ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ 26 แห่ง จำนวน 83 คนเรื่อง “ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจไทย 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค. 54) โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 19-25 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า
ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 58.11 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 50 และอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่านักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในแต่ละปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กลับพบว่า การปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีคาดการณ์ฯ เป็นผลมาจากปัจจัยการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ กับ ปัจจัยการส่งออก ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ที่เหลือกลับปรับตัวลดลง (ตารางที่ 1)
ส่วนดัชนีสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน (ม.ค. 54) ยังคงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเห็นได้จากค่าดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันทั้ง 3 ครั้งที่ทำการสำรวจ กล่าวคือปรับเพิ่มขึ้นจาก 42.16 เป็น 53.50 และ 56.35 ในการสำรวจครั้งนี้และเป็นระดับที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เมื่อพิจารณาในแต่ละปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พบว่า ปัจจัยการลงทุนภาคเอกชนแม้ว่าแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่ค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าการลงทุนภาคเอกชนยังคงอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ ส่วนปัจจัยการส่งออก แม้ว่าค่าดัชนีจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการส่งออกยังคงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง แต่แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกลับมีทิศทางที่ลดลง ข้อมูลดังกล่าวสื่อให้เห็นว่าบทบาทของการส่งออกต่อเศรษฐกิจของไทยจะไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา (ตารางที่ 1)
สำหรับการประเมินสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า จากจำนวน 10 ปัจจัยที่ทำการสำรวจ มีถึง 6 ปัจจัยที่จะส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย อันดับ 1 ราคาน้ำมัน(ร้อยละ 92.8) อันดับ 2 ปัจจัยด้านการเมือง(ร้อยละ 65.1) อันดับ 3 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป(ร้อยละ 65.1) อันดับ 4 วิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป(ร้อยละ 53.0) อันดับ 5 อัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์(ร้อยละ 47.0) อันดับ 6 อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท(ร้อยละ 42.2) ขณะที่ปัจจัยที่จะส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจไทย มี 2 ปัจจัย ประกอบด้วย ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ(ร้อยละ 48.2 ) และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค(ร้อยละ 42.2) ส่วนค่าเงินหยวนของจีน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ(ร้อยละ 43.4) สำหรับเศรษฐกิจโลกนั้นนักเศรษฐศาสตร์ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยร้อยละ 36.1 เชื่อว่าจะส่งผลกระทบด้านลบ และอีกร้อยละ 35.0 เชื่อว่าจะส่งผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจไทย (ตารางที่ 2)
ตารางที่ 1 ปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน และคาดการณ์อนาคตอีก 3 เดือนข้างหน้า เปรียบเทียบย้อนหลัง 3 เดือน และ 6 เดือน
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
|
ดัชนีสถานะทางเศรษฐกิจ
ในปัจจุบัน
|
ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจ
ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
|
||||
ก.ค. 53 |
ต.ค. 53
|
ม.ค. 54
|
ก.ค. 53
|
ต.ค. 53
|
ม.ค. 54
|
|
1) การบริโภคภาคเอกชน
|
39.13
|
50.00
|
56.02
|
79.29
|
64.19
|
53.61
|
2) การลงทุนภาคเอกชน
|
24.26
|
45.21
|
49.39
|
71.01
|
67.81
|
62.20
|
3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
|
58.09
|
56.16
|
58.02
|
65.22
|
55.48
|
63.58
|
4) การส่งออกสินค้า
|
76.09
|
69.59
|
65.24
|
63.57
|
28.38
|
47.56
|
5) การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
|
13.24
|
46.53
|
53.09
|
81.88
|
67.36
|
63.58
|
ดัชนีรวม
|
42.16
|
53.50
|
56.35
|
72.19
|
56.64
|
58.11
|
หมายเหตุ: ค่าดัชนีจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดย
ค่าดัชนีเท่ากับ 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะปกติ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ เดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
ค่าดัชนีสูงกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะแข็งแกร่ง (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ ดีขึ้น (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
ค่าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะอ่อนแอ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ แย่ลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
ตารางที่ 2 คาดการณ์ผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
|
คาดการณ์ผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
|
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
|
||
ส่งผลด้านลบ
|
ไม่ส่งผล
|
ส่งผลด้านบวก
|
||
- ราคาน้ำมันโดยภาพรวม
|
92.8
|
4.8
|
1.2
|
1.2
|
- ปัจจัยด้านการเมือง
|
65.1
|
13.3
|
9.6
|
12.0
|
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป
|
65.1
|
28.9
|
4.8
|
1.2
|
- วิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป
|
53.0
|
41.0
|
1.2
|
4.8
|
- อัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
|
47.0
|
36.2
|
8.4
|
8.4
|
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
|
42.2
|
42.2
|
7.2
|
8.4
|
- เศรษฐกิจโลกโดยภาพรวม
|
36.1
|
19.3
|
35.0
|
9.6
|
- ค่าเงินหยวนของจีน
|
32.6
|
43.4
|
12.0
|
12.0
|
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภค
|
22.9
|
31.3
|
42.2
|
3.6
|
- ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
|
22.9
|
27.7
|
48.2
|
1.2
|
*********************************************************************************************************************************************************************************
หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด
*********************************************************************************************************************************************************************************
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)