Skip to main content
sharethis

กลุ่มสมัชชาคนจนพาชาวบ้านยื่นหนังสือคณะกรรมการปฎิรูป "อานันท์" ระบุพร้อมช่วยแต่ไม่มีอำนาจทางบริหาร ด้านขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ออกแถลงการณ์ “หยุดพฤติกรรมหลักกู ของนายอิสสระ สมชัย ใช้หลักการตามกระบวนการทางวิชาการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล”

อานันท์ฟังปัญหาสมัชชาคนจนพร้อมช่วยแต่ไร้อำนาจ
 
เว็บไซต์คมชัดลึก รายงาน ว่าวันนี้ (21ก.พ.54) เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21ก.พ.ที่บ้านพิษณุโลก กลุ่มสมัชชาคน (สคจ.) ประมาณ 100 คน นำโดย นายปริวัฒน์ ปิ่นทอง ในฐานะรองประธานคณะกรรมการชาวบ้านฟื้นฟูวิถีชุมชนลุ่มแม่น้ำมูล (ชชช.) เข้ายื่นหนังสือถึงนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย กรณีการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล โดยระบุว่าการแก้ไขปัญหาโดยการเปิดเขื่อน 4 เดือน และปิดเขื่อน 8 เดือน เป็นวิธีการดำเนินการที่ไม่วางอยู่บนฐานของความรู้ หรือหลักเหตุผล รวมถึงอัตราของความต้องการกำลังไฟฟ้าสูงสุด ทาง สคจ.เห็นว่าการแก้ปัญหาต้องเริ่มจากการรับฟังข้อเท็จจริงจากภาควิชาการ และผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งการเปิดเขื่อนตลอดปีจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้ระบบนิเวศน์ วิถีชีวิต และสัตว์น้ำในแม่น้ำฟื้นคืนกลับมาอย่างยั่งยืน ทาง ชชช.จึงขอให้คณะกรรมการปฏิรูปฯ ใช้โอกาสในการปฏิรูปโครงสร้างสังคม นำกระบวนการแก้ไขปัญหาทั้งในอดีต และปัจจุบันเป็นกรณีศึกษาการจัดการน้ำ และสิทธิชุมชน พร้อมทั้งช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ตามช่องทางที่คณะกรรมการเห็นสมควร
 
นายอานันท์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสไปเขื่อนปากมูลหลายครั้ง แต่ตนไม่มีอำนาจในทางบริหาร เนื่องจากการแก้ไขปัญหาเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตนสามารถช่วยเหลือได้เพียงกว้างๆ โดยคณะคณะปฏิรูปของตนมีหน้าที่สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เป็นปัญหาหลักของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอำนาจของรัฐ และตนจะพยายามเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยการลดอำนาจ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน
 
 
ขปส.อัด “รมว.พม.” เกณฑ์ชาวบ้านสร้างภาพค้านปิดเขื่อน
 
ด้านขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม อันประกอบด้วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของรัฐ อาทิ สมัชชาคนจน เครือข่ายปฎิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) สลัม 4 ภาค และเครือข่ายปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ออกแถลงการณ์ “หยุดพฤติกรรม หลักกู ของนายอิสสระ สมชัย ใช้หลักการตามกระบวนการทางวิชาการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล” เรียกร้องให้ รัฐบาลสั่งการให้เปิดเขื่อนปากมูลตลอดปี ตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการ 2 ชุดที่รัฐบาลตั้งขึ้นซึ่งต่างยอมรับว่า การสร้างเขื่อนปากมูลส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศน์ วิถีชีวิตของชุมชนที่ส่วนใหญ่เป็น รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เขื่อนในการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบ ไฟฟ้า 
 
แถลงการณ์ระบุเนื้อหาดังนี้
 
 
 
แถลงการณ์ ฉบับที่ 7 (ฉบับพิเศษ 2)
หยุดพฤติกรรมหลักกู ของนายอิสสระ สมชัย
ใช้หลักการตามกระบวนการทางวิชาการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล
 
ตามที่รัฐบาลได้ ดำเนินแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล โดยแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล โดยมีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทั้งฝ่ายบริหาร หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และผู้แทนของสมัชชาคนจน ต่อมา คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบรายงานของคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูลงานวิจัยและข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล และรายงานของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก การสร้างเขื่อนปากมูล ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 3553
 
สาระสำคัญของ รายงานทั้งสองฉบับ ยอมรับว่า การสร้างเขื่อนปากมูล และการใช้ประโยชน์จากเขื่อน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศน์ วิถีชีวิตของชุมชนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ซึ่งตั้งถิ่นฐานก่อร่างสร้างชุมชนและสร้างสรรค์วัฒนธรรมของท้องถิ่นมาเป็น เวลายาวนานหลายร้อยปี นอกจากนั้น ปัจจุบันเขื่อนปากมูลไม่มีความจำเป็นต่อการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เขื่อนในการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า เนื่องจากเขื่อนห้วยเฮาะสามารถป้อนปริมาณไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมสายไฟจากเขื่อนน้ำเทิน 2 ซึ่งกำลังจะเปิดใช้ในเร็วๆนี้ เพื่อป้อนไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ส่วนการใช้เขื่อนเพื่อวัตถุประสงค์ด้านชลประทาน ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การศึกษาพบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำนาในหน้าฝน ไม่นิยมทำนาในหน้าแล้ง เนื่องจากปัญหาของคุณภาพดิน การทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อสร้างคลองส่งน้ำ อีกทั้งลักษณะพื้นที่ริมแม่น้ำเป็นตลิ่งสูง ต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อสูบน้ำ ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ส่วนปัญหาเรื่องท่อสูบน้ำ กรมชลประทานยอมรับว่า สามารถแก้ปัญหาได้ไม่ยากด้วยการเปลี่ยนเป็นสถานีสูบน้ำแบบแพลอย
 
ในอดีต การแก้ปัญหาของเขื่อนปากมูลโดยใช้การเปิดๆปิดๆ (เปิด 4 ปิด 8)  เป็นวิธีการดำเนินการที่ไม่ได้วางอยู่บนฐานของความรู้หรือหลักเหตุผลใดๆ แม้แต่การเปิดปิดก็ไม่วางอยู่บนฐานของความต้องการเรื่องอัตราความต้องการ กำลังไฟฟ้าสูงสุด ดังนั้น ข้อเสนอของรายงานทั้งสองฉบับจึงเห็นสอดคล้องว่า การแก้ปัญหาเขื่อนปากมูล จะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับข้อเท็จจริงจากการศึกษาทางวิชาการ และการรับฟังความเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงไปตรงมา การเปิดเขื่อน ปากมูลตลอดปี และการฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบมาตลอด 20 ปี เป็นแนวทางที่จะช่วยให้ระบบนิเวศน์ วิถีชีวิต และพันธุ์ปลาในแม่น้ำมูล ฟื้นคืนกลับมาได้อย่างยั่งยืน
 
ต่อมาเมื่อวัน ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 ได้มีการเจรจากันระหว่างตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) กับทางรัฐบาลโดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นประธานการเจรจา ในการเจรจาดังกล่าว ที่ประชุมเห็นชอบที่จะนำข้อสรุปการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งจะทำให้ปัญหาที่หมักหมมมากว่า 20 ปีได้รับการแก้ไข
 
ขณะที่การแก้ไข ปัญหากำลังเดินหน้า วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2554) นายอิสสระ สมชัย รมต.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อขัดขวางการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ด้วยการรวบรวมรายชื่อชาวบ้านโดยผ่านกลไกของจังหวัดอุบลฯ เพื่อที่จะสร้างภาพว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหา เขื่อนปากมูล
 
ขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ยืนยันว่ากระบวนการหาข้อสรุปเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ดำเนินการมาตามหลักการมาตรฐานทางวิชาการที่สังคมยอมรับ และขอประณามการกระทำของนายอิสสระ สมชัย ที่พยายามใช้หลักกู มาขัดขวางการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล พร้อมกันนี้พวกเราขอให้นายกรัฐมนตรี ใช้ความเป็นผู้นำในการยืนยันหลักการที่ถูกต้อง อย่าค้อมหัวให้กับนายอิสสระ สมชัย ที่จะใช้หลักกูเหนือหลักการ
 
ขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ยับยั้งพฤติกรรมของนายอิสสระ สมชัย ในทันที พร้อมกับผลักดันการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลให้เป็นไปตามข้อตกลง ที่ให้ไว้กับพวกเรา
 
คนจนทั้งผองพี่น้องกัน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
21 กุมภาพันธ์ 2554
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net