Skip to main content
sharethis

17 มี.ค. 54 - ศาลยกคำร้องหลังดีเอสไอยื่นถอนประกันแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน พร้อมนำภาพข่าว-คลิป คำปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ระบุ “ณัฐวุฒิ” ชัดเจนมีลักษณะยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกลียดชัง-หมิ่นประมาท กระบวนการยุติธรรม ทั้งทหาร ตำรวจ และ ดีเอสไอ โดยศาลระบุ เป็นหน้าที่ของอัยการ ที่จะยื่นเรื่องต่อศาล ด้าน “ธาริต” ไม่เลิก เตรียมรวบรวมเอกสารให้อัยการต่อ ส่วน “ณัฐวุฒิ” ขอบคุณศาลยกคำร้องดีเอสไอขอถอนประกันตัว  จี้ “ธาริต” เลิกตื๊อยื่นถอนประกันตัว ลั่นร่วมเวทีม็อบแดงทุกครั้ง  ขณะที่ “แรมโบ้ อีสาน” รุดกราบเท้าแม่-แก้บน “ย่าโม” ที่ได้กลับมาต่อสู้คดี เผย แหยงขึ้นเวทีปราศรัย หวั่นถูกถอนประกัน ระบุรับไม่ได้ที่จะถูกตีตรวนในคุก ทางด้าน  ศอ.รส.ประกาศห้ามกลุ่มไม่เอาสถาบันเข้าใกล้รัฐสภา ฝ่าฝืนขู่ใช้กำลังป้องกัน
  
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมายื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) โดยมีหลักฐานเป็นภาพข่าวที่ปรากฏต่อสื่อมวลชน ตั้งแต่วันแรกที่ได้ประกันตัว รวมทั้งคลิปคำปราศรัยของแกนนำ นปช.บนเวทีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา
  
นายธาริต กล่าวภายหลังยื่นคำร้องว่า ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลอนุญาต 7 แกนนำ นปช.ประกันตัวไป ก็มีพฤติการณ์ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง ว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ในวันที่ 12 มี.ค. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนั้นแกนนำทั้ง 7 คนยังได้ขึ้นเวทีปราศรัย ร่วมกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จำเลยในคดีร่วมก่อการร้าย และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. เมื่อพิจารณาภาพรวมการกระทำของแกนนำ นปช. ก็พบว่า เป็นการกระทำและพฤติการณ์ที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันของศาล ที่ระบุถึงกรณีการให้ประกันตัว จะต้องไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และไม่ไปก่อเหตุร้ายประการอื่น
  
อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวต่อว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 7 คน ถือว่าเป็นการก่อเหตุร้ายประการอื่น คือ การไปจัดชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งคำพิพากษาของศาล และคำสั่งของศาลแพ่ง ได้วางบรรทัดฐานไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การชุมนุมที่ถูกกฎหมาย ต้องเป็นไปโดยสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ และไม่ไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่น แต่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ผิดกฎหมายเนื่องจากไปปิดกั้นเส้นทางการจราจร กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นพิจารณาเฉพาะการจัดชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ถือว่าฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายแล้ว เพราะเป็นการยั่วยุปลุกปั่นให้มีการชุมนุมโดยผิดกฎหมาย จึงเป็นความผิดสำเร็จและผิดเงื่อนไขของศาล เพราะศาลห้ามยุยงปลุกปั่น หรือยั่วยุ หรือการกระทำที่กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง
  
นายธาริต กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถ้อยคำปราศรัยของ แกนนำ นปช.ทั้ง 7 คนบนเวที กลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 12 มี.ค. โดยเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีลักษณะ ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้มีการเกลียดชัง กระบวนการยุติธรรม หมิ่นประมาทกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ ในที่สุดพนักงาน
สอบสวนของดีเอสไอ จึงพิจารณาจากพฤติการณ์ทั้งหมด และถอดเทปคำปราศรัยแล้ว เห็นว่าฝ่าฝืนกฎหมายและเงื่อนไขการให้ประกันของศาล จึงมาทำหน้าที่ยื่นถอนประกันตัว ส่วนศาลจะพิจารณาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
  
ต่อมาในช่วงบ่าย ศาลได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว โดยระบุว่าคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาล เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น หน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็สิ้นสุดลง เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการโจทก์ต่อไป พนักงานสอบสวนจะดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้โดยอัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบมิได้รู้เห็นด้วยมิได้ (นัยคำฎีกาที่ 9/2481) หากผู้ร้องเห็นว่า เป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขตามคำสั่งของศาล ก็ควรรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรง เพื่อพิจารณาว่ามีเหตุอันควรที่พนักงานอัยการโจทก์ จะยื่นคำร้องขอต่อศาลหรือไม่ ในชั้นนี้จึงเห็นควรให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ตาม นายธาริต ได้กล่าวหลังจากศาลยกคำร้องว่า จะได้ส่งพนักงานสอบสวนไปยื่นเอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านการประกันตัวแกนนำ นปช.ต่อพนักงานอัยการ ในวันที่ 17 มี.ค.ต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. แถลงว่า ขอขอบคุณศาลยุติธรรม ที่ทำตามกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ ตนขอเรียกร้องให้ นายธาริต ยุติความพยายามยื่นร้องขอต่อศาลให้ถอนการประกันตัวพวกตน เพราะเคยถอนการประกันตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. รวมถึงพวกตนมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ ตนเข้าใจเงื่อนไขของศาลเป็นอย่างดี คือ 1. ห้ามออกนอกประเทศ และ 2. ห้ามยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ซึ่งการชุมนุมของ นปช. ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและสันติ อีกทั้งมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาอำนวยความสะดวกในการชุมนุมทุกครั้ง ซึ่งในการชุมนุมในวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ในการชุมนุมของกลุ่ม นปช.
  
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ขอให้นายธาริตหยุดใช้กระบวนการยุติธรรมตอบสนองต่อรัฐบาล หรือเอาใจรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าการชุมนุมของ นปช. ในวันที่ 19 มี.ค. นี้ พวกตนก็จะไปปรากฏตัวและขึ้นเวทีปราศรัย แต่พวกตนเคารพในดุลพินิจของศาล และมั่นใจในสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่กรณีของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีข้อหาก่อการร้ายติดตัว ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเร่งรีบขอถอนประกันตัว และยังคงชุมนุมอยู่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลมานาน 45 วัน ดังนั้น ถ้านายธาริต เคารพในกระบวนการยุติธรรม ก็ควรหยุดดำเนินการในเรื่องนี้
  
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พร้อมด้วย นายวันชนะ เกิดดี พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัก แกนนำเสื้อแดงที่หลบหนีไปด้วยกัน เข้ากราบนมัสการ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดยมี นางสุ้น อัตถาวงศ์ อายุ 78 ปี มารดานายสุพร ญาติพี่น้อง และกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมารอรับ นายสุพร ได้เข้ากราบเท้า นางสุ้น ผู้เป็นแม่และโผเข้ากอดกันน้ำตาซึม โดยมีคนเสื้อแดงหลายคนเข้ามาสวมกอด นายสุพรพร้อมทั้งน้ำตา ก่อนที่ทั้งหมดจะร่วมกันทำพิธีไหว้ย่าโมเพื่อเป็นสิริมงคล
  
นายสุพร เปิดเผยว่า หลังจากหนีคดีกว่า 10 เดือน แม่ได้บนย่าโมไว้ ว่าถ้าได้กลับมาเมืองไทย ได้ประกันตัวสู้คดีจะกลับมาแก้บนเพลงโคราช 9 คณะพร้อมเครื่องไหว้ครบ เมื่อตนได้กลับมาจึงรีบมาแก้บนทันที ตนยืนยันว่า ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ทำความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองตามคำกล่าวหาอะไรทั้งสิ้น คนที่เผาจริง ๆ ไม่ใช่คนเสื้อแดง ที่ผ่านมา ตนได้หลบหนีไปอยู่ในป่ารอยต่อแนวชายแดนภาคอีสาน โดยมีนายทหารใจดีคนหนึ่งให้อยู่แถวรอยต่อระหว่างอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ จนบรรยากาศการเมืองจะเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงเข้ามอบตัวต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งตนยังมีข้อห้ามของ ดีเอสไอ หลายอย่างคือ ห้ามออกนอกประเทศ และห้ามหนักที่สุด คือห้ามขึ้นเวทีปราศรัย ห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แต่พบปะญาติพี่น้องไม่เป็นไร การรวมกลุ่มทำบุญกับพี่น้องไม่ได้ห้าม แต่ตนก็ยืนยันว่าการห้ามดังกล่าวผิดหลักทางกฎหมาย หรือขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่ ตอนนี้ตนลำบากใจมาก เนื่องจากวันที่ 5 เม.ย. ดีเอสไอ นัดตนอีก ถ้าในวันที่ 19 มี.ค. ตนขึ้นเวที อาจจะถูกถอนประกันจะเป็นอย่างไรไม่รู้ คงต้องมาดูอีกทีคือตนไม่อยากจะเข้าไปอยู่ในคุก ตนรับไม่ได้ ที่จะไปถูกตีตรวน 10 เดือน ที่ผ่านมาตนได้เขียนหนังสือ ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะเป็นแรมโบ้อีสาน เตรียมที่จะออกเร็ว ๆ นี้
  
ส่วนที่รัฐสภา นางดวงธรรม อุดมรักษ์ ตัวแทนกลุ่มหัวอกแม่ พร้อมสมาชิก 10 คนเดินทางมายื่นหนังสือถึง นายวรวิทย์ บารู กมธ.สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา และนางรสนา โตสิตระกูล ประธาน กมธ.เสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เพื่อขอให้ช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่ถูกกัมพูชาคุมขังอยู่ โดย นางดวงธรรม กล่าวว่า ในฐานะหัวอกแม่ที่เห็นลูก ๆ ป่วยไข้ก็รู้สึกทุกข์ทรมาน แม้ตนจะไม่ใช่แม่ของ นายวีระ แต่ก็เหมือนแม่ถ้าให้แม่ไปติดคุกแทนก็ได้ นายวีระ เป็นคนดี อยากให้หมอเข้าไปรักษาให้หายจากอาการป่วยและให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
  
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอ.รส.ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานว่า ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. จะมีผู้ชุมนุมจากหลายกลุ่ม 24 มิถุนาฯ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรี กลุ่มแดงสยาม และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อคัดค้านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ... ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศอ.รส. จึงได้สั่งการห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเด็ด ขาด ตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาสนามเสือป่าและพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากเป็นพื้นที่ตามประกาศของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้ได้รับรายงานว่า จะมีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งเราคงไม่ยินยอมให้บุคคลกลุ่มนี้เข้าไปในบริเวณรัฐสภาอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยืนยันว่า หากผู้ชุมนุมกระทำการฝ่าฝืนประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการใช้กำลังป้องกันพื้นที่และจับกุมตัวทันที
  
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.วิเชียร ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานเป็นรูปถ่ายผู้ชุมนุมที่ร่วมก่อเหตุเพิ่ม เติม ซึ่งต้องรอการรวบรวมหลักฐานและออกหมายเรียกต่อไป

อัยการตั้งคณะทำงานถอนประกันแดงแล้ว

พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย ภายหลังเข้าหารือกับ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุดกว่า 1 ช.ม. เรื่องดำเนินการขอถอนประกันตัว 7 แกนนำ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หลังจากทาง ดีเอสไอ นำหลักฐานต่างๆ มายื่น ว่า หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือให้ทางพนักงานอัยการแล้ว ซึ่งจากการหารือ ทางอัยการได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งชี้แจงว่า หากทางดีเอสไอ มีหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถส่งเข้ามาให้คณะทำงานพิจารณาเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 มี.ค. นี้ ที่ทางแกนนำทั้ง 7 ระบุว่า จะเดินทางไปเข้าร่วมอีกด้วย โดยทาง ดีเอสไอ ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากทางอัยการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว จะส่งหนังสือมาแจ้งให้ทาง ดีเอสไอ ทราบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เดลินิวส์, ไอเอ็นเอ็น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net