นักข่าวพลเมือง: ชุมนุมลานพระรูปฯ ยันปักหลักต่อ หลัง ครม.เลื่อนพิจารณา “กรณีปากมูน”

ขบวนการประชาชนฯ เคลื่อนจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปทำเนียบ เกาะติด ครม.พิจารณาปัญหา เตรียมพร้อมปักหลักยาวต่อ หลังมติ ครม.อนุมัติงบกองทุนธนาคารที่ดิน-บ้านมั่นคงคนไร้บ้าน แต่โฉนดชุมชนเพียงรับทราบ ส่วนเปิดเขื่อนปากมูลให้นำเรื่องกลับไปศึกษาอีกครั้ง 

 
 
 
 
 
สืบเนื่องจาก ตัวแทนจากกลุ่มปัญหาต่างๆ ในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ (P Move) ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ร่วมเจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2554 โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำเรื่องเร่งด่วนที่มีข้อยุติแล้วเข้าสู่การพิจารณา ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล โดยการเปิด 5 ปี และฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ 2.การอนุมัติงบประมาณ 52.7 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนไร้บ้าน 3.การอนุมัติงบประมาณ 167 ล้านบาท กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดินภาคเหนือ 5 หมู่บ้าน และ 4.กรณีการดำเนินการจัดให้มีโฉนดชุมชน
 
วันนี้ (22 ก.พ.54) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ขบวน ขปส.จำนวน 5,000 คน ได้เดินทางจากสถานที่ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามการนำผลการเจรจากับนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.โดยในการประชุมมี 2 เรื่องที่ผ่านการพิจารณา คือ โครงการนำร่องกองทุนธนาคารที่ดินภาคเหนือ และบ้านมั่นคงของคนไร้บ้าน แต่เรื่องโฉนดชุมชน ที่ประชุมเพียงเห็นชอบ แต่ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้
 
ส่วนกรณีการแก้ปัญหาเขื่อนปากมูล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า จากกรณีที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้องผู้ ชุมนุมเขื่อนปากมูล ให้เปิดเขื่อนเป็นเวลา 5 ปี จากเดิมให้เปิด 4 เดือนปิด 8 เดือน ที่ประชุม ครม.ไม่มีมติ โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีที่สนใจเสนอความเห็นต่อที่ประชุม ครม.อีกครั้ง
 
นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ซึ่งร่วมชุมนุมกับกลุ่มพีมูฟ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่ในวันนี้ ครม.มีมติเห็นชอบเพียง 2 เรื่อง คือกรณีคนไร้บ้าน และกรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน สำหรับอีก 2 เรื่องถือว่ารัฐบาลยังไม่กล้าตัดสินใจ โดยกรณีโฉนดชุมชนนั้นการที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ไม่มีผลในทางปฏิบัติ และไม่มีผลต่อการส่งมอบพื้นที่โฉนดชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ส่วนกรณีปากมูลนั้น มีจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้งในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ทั้งที่เรื่องนี้มีข้อมูลผลการศึกษาของคณะกรรมการที่มี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ชัดเจนแล้ว แต่ติดขัดที่การเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง
 
“เมื่อเป็นเช่นนี้เราต้องชุมนุมยืดเยื้อ โดยอาจจะอยู่ยาวจนกว่าจะสามารถแก้ปัญหากรณีปากมูลและโฉนดชุมชนแล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น เรื่องคดีความ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพย์ เรื่องเหมืองแร่ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งจะมีการประสานให้มีการเจรจากับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องภายในสัปดาห์นี้ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับกระทรวงมหาดไทย” นายประยงค์กล่าว
 
ด้าน ดร.นฤมล ทับจุมพล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องปากมูนเป็นปัญหาเรื่องการเมือง ไม่ใช่ปัญหาวิชาการ เป็นเรื่องวิธีคิดที่ว่าการเปิดเขื่อนเป็นการลดระดับน้ำ การปิดเขื่อนเป็นการเพิ่มระดับน้ำ ซึ่งสะท้อนการมองปัญหาเรื่องความแห้งแล้ง การกลัวภัยแล้ง ตอนนี้น้ำโขงแห้งเร็ว เมื่อเปิดเขื่อนทำให้น้ำแห้งเร็ว แต่ว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมมาแล้ว ที่ผ่านมารัฐกลัวว่าน้ำไม่พอก็เก็บน้ำไว้ ก็ปิดเขื่อน แต่เมื่อฝนตกไม่กี่ครั้งก็เกิดน้ำท่วม ปีที่ผ่านมามีปัญหาน้ำท่วม เป็นปัญหาการจัดการระบบชลประทาน เป็นประเด็นทางด้านการเมือง ไม่ใช่เรื่องเทคนิค
 
“รัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐเป็นคนก่อปัญหาก็ต้องรับผิดชอบ การจ่ายค่าชดเชยเป็นการแสดงความรับผิดชอบของรัฐ ประเด็นปากมูนเป็นประเด็นการเมือง ความเรื่องความกล้าหาญทางการเมือง เพราะด้านวิชาการเพียงพอแล้ว” ดร.นฤมลแสดงความเห็น
 
ทั้งนี้ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เป็นการรวมตัวของเกษตรกรและคนจนเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้รับผล กระทบจากนโยบายการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วย 4 เครือข่าย คือ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.), เครือข่ายสลัม 4 ภาค, สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล, และเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) โดยมีข้อเรียกร้องให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม การยอมรับสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิความเป็นมนุษย์
 
 
 
แถลงการณ์ ฉบับที่ ๘
พิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล ๔ กรณีปัญหาต้องยุติ
และเร่งเปิดการเจรจาสางปัญหาอีก ๔๐๐ กรณีปัญหาโดยเร็ว
 
๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ประชาชนผู้ไม่ได้รับความเป็นจากนโยบายการพัฒนา ทั้งคนจนจากชนบทและคนจนเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับผลกระทบอันเลวร้ายจากนโยบายการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วยกลุ่มคนจน 4 เครือข่าย3 กรณีคือ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย, เครือข่ายสลัม 4 ภาค, สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล, และเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง ชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้พิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อุบลราชธานี จำนวนทั้งสิ้น ๖,๐๐๐ คน ได้ออกเดินทางจากภูมิลำเนา มารวมตัวกันปักหลักอยู่บริเวณหน้าลานพระรูปทรงม้า กรุงเทพมหานคร ในนามของ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เพื่อทางถามและเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ค้างคามายาวนาน
 
และต่อมาในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้มีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการขึ้นที่รัฐสภา ระหว่างตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมกับรัฐบาลโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน การเจรจาดังกล่าวเป็นการหาข้อสรุปในกรณีปัญหาเบื้องต้น ซึ่งสามารถหาข้อยุติได้ ๔ กรณีปัญหา จากทั้งหมด จำนวน ๔๐๐ กรณีปัญหา ซึ่งปัญหาที่ยุติและพร้อมที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพียง ๔ กรณีปัญหา
 
ดังนั้น วันนี้จึงเป็นเพียงบทพิสูจน์ความจริงใจของรับบาลว่า ๔ กรณีปัญหาที่เข้าสู่การพิจารณาในการประคณะรัฐมนตรี จะต้องได้รับความเห็นชอบ เพราะหากปัญหาใด ปัญหาหนึ่งไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี พวกเราก็ไม่สามารถไว้วางใจรับบาลได้ว่า กรณีปัญหาที่เหลืออีกกว่า ๔๐๐ กรณีปัญหาจะได้รับการแก้ไข
 
อย่างไรก็ตาม พวกเราขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ก็เห็นความตั้งใจของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในการผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา หากติดขัดเฉพาะรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาล
 
ดังนั้นเพื่อก้าวข้ามความล่าหลังของรัฐมนตรีบางคน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จักต้องแสดงความเป็นผู้นำในการปราบพยศ รัฐมนตรีบางคน เพื่อนำพาสังคมไปสู่ความก้าวหน้า ตามเจตนารมณ์ ที่ประกาศไว้ ว่า ประชาชนต้องมาก่อน
 
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ขอยืนยันว่า ๔ กรณีปัญหาที่เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบตามข้อตกลงระหว่างพวกเรากับรับบาล และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการ เพื่อแก้ไขปัญหาอีก ๔๐๐ กรณีปัญหาให้ยุติโดยเร็ว
 
คนจนทั้งผองพี่น้องกัน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท