Skip to main content
sharethis

คดีเสื้อแดงเผาศาลากลางมุกดาหารสืบพยานโจทก์นัด 6 พนักงานสอบสวนขึ้นให้การเพียงปากเดียว บอกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพียงแต่ดูภาพและคลิป แล้วประเมินว่าจำเลยแต่ละคนน่าจะมีส่วนร่วมในการเผา

18 เมษายน 2554 ศาลจังหวัดมุกดาหารสืบพยานโจทก์คดีเผาศาลากลางมุกดาหารเป็นนัดที่ 6 โดยมีจำเลยซึ่งได้รับการประกันตัวออกมาแล้วทั้งหมด 29 คน และทนายจำเลยจากสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์และพรรคเพื่อไทยรวม 5 คน มาถึงศาลโดยพร้อมเพรียงกัน  ทั้งนี้ก่อนหน้าที่พยานโจทก์จะขึ้นเบิกความ  ทนายจำเลยได้แถลงคัดค้านพนักงานอัยการคนใหม่ที่เข้ามารับผิดชอบคดีแทนอัยการคนเก่า ซึ่งย้ายไปแล้วนั้น เนื่องจากพนักงานอัยการคนใหม่เป็นคณะกรรมการที่ร่วมสอบสวนจำเลยมาตั้งแต่ต้น  ศาลให้ทนายจำเลยทำคำแถลงเป็นทางการมา

จากนั้น พ.ต.ท.สนธศักดิ์ สร้อยผาบ จากสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหารขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนร่วมกับดีเอสไอ  พ.ต.ท.สนธศักดิ์ให้การว่าในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2553 จำวันที่ไม่ได้  ในตอนเช้าได้รับแจ้งเหตุจากวิทยุสื่อสารว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงเผายางรถยนต์อยู่ที่ถนนแก้วกินรี ข้างศาลากลางจังหวัด  พยานไม่ได้ออกมาดูเหตุการณ์ แต่ติดตามฟังข่าวอยู่ตลอด  ประมาณบ่ายโมง พยานซึ่งยังประจำอยู่ที่โรงพักได้เห็นควันไฟลอยขึ้นบนท้องฟ้าตรงบริเวณศาลากลาง  ต่อมา ประมาณ 16.30 น. พยานขับรถกลับบ้านได้ผ่านบริเวณสี่แยกเห็นศาลากลางหลังเก่าถูกไฟไหม้แล้ว แต่พยานไม่ได้เข้าไปดูเหตุการณ์ใกล้ชิด  หลังจากนั้น ทราบว่ามีการจับกุมคนร้ายได้ในที่เกิดเหตุ ประมาณ 15-16 คน

วันต่อมา พยานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานสอบสวนร่วมในคดีนี้ และได้สอบปากคำผู้ต้องหา 3-4 คน โดยแจ้งข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์  เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธ จากนั้น พยานได้รับมอบหมายให้สกรีนและดึงภาพของแต่ละคนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม จากภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ได้จากกล้องของนักข่าว ตำรวจ อส. และประชาสัมพันธ์จังหวัด 

พยานได้ให้การถึงพฤติการณ์ของจำเลยแต่ละคนทั้งที่ถูกจับในที่เกิดเหตุ และถูกออกหมายจับในเวลาต่อมา ซึ่งมีทั้งคนที่ไม่ปรากฏภาพอยู่ในศาลากลางเลย  คนที่ปีนรั้วเข้าศาลากลาง คนที่ยืนดูใกล้ๆ หรือเดินไปเดินมาในศาลากลางโดยไม่มีพฤติการณ์ร่วมเผา คนที่ช่วยเพื่อนกลิ้งยางไปกองไว้หน้าศาลากลาง หรือสามล้อรับจ้างขนยางเข้ามาในรั้วศาลากลาง ในขณะยังไม่เกิดเหตุไฟไหม้ คนที่เปิดน้ำและปล่อยลมยางรถดับเพลิง ทั้งก่อนเกิดและขณะไฟไหม้ คนที่จุดไฟใส่กองยางนอกศาลากลาง คนที่โยนยางยังไม่ติดไฟเข้าไปในศาลากลาง ขณะที่มีไฟลุกไหม้  คนถือขวด คนถือไม้จะไปกระทุ้งกระจกหน้าต่าง ตลอดจนคนที่มีลักษณะเป็นแกนนำเจรจากับรองผู้ว่าฯ แกนนำที่ไปในทุกที่ที่มีการลำเลียงยาง และแกนนำที่มีนกหวีดคอยสั่งการให้ลำเลียงยาง   ซึ่งภาพถ่ายประกอบที่นำส่งศาลในวันนี้ปรากฏอยู่ใน VCD ที่อัยการนำส่งต่อศาลในวันตรวจหลักฐานเพียงบางส่วนเท่านั้น

ต่อมา ทนายจำเลยได้ทำการซักค้าน  พยานยอมรับว่า คำให้การในวันนี้พยานได้ประมวลจากการดูภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และประเมินพฤติการณ์ของจำเลยเอง ว่าอยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์และน่าจะมีส่วนร่วมในการก่อเหตุ โดยพยานไม่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ และไม่ได้สอบถามประจักษ์พยาน อีกทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ระบุวันเวลาที่ถ่าย  พยานเองทราบว่าในตอนเช้าที่มีการเผายางที่ถนนไม่มีทรัพย์สินเสียหาย เป็นการเผาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ไม่ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน   และทราบจากคำให้การของจำเลยและพยานบางคนว่า ในวันเกิดเหตุมีทั้งการกลิ้งยางเข้าและออกจากหน้าศาลากลาง มีทั้งกลุ่มคนที่พยายามห้ามปรามไม่ให้เกิดการเผายาง  แต่ตามภาพที่นำส่งศาล  จำเลยกำลังกลิ้งยางเข้าหรือออก จำเลยกำลังห้ามปรามหรือไม่  จำเลยจะช่วยเผาหรือช่วยดับ ขวดที่จำเลยถือจะเป็นขวดน้ำหรือน้ำมัน  พยานไม่ทราบ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net