Skip to main content
sharethis

ภรรยาสาววัย 24 ปีของ \บิน ลาดิน\" -- \"อมาล อะเหม็ด อัล-ซาดะห์\" ที่ทำเนียบขาวสันนิษฐานว่า ถูกกระสุนขณะกระโดดเข้าใส่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษฯที่บุกจู่โจมเข้ามาในห้องนอน เมื่อหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกาบุกจู่โจมเข้าจับตายโอซามา บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มอัล เคด้า ที่เซฟเฮ้าส์ในเมืองอับบอทตาบัดนั้น มีภรรยา 3 คนและลูกๆ อีกนับสิบของเขาอยู่ในเซฟเฮ้าส์แห่งนี้ด้วย และหนึ่งในภรรยาของบิน ลาดิน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ขา ทั้งนี้ทำเนียบขาวได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยให้ข้อสันนิษฐานว่า อมาล อะเหม็ด อัล-ซาดะห์ (Amal Ahmed al-Sadah) ภรรยาสาววัย 24 ปีของบิน ลาดิน ถูกกระสุนขณะกระโดดเข้าใส่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษฯที่บุกจู่โจมเข้ามาในห้องนอน ข่าวที่ถูกเผยแพร่อต่อมาจากปากคำของเจ้าหน้าที่ทางการปากีสถาน คือ อมาล และลูกสาว-ซาฟียะห์ อยู่ในห้องนอนกับบิน ลาดินขณะที่เขาถูกสังหาร ขณะที่ร่างไร้ลมหายใจของสามีถูกนำไปฝังบริเวณชายฝั่งทะเลอาระเบีย อมาลและภรรยาอีก 2 คนของบิน ลาดิน คือ Khairiah Sabar และ Siham Sabar ถูกเจ้าหน้าที่ทางการปากีสถานนำตัวไปควบคุมไว้ โดยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯเข้าใกล้ตัวพวกเธอได้ โดยอ้างถึงข้อห้ามของศาลนาอิสลาม อมาลถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทหารในเมือง Rawalpindi ภายใต้การควบคุมตัวอย่างเข้มงวดของทางการปากีสถาน ขณะที่สหรัฐฯกำลังพยายามอย่างยิ่งในการเรียกร้องที่จะสอบสวนเธอ เชื่อกันว่าเส้นทางที่เธอลักลอบหนีจากเยเมนเพื่อกลับมาหาบิน ลาดิน ที่หลบซ่อนอยู่ที่ปากีสถานนั้นเป็นข้อมูลสำคัญยิ่งที่สหรัฐต้องการในการตามรอกลุ่มอัล เคด้า ในอนาคต ในบทความเรื่อง The Real Housewife of Abbottabad: What bin Laden's Spouse Knows ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารไทม์วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้เขียน คือ Tim McGirk อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า “ดูเหมือนว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญในหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯได้ใช้เวลาหลายปีพยายามที่จะถอดรหัสชื่อและสถานที่ต่างๆจากการส่งสาส์นที่ยากจะเข้าใจของบิน ลาดิน แต่ด้วยอานิสงส์ของการเข้าใจถึงปัญหาหลังจากที่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว การตามเฝ้าภรรยาสาวสวยของเขาอาจทำให้เข้าถึงตัวบิน ลาดิน ได้เร็วกว่านี้” บทความชิ้นนี้อ้างถึงบทสัมภาษณ์ของภรรยาบิน ลาดิน ที่ใช้นามแฝงว่า “AS” ซึ่งถูกตีความว่ามาจาก al-Sadah ซึ่งเป็นชื่อเต็มของอมาล โดย “AS” เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 เธอหนีออกจากอัฟกานิสถานไปเยเมนโดยได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทางการปากีสถาน “เมื่อสหรัฐฯเริ่มทิ้งระเบิดที่อัฟกานิสถาน พวกเราต้องย้ายไปอยู่ในเขตภูเขากับพวกเด็กๆและอาศัยอยู่ในถ้ำหลายแห่งเป็นเวลาสองเดือนจนกระทั่งบุตรชายคนหนึ่งของเขา [บิน ลาดิน] มาพร้อมกับกลุ่มผู้ชายที่เป็นชนเผ่า มาพาพวกเราออกไปกับพวกเขา ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเรากำลังเดินทางไปปากีสถานจนกระทั่งพวกเขาส่งต่อพวกเราให้กับรัฐบาลปากีสถาน” ข้อมูลบางส่วนของคำให้สัมภาษณ์นั้นได้รับการยืนยันโดยสตรีชาวอาหรับผู้หนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนิตยสารไทม์ สตรีผู้นี้รู้จักบิน ลาดิน เป็นการส่วนตัวขณะที่อยู่ในอัฟกานิสถาน และเธออยู่ในครอบครัวที่เป็นส่วนหนึ่งของวงในกลุ่มอัล-เคด้า หลังเหตุการณ์ 9/11 กลุ่มผู้นำอัล เคด้า ตัดสินใจที่จะอพยพครอบครัวของพวกเขา “ทุกครอบครัวต้องย้ายออกจากอัฟกานิสถานอย่างรวดเร็ว” สตรีอาหรับผู้นี้เปิดเผย “พวกเขาไม่ต้องการให้เมียและลูกๆถูกจับ” อย่างไรก็ตาม อดีตคนสนิทของบิน ลาดิน ในเยเมนคนหนึ่งยืนยันว่าอมาลไม่เคยกลับถึงบ้านเลย หลังถูกส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ทางการปากีสถานในครั้งนั้น อมาลและซาฟียะห์ได้รับการปล่อยตัวและได้รับอนุญาตให้บินกลับบ้านในเมืองอิบบ์ (Ibb) ไม่ไกลจากกรุงซาน่า (Sana'a) เมืองหลวงของเยเมนนัก บิดาของอมาลเป็นข้าราชการระดับล่างที่เมืองนี้ อย่างไรก็ตาม บิน ลาดิน ได้จัดการให้อมาล ได้กลับมาอยู่ร่วมกับเขาและลูกๆของเขาที่ปากีสถาน ในการให้สัมภาษณ์นิตยสารครั้งนั้น เธอถูกถามว่าเธอจะกลับไปหาสามีที่กำลังหลบหนีอยู่หรือไม่ คำตอบที่เป็นปริศนาของเธอ คือ “ขอดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น” สื่อมวลชนปากีสถานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทางการว่า อมาลอ้างว่าเธอได้อาศัยอยู่กับบิน ลาดิน ที่เซฟเฮ้าส์ที่เมืองอับบอทตาบัด เป็นเวลาห้าปี อมาล อะเหม็ด อัล-ซาดะห์: เจ้าสาวคนสุดท้ายของ บิน ลาดิน ภาพถ่ายของ อมาล ที่ถูกนำมาเปิดเผยโดยเจ้าหน้าทางการปากีสถานนั้น เป็นภาพของหญิงสาวที่ดูซีดเซียว ริมฝีปากกว้าง ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของเธอถูกล้อมกรอบด้วยผ้าคลุมตามจารีตของอิสลาม อมาล อายุเพียง 17 ปีตอนที่ถูกส่งตัวมาแต่งงานกับบิน ลาดินที่มีอายุมากกว่าเกือบ 30 ปี และขณะนั้นเขาเป็นบุคคลในแฟ้มผู้ก่อการร้ายที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของสหรัฐฯแล้วจากบทบาทของเขาในเหตุการณ์วางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯในเคนยาและแทนซาเนียเมื่อปี พ.ศ.2541 แต่ครอบครัวของอมาลรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ลูกสาวได้แต่งงานกับเขา มีรายงานว่าหัวหน้ากลุ่มอัล เคด้าจ่ายเงินจำนวน 5

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net