัญหาทุกอย่างให้จบ กลับมาผลัดกันชมในหมู่พวกของตัวเอง แทนที่จะสร้างจริยธรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ก็ไม่ทำ

“ผมไปออกช่อง 11 ได้แค่ 11 วัน พล.อ.สุรยุทธ์ก็โทรศัพท์มาบอกให้ผมหยุด เพราะว่าปัญญาของประชาชนกำลังจะเริ่มเปิด เมื่อเริ่มเปิด ทักษิณก็ต่อสายเข้ามาถึงคนในรัฐบาล ต่อรองว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหว ถ้าผมไม่ออกมา หลัง 19 ก.ย.แล้ว นี่จึงเป็นที่มาของการต้องมีเลือกตั้งใน 1 ปี เมื่อครบ 1 ปี นายสมัคร สุนทรเวช กลับมา เรายังอยู่เฉยๆ จนนายสมัครเริ่มใช้อำนาจที่ไร้จริยธรรม ย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ที่กำลังทำคดีเอสซี แอสเซท และย้ายข้าราชการหลายคนออกไป เสร็จแล้วยังอหังการมมังการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ทักษิณพ้นผิด เพราะเขาเชื่อว่า การที่เขาชนะเลือกตั้งด้วยการซื้อเสียงเข้ามา เขาสามารถทำอะไรก็ได้ไม่ผิด เพระเขาถือว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเมืองไทยคือสภา เขาไม่สนใจการเมืองข้างถนนอย่างไร เมื่อนายสมัครไป นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ก็มา”

นายสนธิ กล่าวว่า ตนกำลังชี้ให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ไมได้ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทย การทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนกันทุกประการ การประมูลข้าว โกงข้าว มีนักการเมืองได้ประโยชน์หลายพันล้าน คนเป็นรองนายกฯ ได้ไป 500 ล้าน การอนุญาตนำเข้าน้ำมันปาล์มเข้ามาในประเทศ ที่จริงคือการให้นักการเมืองของประชาธิปัตย์ขนน้ำมันปาล์มเถื่อนเข้ามาได้ กำไรมากขึ้น การตั้งปลัดมหาดไทยก็ข้ามหัวอาวุโส 50 คน การแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับ ก็ตั้งโต๊ะในทำเนียบ เก็บเงินหัวละ 3-5 ล้าน แล้วจะต่างอะไรกับทักษิณ ทักษิณกล้าทำกล้ารับ เราก็กล้าสู้กับมัน แต่นายอภิสิทธิเหยียบเท้ากับนายสุเทพแล้วเล่นคนละบทบาท นายอภิสิทธิ์บอกรัฐบาลโปร่งใสพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย แต่อีกคนกลับไปพูดที่ชุมพร บอกว่านายสนธิเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง

นายสนธิ กล่าวอีกว่า มีที่ไหนที่คนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงไปเป็นประธานคณะกรรมการเจรจาผลประโยชน์ทางทะเลกับเขมร ไปเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณานำเข้านำมันปาล์ม แล้วนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว นอกจากแต่งตัวหล่อ พูดจาสุภาพ แต่หลงๆ ลืมๆ นึกไม่ออกว่าจะแก้ตัวเรื่องชายแดนเขมรยังไงดี

ทำไมนายสุเทพ และพรรคร่วมฯ ชูนายอภิสิทธิ์ ทำไมมีการจับมือลับๆ ระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย โดยผ่านคนที่เป็นเจ้าของค่ายเพลงคนหนึ่ง และเจ้าของดิวตี้ฟรีอีกคนหนึ่ง ที่ไปจับมือกับคนดำๆ ว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จจะร่วมตั้งรัฐบาลกัน ขออย่างเดียวให้นายอภิสิทธิเป็นนายก ดังนั้น จึงไม่แก้ เอ็มโอยู.43 เพราะเป็นเงื่อนไขในการไปไปสวมตอผลประโยชน์ทางทะเล มีการตกลงแล้ว ถ้าเอ็มโอยู43 ที่ให้เขมรได้พื้นที่ไป 1.8 ล้านไร่ทำสำเร็จ ข้อตกลงทางทะเลก็จะคุยกันรู้เรื่อง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร นายสมชาย นายอภิสิทธิ์ไม่ต่างอะไรกัน พ.ต.ท.ทักษิณกอดกับนายเนวินได้ นายอภิสิทธิ์ก็กอดกับนายเนวินได้ นายบรรหารอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ก็มาอยู่กับนายอภิสิทธิ์ได้ ไม่เห็นข้อแตกต่างเลย บ้านเมืองที่พินาศฉิบหายก็เพราะนักการเมืองอย่างเดียว เหตุนี้เขาต้องชูนายอภิสิทธิ์ เพราะยังขายได้ ขายได้กับคนโง่ๆ ประเทศไทยฉิบหายนอกจากเพราะนักการเมืองเลวทรามแล้ว ยังมีคนโง่ๆ ที่หลงในความหล่ออยู่

นายอภิสิทธิ์บอกว่าพร้อมที่จะฟังพี่ น้อง แต่ผู้ใหญ่ที่ออกมาพูดกันค้านกัน ก็ไม่ยอมฟัง ยังไม่เคยเห็นนายกฯ คนไหนที่โกหกเท่านายกฯ คนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ที่ปลิ้นปล้อนที่สุด แต่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ที่โกหกมากที่สุด วันนี้ นอกจากเข้าจะวิชามารเรื่องข่าวแล้ว เขายังฝันว่า เราจะมีอยู่แค่หยิบมือเดียว แต่เขาเข้าใจผิด ที่ผ่านมาเราไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปัตย์ แต่เราสู้เพื่อชาติบ้านเมือง เมื่อเราสู้เพื่อชาติบ้านเมือง พี่น้องก็ออกมาเอง ไม่ต้องขอร้องแม้แต่นิดเดียว

นายสนธิกล่าวต่อว่า คนที่เป็นนายกฯ ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายมา 3 ครั้ง 3 ครา และกำลังจะทำให้เสียดินแดนมีสิทธิยืนอยู่บนแผ่นดินไทยหรือไม่ ครั้งแรกที่พัทยา มีที่ไหนการประชุมระดับโลกปล่อยให้กุ๊ยไปป่วนแล้วนายกฯ วิ่งหนีเหมือนหมาถูกนำร้อนลวก ครั้งที่ 2 ปล่อยให้คนเสื้อแดงเผาเมืองวันที่ 14 เมษา (2552) ครั้งที่3 เผาราชประสงค์ แล้วพวกเสื้อขาวรักนายกฯ ไม่ใช่หรือ ไปจัดการกับเสื้อแดงเองสิ เพราะนายกฯ บอกให้ไปคุยกันเอง

“คุณไม่ยอมที่จะจัดการกับปัญหาของชาติ บ้านเมือง กลัวว่าต่างชาติจะมองว่าคุณมือเปื้อนเลือด แต่คุณปล่อยให้เขาเผาไปครึ่งเมือง ให้ทหารตายไปเป็น 10 คน ไม่คิดว่าคุณมือเปื้อนเลือดหรือ ถ้าไม่เหลืออด ผมก็ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯ อภิสิทธิ์ เพราะผมเป็นคนให้โอกาสเขา เหมือนที่เคยให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพราะว่าพันธมิตรฯ ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล หรือคนที่จะทวงบุญคุณ”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ต่อไปนี้ พี่น้องอย่าไปทวงบุญคุณพรรคประชาธิปัตย์ ถือเสียว่าที่เขาได้เป็นรัฐบาลเพราะเราเที่ยวนี้ เหมือนหมาตัวหนึ่งที่มาเยี่ยวราดเรา อย่าไปสนใจมัน ที่เราอยู่ยงคงกระพันอยู่ทุกวันนี้ เพราะเรายืนอยู่บนหลักการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พ.ต.ท.ทักษิณรับผลกรรมไปแล้ว จะขอพูดต่อ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินว่า อีกไม่นานนายอภิสิทธิ นายสุเทพ จะได้รับกฎแห่งกรรมในเร็วๆ นี้เช่นกัน

นายสนธิได้ยกตัวอย่างว่า นายอภิสิทธิจะได้รับผลกรรมอย่างไร กรณีแรก คือการให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในข้อตกลงกับคณะกรรมการมรดกโลก กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ซึ่งตนได้พบกับนายสุวิทย์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปลายปีที่แล้ว จึงถามว่าไปเซ็นทำไม นายสุวิทย์บอกว่าได้โทรศัพท์ถามนายกฯ แล้วว่าจะถอนตัวจากภาคีมรดกโลกดีหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่มีพันธะ และประท้วงได้ แต่นายกฯ บอกว่าให้เซ็นไปเลย เมื่อเราพูดเรื่องนี้ เขาก็ให้สมุนออกมาพูดว่า การที่นายสุวิทย์เซ็นไป 4 ข้อนั้น เพื่อให้เรามีสิทธิประท้วงในการประชุมมรดกโลกเดือนมิถุนาปี 2554 นี้ แต่เมื่อเอา 4 ข้อมาดู ปรากฏว่าเป็นการยืนยันสถานภาพของเขมรที่จะจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดก โลกและพื้นที่ 4.6 ตร.กม. คำถามมีอยู่ว่า เมื่อเดือนมิถุนายนมาถึง มีการพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก นายอภิสิทธิ์จะยกมือประท้วงประเด็นไหน ถ้าไปยกมือค้าน นายฮุนเซนก็จะเอา4 ข้อตบหน้า แล้วบอกก็ไปเซ็นมาแล้ว

เรื่องที่ 2 เมื่อศาลกัมพูชามีคำพิพากษา 5 คนไทยเรียบร้อยแล้ว นายอภสิทธิ์ก็มาปากกล้าว่าไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา ก็ถ้าไม่ยอมรับแล้วยอมให้ขึ้นศาลทำไม การที่ยอมให้นายฮุนเซนลากคนไทยไปขึ้นศาล แสดงว่าให้ศาลเขามีอำนาจบนอธิปไตยไทยไปแล้ว อย่างนี้ถือว่าเสียดินแดนแล้ว องค์ประกอบครบตามมาตรา 119 ทำให้ประเทศสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดน แล้วคนที่ถูกจับเขาก็บอกว่า ถูกเขมรลากตัวเข้าไปที่ฝั่งเขา ที่รัฐบาลไม่ประท้วงตั้งแต่ต้น ก็เพราะจิตใจบูชานายฮุนเซนตั้งแต่เช้าจนกลางคืน จะไปประท้วงได้อย่างไร ที่นายกฯ ออกช่อง 11 ครึ่งชั่วโมงวันนั้น ก็แก้ตัวให้เขมรทั้งสิ้น แต่ละคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก็ให้ร้ายคนไทยทั้งสิ้น

“คนที่โตเมืองนอก ชีวิตไม่เคยสัมผัสข้อเท็จจริงในเมืองไทย ไม่มีครูอาจารย์พ่อแม่ที่เคารพ ไม่เคยศึกษาปฏิบัติธรรม จะไม่มีวันเข้าใจความศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนนี้ วันนี้เป็นสิริมงคลของแผนดินที่เรามีคนมากมายมหาศาล ที่มาครั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้เสียชาติเกิด เมื่อเกิดเป็นคนไทย มันต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ไม่อย่างนั้นก็เหมือนพวกชิงหมาเกิด” นายสนธิกล่าว

 

ประมวลภาพการชุมนุม:

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net