Skip to main content
sharethis

กรณีที่มีคนร้ายนำรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CIVIC แบบ 3 ประตู สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน บค 5309 ยะลา (ป้ายทะเบียนปลอม) คนร้ายประกอบวัตถุระเบิดใส่ไว้ในถังแก๊สปิคนิก น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม ซุกซ่อนไว้ด้านหลังของรถยนต์ จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ไปจอดบริเวณหน้าร้านขายยาเอี่ยงไท้ไล้ เลขที่ 543 เยื้องกับแขวงการทางยะลา ถ.สิโรรส ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2554 จากนั้นได้กดชนวนระเบิดขึ้น ขณะรถยนต์เจ้าหน้าที่ทหารพรานขับผ่าน จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด 4714 กรมทหารพรานที่ 47 ประจำฐานปฏิบัติการบ้านปะแต ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 นาย และยังมีเจ้าหน้าที่ทหารพราน และประชาชนได้รับบาดเจ็บ อีกจำนวน 23 ราย พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า เหตุคาร์บอมบ์ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต จำนวน 1 ราย บาดเจ็บอีก 6 นาย ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บนับสิบราย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD - ARMY) และกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เข้าร่วมระดมผล เพื่อหาข้อมูลและสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการแบ่งมอบหน้าที่ในการติดตามขยายผล จากข้อมูลที่ได้ในที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบว่า สะเก็ดระเบิด และรูปแบบของการก่อเหตุจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ประกอบระเบิดด้วยถังแก๊สปิคนิก เหมือนกับการก่อเหตุคาร์บอมบ์ หน้าร้านเฮนเบเกอรี่ ถนน ณ นคร เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 13 ก.พ 2554 และเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ หน้าร้านทองรุ่งอนันต์ ถนน ระนอง เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 21 ก.พ 2554 ซึ่งก็มีการเร่งรัดสืบสวนพยานต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลให้จังหวัด เพื่อเข้าไปเยียวยาผู้ที่เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ส่วนการสืบสวนขยายผล ชุดสืบสวนได้เข้าไปดูในข้อมูลเก่า ดูความเชื่อมโยงของคดี ดูถึงพฤติกรรมของคนร้าย รวมไปถึงกลุ่มของคนร้าย มีข้อมูลที่ตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มของผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุระเบิด เมื่อปี 52 และได้ประกันตัวไปในชั้นศาล และกำลังหลบหนีอยู่จำนวน 2 คน เข้ามาในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา ก็ยังเป็นชื่อเก่าที่กำลังหลบหนีอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กำลังติดตามดูว่า เป็น 2 คนนี้หรือไม่อย่างไร ซึ่งในครั้งนี้ก็มีผู้ที่นำรถยนต์มาจอด และมีผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์มารอรับ ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามหาพยาน มีการหาพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งต้องใช้ภาพจากกล้องของเทศบาลนครยะลา ที่ติดอยู่ทั้งหมดกว่า 300 จุด ต้องมีการไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทุกๆ จุด ต้องใช้เวลาพอสมควร ก็พบว่า รถยนต์คันที่เกิดเหตุคือรถยนต์ฮอนด้า รุ่น CIVIC แบบ 3 ประตู สีเทาดำ ได้วิ่งเข้ามาจอดตรงจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 05.30 น.และก็พบว่าผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะเป็นคนจุดชนวนระเบิด ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีน้ำเงิน มารับผู้ที่นำรถยนต์มาจอด ขับมุ่งหน้าไปทางชุมชนตลาดเก่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น แต่ก็ไม่พบคนร้ายแต่อย่างใด สำหรับเหตุคาร์บอมบ์ในครั้งนี้ กลุ่มที่ก่อเหตุมีรถยนต์ทั้งหมด จำนวน 5 คัน ประกอบด้วย 1. ใช้ก่อเหตุบริเวณหน้าร้านคาราโอเกะ กลางเมืองนราธิวาส เมื่อกลางดึกของวันที่ 19 ก.พ 2554 2. ใช้ก่อเหตุบริเวณแฟลต 5 ชั้น ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น แต่ก็ไม่พบคนร้ายแต่อย่างใด เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 7 มี.ค 2554 3. ใช้ก่อเหตุปล้นร้านทอง บริเวณถนนบุษยพันธ์ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค 2554 จำนวน 1 คัน 4. ใช่ก่อเหตุคาร์บอมบ์หน้าร้านขายยาเอี่ยงไท้ไล้ เลขที่ 543 ใกล้กับแขวงการทางยะลา ถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 เม.ย.จำนวน 1 คัน ซึ่งในขณะนี้ก็ยังคงมีรถยนต์กระบะ ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอีก จำนวน 1 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า รวมทั้งรถจักรยานยนต์ อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกขโมยไป ซึ่งตนเองก็ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไปแล้ว สำหรับมาตรการที่จะป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ก็ต้องยอมรับว่า ในพื้นที่ของเทศบาลนครยะลา พื้นที่ 19 ตารางกิโลเมตร ถือว่ากว้างพอสมควร มีเส้นทางเข้าออกในเขตเมือง 23 ช่องทาง ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง มีการทุ่มเทกำลังในการป้องกันเหตุร้ายอย่างเต็มที่ ให้ประชาชนได้สนุกสนานในช่วงเทศกาลได้อย่างสบายใจ ซึ่งก็สามารถป้องกันไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นได้ จนกระทั่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้น เมื่อเกิดเหตุร้ายอย่างนี้ขึ้นตนเองก็มีความจำเป็นต้องขยายจุดปลอดภัย หรือ จุด Safety zone ไปยังถนนสิโรรส เพิ่มเติมจากจุดเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนในจุดเดิมที่มีการจัดโซน เป็นโซน Safety zone ก็ไม่ได้เกิดเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น จึงอยากฝากให้เจ้าของกิจการในย่านการค้าดังกล่าว มีความอดทน อาจจะไม่คล่องตัวเหมือนปกติ เพราะหากมีความสะดวกสบาย ช่องทางการเข้ามาก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายก็จะเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่ได้ง่ายขึ้น ที่มา ASTV ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net