Skip to main content
sharethis

"วรงค์ เดชกิจวิกรม” บอกต้องใช้วิจารณญาณเวลาฟัง “มิ่งขวัญ” อภิปรายเพราะพูดความจริงครึ่งเดียว ด้าน “เทพไท” จวก “มิ่งขวัญ” อภิปรายดุดัน แต่ขัดกับบุคลิกประจำตัว ชาวบ้านเรียกดัดจริต ข้อมูลไม่มีอะไรใหม่เหมือนตัดแปะหนังสือพิมพ์ จึงไม่แปลกที่มีการเรียกร้องให้ “เฉลิม” มานำการอภิปราย พร้อมเย้ย “10 ทักษิณ 100 มิ่งขวัญ 1000 เฉลิม ก็ไม่เท่า 1 อภิสิทธิ์”

เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ที่อาคารรัฐสภา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิด พบว่าการนำเสนอ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจของฝ่ายค้าน และนายมิ่งขวัญ เป็นการนำข้อมูลเดิม และนำเสนอข้อมูลเพียงบางส่วนเพื่อให้ เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ศูนย์ฯ ได้ติดตามการอภิปรายฯใน ห้า เรื่อง กล่าวคือ หนึ่ง การสร้างความเข้าใจผิดกับการสร้างภาระหนี้ภาครัฐของรัฐบาลปัจจุบัน สองการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของการคลังภาครัฐ สามการบริหารนโยบายข้าวฝ่ายค้านพยายามเปรียบเทียบนโยบายประกันรายได้เกษตรกร กับนโยบายการรับจำนำของรัฐบาลในอดีต โดยไม่พูดถึงราคาข้าวตลาดโลกขณะนั้น สี่ ข้อเท็จจริงการบริหารกองทุนน้ำมัน ห้าปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าทั้งห้าเรื่องเป็นการนำเสนอข้อมูลด้านเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสับสนในข้อมูล ทำให้การนำเสนอการอภิปรายโดยบุคคลที่พรรคเพื่อไทยเสนอเพื่อให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีนั้น มีการตั้งประเด็นคำถามมากกว่า หาคำตอบในการแก้ไขปัญหา

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ศตอ.) ได้มีการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายค้าน โดยประเมินว่าไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คิด และสิ่งที่พูดมามีเพียงความจริงครึ่งเดียว ดังนั้น ตนอยากยืมคำนายกฯ ท้าให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ในฐานะผู้นำทีมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทยว่า หากต้องการแข่งเป็นนายกฯ ก็อยากท้าให้ชูแคมเปญว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วจะยกเลิกนโยบายการ ประกันราคาสินค้าเกษตรกร สำหรับการอภิปรายวันนี้ (15มี.ค.) ตัวเอกคือนายมิ่งขวัญ ซึ่งทางศูนย์ได้จัดเรตติ้งของผู้อภิปรายเด่นๆ ในแต่ละวันให้ประชาชนรับทราบ โดยสำหรับวันนี้วันแรกในการอภิปรายยกให้นายมิ่งขวัญเป็นตัวเอก แต่อยู่ในประเภทพูดความจริงครึ่งเดียว ผู้ชมและผู้ฟังควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของการบริหารงานด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ยืนยันว่ารัฐบาลได้เดินมาถูกทาง ที่ได้ยกเลิกน้ำมันบี 5 และเหลือบี 2 ไว้สำหรับเป็นทางเลือกกับผู้ใช้ดีเซลในภาคขนส่งและการผลิต เนื่องจากน้ำมัน บี 5 หากต้องซื้อปาล์มมาผสมในราคาที่สูง จึงเป็นการไม่คุ้มทุน อีกทั้ง เป็นการประหยัดเงินในกองทุนน้ำมันและเหลือไว้ให้ประชาชนบริโภค

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภาพรวมโดยสรุปการอภิปราย ไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านยังขาดความพร้อม เช่น ญัตติที่เสนอต่อสภาจากเดิมที่แจ้งประธานสภาว่าเป็นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แต่กลับเป็นนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เปรียบเสมือนเป็นการแย่งซีน และแสดงให้เห็นไม่มีการประสานงานในพรรคฝ่ายค้าน จึงทำให้เกิดปัญหาต่อฝ่ายรัฐบาล ที่ทำให้ไม่สามารถประเมินได้ว่าการอภิปรายช่วงต่อไปจะเป็นใครและกระทรวงไหน ซึ่งเป็นเรื่องยากต่อรัฐบาลในการเตรียมตัว ดังนั้น อยากให้ฝ่ายค้านยกประเด็นเรื่องการสลายการชุมนุมมาอภิปรายต้นๆ เพราะมีความสำคัญ และคิดว่าหากอภิปรายเป็นวันสุดท้ายจะติดขัดเรื่องเวลา เพราะต้องใช้เวลาในการอภิปรายมากรวมถึงการประท้วง อีกทั้งต้องปิดการประชุมก่อนเที่ยงคืน

นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายของนายมิ่งขวัญในวันแรก ยังคงใช้รูปแบบเดิมเหมือนการอภิปรายงบประมาณกลางปีที่ผ่านมา คือใช้พาวเวอร์พอยต์ในการนำเสนอข้อมูล เพียงแต่เพิ่มความเข้มข้นในการใช้วาทะกรรม และเพิ่มบุคลิกให้ก้าวร้าวดุดัน ซึ่งขัดกับบุคลิกประจำตัว หรือเรียกแบบชาวบ้านได้ว่าดัดจริต ส่วนเนื้อหาที่นำเสนอก็เป็นการอภิปรายไม่ตรงกับผู้ที่รับผิดชอบ เช่น กรณีปัญหาน้ำมัน ไม่อภิปรายรมว.พลังงาน หรือกรณีภาษีบุหรี่ ก็ไม่ได้อภิปราย รมช.คลัง ที่ดูแลกรมศุลกากร ส่วนเรื่องการบริหารเงินกู้ก็ใช้ข้อมูลเก่าซึ่งถูกนายกฯตอกกลับไปแล้วเมื่อ การอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมา เป็นการจั่วหัวไม่สอดคล้องกับประเด็นการอภิปราย และไม่มีการเปิดหัวไปถึงกระทรวงที่จะอภิปราย อาทิ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงการต่างประเทศ

เพราะฉะนั้น ข้อมูลทั้งหมดยังไม่เห็นมีอะไรใหม่ เป็นการตัดแปะตามหนังสือพิมพ์ เปรียบเหมือนการอภิปรายผิดฝาผิดฝั่ง เป็นญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของ ส.ว. หรือเป็นการอภิปรายเพื่อตั้ง กมธ.เต็มสภามาศึกษาปัญหานั้นๆ จึงไม่แปลกที่มีการเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาเป็นผู้นำการอภิปราย เพื่อทำงานให้สอดคล้องกับติวเตอร์อย่างสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ดังนั้น อยากให้ไปหาคนมีฝีมืออภิปรายขนาด “10 ทักษิณ 100 มิ่งขวัญ 1000 เฉลิม ก็ไม่เท่า 1 อภิสิทธิ์”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net