นักข่าวพลเมือง: ขบวนประชาชนฯ รุกทวง “สุวิทย์” ปลดล็อคโฉนดชุมชนในเขตป่าถึงหน้ากระทรวง

รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ หายหน้า ไม่อยู่รับ “ขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม” ร่วม 1,000 คน ที่เดินเท้าพร้อมโปสการ์ด 1,500 ใบ จากที่ชุมนุมลานพระบรมรูปทรงม้ามาถึงหน้ากระทรวง ส่งรองปลัดเจรจาแทน ด้านผู้ชุมนุมชี้จะกลับอีกครั้งเพื่อตามเรื่อง

 
ชาวบ้านในเครือข่าย คปสม. ภูเก็ต ย้ำจุดยืนให้ส่งมอบพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน 6 พื้นที่ ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพย์ฯ
 
ร้องกระทรวงทรัพย์ฯ ส่งมอบพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน 17 พื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการจัดโฉนดชุมชน (ปจช.) พิจารณาอนุมัติแล้ว และให้ยุติการจับกุมดำเนินคดีชาวบ้าน
 
จำเลยโลกร้อนโชว์โปสการ์ดที่ร่วมกันเขียนถึง รมว.สุวิทย์ คุณกิตติ
 
วันนี้ (21 ก.พ.54) เมื่อเวลา 7.00 น.ขบวนเดินรณรงค์ 1,000 คน จากขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ (Pmove) ซึ่งประกอบด้วยภาคประชาชนที่รวมตัวกันขึ้น 4 เครือข่าย คือ เครือข่ายสมัชชาคนจน (กรณีปัญหาเขื่อนปากมูล) เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) เครือข่ายสลัม 4 ภาค และ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) จากบริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้าซึ่งใช้เป็นที่ชุมนุมมากว่า 5 วัน ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ เพื่อขอให้ทบทวนข้อเสนอของ พีมูฟ โดยมีประเด็นหลักคือ การเรียกร้องให้ดำเนินการเรื่องพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนที่อยู่ในความรับผิด ชอบของกระทรวงทรัพย์ฯ
 
สืบเนื่องมาจาก ความพยายามในการผลักดันนโยบายจัดการที่ดินในรูปแบบ “โฉนดชุมชน” จนส่งผลให้มีการมอบโฉนดชุมชนโดยการรับรองของรัฐบาลแห่งแรกของประเทศแก่ สหกรณ์บ้านคลองโยง จ.นครปฐม มีพื้นที่ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการประสาน งานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) จำนวน  35 แห่ง โดยพื้นที่ยื่นขอออกโฉนดชุมชนซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและป่าสงวน จำนวน 17 พื้นที่ กลับไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงทรัพย์ฯ จะอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อทำโฉนดชุมชนหรือไม่ อีกทั้งยังมีกรณีพิพาทเรื่องคดีความระหว่างกระทรวงทรัพย์ฯ และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จัดทำโฉนดชุมชน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนของกลุ่มพีมูฟเดินทางถึงบริเวณหน้ากระทรวงทรัพย์เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.จากนั้นได้มีการเปิดเวทีปราศรัยเกี่ยวกับกรณีปัญหาของชุมชนพร้อมเสนอ ทางออกของปัญหา และมีการนำโปสการ์ดจำนวนกว่า 1,500 ใบ ที่เขียนโดยผู้ชุมนุมเพื่อนำไปมอบให้ นายสุวิทย์ แต่มีการแจ้งจากภายในกระทรวงทรัพย์ฯ ว่านายสุวิทย์ ได้เดินทางออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
 
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 12.00-14.00 น.ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าเจรจากับ นายสุรพล ปัตตานี รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนายสุรพลได้รับเรื่อง และทำการบันทึกปัญหารวมทั้งข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยรับปากว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ปลัดกระทรวง รวมทั้งรองปลัดกระทรวงอีกท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ประธานในคณะกรรมการพิจารณา เรื่องโฉดชุมชนของกระทรวงทรัพย์ฯ ภายในวันนี้ จากนั้นผู้ชุมชุนได้เดินทางกลับไปยังที่ชุมนุมบริเวณลานพระรูปโดยมีข้อสรุป ว่าจะมาติดตามเรื่องต่ออีกครั้งหนึ่ง
 
นส.พงษ์ทิพย์ สำราญจิตต์ ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า แม้ ปจช.จะอนุมัติให้ดำเนินการทำโฉนดชุมชน ในพื้นที่ภายใต้กระทรวงทรัพย์ฯ ไปแล้ว 17 ชุมชน แต่ทางกระทรวงยังไม่ส่งมอบพื้นที่ให้สำนักงานโฉนดชุมชนโดยอ้างว่าไม่มีช่อง ทางกฎหมายให้ดำเนินการ จึงได้หารือกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการ ปจช.ให้มีการนำปัญหาอุปสรรคในการทำโฉนดชุมชนดังกล่าวและข้อเสนอเพื่อการแก้ ปัญหาเรื่องนโยบายโฉนดชุมชน ที่ทางพีมูฟนำเสนอทั้ง 6 ข้อ สู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 22 ก.พ.นี้ ซึ่งทาง รมต.สาทิตย์ ได้รับปากว่าจะดำเนินการให้ อย่างไรก็ตามจะมีการปักหลักชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อติดตามเรื่องนี้จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ
 
“ประเด็นสำคัญที่ท่าน รมต.สาทิตย์ รับปากว่าจะเข้า ครม.จะมีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบฯโฉนดชุมชน ที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินงานโฉนดชุมชน ควบคู่ไปกับการพัฒนายกระดับให้เป็น พ.ร.บ.โฉนดชุมชน ในระหว่างที่ พ.ร.บ.โฉนดชุมชน ยังไม่มีผลบังคับใช้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปรับปรุง กฎระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติ โดยนายกฯ จัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำ MOU กับคณะกรรมการ ปจช.ให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553” นส.พงษ์ทิพย์ กล่าว
 
ด้าน อ.เดชรัต สุขกำเนิด เลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับนโยบายโฉนดชุมชน เพราะไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน หากแต่เป็นคุณูปการกับสังคมอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปในระบบเอกสารสิทธิ์ของเมืองไทย แม้จะมีการปกครองดูแลที่ดินและทรัพยากรโดยชุมชนมานานแล้ว แต่ชุมชนไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ ทำให้ไม่มีพลังเพียงพอที่จะรักษาที่ดิน ส่งผลให้ที่ดินเปลี่ยนมือไปสู่นายทุนได้ง่าย โดยชาวบ้านอาจเป็นใจหรือไม่เป็นใจ 
 
“การพูดถึงโฉนดชุมชนต้องพูดในเชิงผลลัพธ์ ว่าอยากเห็นอะไรในชุมชน ยกตัวอย่างการจัดการโฉนดชุมชนในพื้นที่ป่าต้องมีเงื่อนไขว่าชาวบ้านจะจัดการ ป่าอย่างไร ต้องมีตัวชี้วัด เช่น ป่าจะสมบูรณ์ขึ้น ต้นไม้จะหลากหลายมากขึ้น สิ่งมีชีวิตต่างๆ จะเพิ่มขึ้น อาหารจะสมบูรณ์ขึ้น สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากขึ้น ซึ่งชุมชนสามารถทำข้อมูลเหล่านี้ได้” อ.เดชรัต กล่าว
 
ทั้งนี้ พื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน ซึ่งกำลังผลักดันให้ทางกระทรวงทรัพย์ส่งมอบพื้นที่ให้ชุมชนบริหารจัดการ ตามนโยบายโฉนดชุมชน อยู่ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 1 ชุมชน คือ บ้านแม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน 2 ชุมชน ได้แก่ บ้านทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ, บ้านตามุย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ภาคใต้ 14 ชุมชน ได้แก่ บ้านทับเขือ-ปลักหมู อ.นาโยง, บ้านลำขนุน อ.ย่านตาขาว, บ้านตระ อ.ปะเหลียน, บ้านน้ำปลิว อ.รัษฎา, บ้านไร่เหนือ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง, ชุมชนคลองไทรพัฒนา อ.ชัยบุรี, ชุมชนไทรงามพัฒนา อ.ชัยบุรี, ชุมชนสันติพัฒนา อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี, บ้านท่าสัก อ.ถลาง, บ้านคลองเกาะผี อ.เมือง, บ้านคลองปากบาง อ.กระทู้, บ้านท่าเรือใหม่รัษฎา อ.เมือง, บ้านอ่าวยนต์ อ.เมือง, บ้านสะปำ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
 
 
 
แถลงการณ์ ฉบับที่ 7
“องคุลีมาลยังคิดกลับใจ แล้วเหตุใดสุวิทย์ ไม่คิดกลับลำ”
 
7 มิถุนายน 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 ประกาศให้ระเบียบสำนักนายกฯ เริ่มใช้และดำเนินการได้อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นรัฐบาลก็ได้พยายามผลักดันให้ชุมชนที่มีความพร้อม ตรงตาม “ประกาศคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินงานโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553” ดำเนินเนินการจัดเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน จนในท้ายที่สุด ได้มีพื้นที่ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนด ชุมชน (ปจช.) จำนวนทั้งสิ้น 35 ชุมชน จากจำนวนชุมชนที่เสนอเพื่อการพิจารณาทั้งสิ้น 88 ชุมชนทั่วประเทศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ หลังจากที่ ปจช.ได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆ ดำเนินการเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน ตามระเบียบสำนักนายกฯ ผลปรากฏว่า ณ ขณะนี้แทบทุกกระทรวงไม่มีการตอบรับให้ดำเนินการตามคำขอของคณะกรรมการ ปจช. มีเพียงพื้นที่เดียวเท่านั้นจาก 35 พื้นที่ที่ได้มีการจัดทำเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนแล้ว คือ ชุมชนคลองโยง อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
 
จากทั้งหมด 35 พื้นที่ดังกล่าว มี 17 พื้นที่ ที่อยู่ภายใต้การดูแลและรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ แต่นับจากที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการฯ และคณะอนุกรรมการฯ มีการจัดประชุมเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหามามากกว่า 20 ครั้ง และใน 20 กว่าครั้งนี้ มีการประชุม “คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติและที่ป่าไม้อื่นๆ” ซึ่งมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นประธานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งไม่มีการดำเนินการใดๆ เลยตลอดระยะเวลา 23 เดือนที่ผ่านมา นี่แสดงให้เห็นว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ ไม่เคยใส่ใจปัญหาของคนจนเลยแม้แต่น้อย
 
แต่ ณ วินาทีนี้ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ขอประกาศว่า ที่ผ่านมา คนจนทุกชีวิต ณ ที่นี้ พร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ ได้ตัดสินใจผิดพลาดลงไป แต่เราขอเรียกร้องให้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ ได้ไตร่ตรองแล้วตัดสินใจใหม่อีกครั้ง เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้จะถือว่าเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต จะเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลของนายสุวิทย์ คุณกิตติ สืบไป ที่สำคัญจะทำให้คนจนได้มีผืนดินเพื่อทำการผลิตเพื่อหล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศ เราขอเรียกร้องให้ท่านกลับใจทำความดีลบล้างความผิดพลาดที่ผ่านมา อย่าให้คนจนต้องลุกขึ้นมาร้องถามว่า “ขนาดองคุลีมาลยังคิดกลับใจ  แล้วเหตุใด นายสุวิทย์ ไม่คิดกลับลำ”
 
คนจนทั้งผองพี่น้องกัน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
21 กุมภาพันธ์ 2554
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท