30 เม.ย. 54 - ตามการรายงานข่าวของสำนักข่าว บีบีซี นิวส์ (BBC News) เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงกรณีการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการใช้แรงงานหรือบริการ ซึ่งปรากฏกระบวนการนำพาแรงงานเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและหลอกลวงแรงงานจาก ประเทศพม่าหลายพันคนมาทำงานในอุตสาหกรรมประมงประเทศไทย
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาได้จัดทำจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ รัฐขจัดการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงานในอุตสาหกรรมประมงทะเล ไทย ให้รัฐดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในอุตสาหกรรม ประมงทะเลไทย ทั้งกรณีการคุ้มครองสิทธิขึ้นพื้นฐานและสิทธิด้านแรงงาน, การจัดระบบแรงงานประมงทะเล, การจัดระบบเรือประมง รวมถึงตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่าง จริงจัง
ที่ มสพ. 29/04/2554 เรื่อง เรียกร้องให้รัฐขจัดการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงานในอุตสาหกรรมประมงทะเลไทย คณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งผู้ให้ข้อมูลตามรายงานข่าวดังกล่าวเป็นลูกเรือประมงคนหนึ่งที่กระโดดเรือแล้วว่ายน้ำหนีรอดออกมาได้ การทำงานบนเรือประมงและกิจการต่อเนื่องจากประมงนั้น ซึ่งมีความต้องการแรงงานเข้าสู่อุตสาหกรรมประมงซึ่งเป็นอุสาหกรรมที่ทำราย ได้ติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายกลุ่มแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ระบบ เศรษฐกิจดังกล่าวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สภาพความเป็นจริงปรากฏขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาแทรกแซงกลไกดังกล่าวจนกระทั่ง สะท้อนออกมาเป็นภาพรวมว่า ยิ่งอุตสาหกรรมประมงรุ่งเรืองมากขึ้นเท่าใด การค้ามนุษย์โดยบังคับใช้แรงงานประมงยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเพียงนั้น ทั้งนี้ การรายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซี นอกจากจะสะท้อนถึงปัญหาสภาพการจ้างงานในอุตสาหกรรมประมงไทยแล้ว ยังเรียกร้องให้นานาประเทศตระหนักว่าสินค้าจากอุตสาหกรรมประมงซึ่งส่งออกมา จากประเทศไทยนั้น อาจเป็นสินค้าที่ได้มาจากการเอารัดเอาเปรียบ บังคับใช้แรงงานและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(มสพ.) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน เห็นว่าข้อมูลที่เผยแพร่ในรายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซี นั้น น่าเชื่อถือได้ และสอดคล้องกับปัญหาและข้อเท็จจริงที่ทางมูลนิธิตรวจสอบอยู่ การค้ามนุษย์ในกิจการประมงทะเลนอกจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย ทั้งในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงแล้ว หากปล่อยไว้โดยไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยได้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงทะเลดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังต่อไปนี้ ๑. อกกฎหมายคุ้มครองแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการประมงอย่างน้อยให้เท่ากับมาตรฐาน คุ้มครองแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งในด้านค่าจ้าง สิทธิในบริการสาธารณสุข สิทธิในความปลอดภัยจากการทำงาน และการประกันสังคม เป็นต้น และบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ๒. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน และบริการในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างจริงจัง โดยสมาคมของผู้ประกอบการกิจเกี่ยวกับการประมงทะเล จะต้องให้ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ในอุตสาหกรรมการประมงที่ยั่งยืน โดยต้องยึดถือปฏิบัติโดยเคารพสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุก คน ไม่ว่าจะมาจากเผ่าพันธุ์ หรือประเทศใดอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ๓. จัดระบบแรงงานในอุตสาหกรรมประมง ปรับปรุงระบบการจัดเก็บฐานข้องมูลของแรงงานประมงทะเล และเอกสารประจำตัวลูกเรือ หรือseaman book ให้สามารถตรวจสอบได้ทั่วประเทศและป้องกันการสวมทะเบียน ทั้งนี้ การปราบปรามการค้ามนุษย์ต้องมุ่งเน้นกระบวนการนำพาของนายหน้าและการลงโทษ สถานประกอบกิจการประมงทะเลผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงต่อกระบวนการค้ามนุษย์ ๔. จัดระบบตรวจสอบเรือประมง การจดทะเบียนเรือของกรมเจ้าท่าต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน ระบุตัวเรือได้จริง เป็นฐานข้อมูลที่ตรวจสอบได้ทั้งประเทศ เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบ ปรามการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในอุตสาหกรรมประมงทะเล อาทิเช่น การตรวจสอบเอกสารของคนประจำเรือ, การตรวจสอบใบอนุญาตทำประมง(อาชญาบัตร), ใบอนุญาตใช้เครื่องมือทำการประมง และใบอนุญาตเช่าพื้นที่, การตรวจสอบสภาพการทำงานและคุ้มครองสิทธิแรงงาน เป็นต้น ๕. ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีการค้ามนุษย์ด้านแรงงานประมงอย่างจริงจัง ๖. รัฐบาลไทยต้องให้ความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ, ผู้รายงานพิเศษด้านต่อต้านการค้ามนุษย์ และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ในการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ขอแสดงความนับถือ
|