เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 54 ที่ผ่านมาศูนย์ประสานงานเครือข่ายประชาชน ออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้านโครงการข่ายไฟฟ้าอุดรธานี-น้ำพอง ร่วมแสดงจุดยืนให้ปล่อยตัวชาวบ้านและนักศึกษา 15 คน โดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ศูนย์ประสานงานเครือข่ายประชาชน
ร่วมคัดค้านโครงการข่ายไฟฟ้าอุดรธานี-น้ำพอง
ร่วมแสดงจุดยืนให้ปล่อยตัวชาวบ้านและนักศึกษา 15 คน โดยไม่มีเงื่อนไข!!!
วันที่ 27 พฤษภาคม 2554
สืบเนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้นำเจ้าหน้าที่ กฟผ. ตำรวจและฝ่ายปกครอง จังหวัดอุดรธานี เข้าสลายการชุมนุมชาวบ้านในนามคณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสาย ส่งไฟฟ้าแรงสูง(คชส.)จ.อุดรธานี จับกุมชาวบ้านและนักศึกษาที่คัดค้านโครงการข่ายไฟฟ้าน้ำพอง-อุดรธานี จำนวน 15 คน ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2554
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายประชาชน (ศปช.) ซึ่งประกอบไปด้วยเครือข่ายแรงงาน เกษตรกร นิสิตนักศึกษาเยาวชน ขอแสดงจุดยืนในการคัดค้านโครงการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าฯ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้
ประการแรก การดำเนินโครงการละเมิดสิทธิประชาชนอย่างร้ายแรง
จากการดำเนินโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เกิดความขัดแย้งและการละเมิดสิทธิประชาชนจากโครงการก่อสร้างแนวสายส่ง ไฟฟ้าในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดน่าน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่ 5 พฤษภาคม และวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 เจ้าหน้าที่ กฟผ. ได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเข้ารื้อถอนทำลายทรัพย์สินชาว บ้านโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดิน พฤติกรรมดังกล่าวแสดงถึงเจตนาในการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าและความรุนแรง และเป็นการทำลายทรัพย์สินของประชาชน
ประการที่สอง เร่งรัดดำเนินการโครงการโดยไม่รอการพิจารณาของศาล
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จ.อุดรธานี ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัดขอนแก่นเมื่อ พ.ศ.2551 และยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าการดำเนินโครงการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการโครงการฯ เพื่อบีบให้ประชาชนยินยอมหรือมัดมือชกประชาชน หากผลการพิจารณาของศาลระบุว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ศูนย์ ประสานงานเครือข่ายประชาชน จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของ หน่วยงานรัฐและ กฟผ. และร่วมลงชื่อให้กำลังใจต่อผู้บริสุทธิ์ทั้ง 15 คน โดยมีจุดยืนร่วมกันดังนี้
1. ปล่อยตัวชาวบ้านและนักศึกษา 15 คน โดยไม่มีเงื่อนไข !!!
2. ยุติการดำเนินการโครงการไว้ก่อน เนื่องจากโครงการได้ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความรุนแรง การละเมิดสิทธิประชาชน และการทำลายทรัพย์สินของประชาชน
3. เจ้าหน้าที่ กฟผ. ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยุติการกระทำการใดๆ อันจะก่อให้เกิดลักษณะเผชิญหน้า ข่มขู่ ยั่วยุ ต่อชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จ.อุดรธานี
ด้วยจิตคารวะ
color:#2A2A2A">องค์กรร่วมลงชื่อองค์กร
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมลงชื่อได้ที่ http://www.facebook.com/event.php?eid=176358792417359
ใน วันเดียวกัน (27 พ.ค.54) เครือข่ายนักศึกษากลุ่มต่างๆ ได้ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ต่อกรณีการจับกุมกลุ่มชาวบ้านและนักศึกษา โดยระบุให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของ กฟผ.และหน่วยงานภาครัฐ ดำเนินการทั้งทางตรง ทางอ้อมหรือในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อประท้วงในการกระทำดังกล่าว
แถลงการณ์ต่อกรณี
color:#2A2A2A">การทำร้ายร่างกายและจับกุมตัวพี่น้องชาวบ้านและกลุ่มนักศึกษา ที่ทำการประท้วงการก่อสร้าง
ระบบ โครงการข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ น้ำพอง ๒-อุดรธานี ๓ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พาดผ่านบ้านเรือนและที่ดินทำกินของประชาชน
สถานการณ์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 5 และวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้าไปรื้อถอน ทำลายทรัพย์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดิน
วันที่ 25 พฤษภาคม 2554 นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจด้านที่ดินและป่า แถลงข่าวกรณีการกระทำดังกล่าวว่า ถือเป็นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ และมีข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหาดังนี้
1. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยุติการดำเนินการใดๆ อันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ร้องหรือทรัพย์สินของผู้ร้อง จนกว่าคดีในศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญจะถึงที่สุด รวมทั้งยุติการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองกระทำการใดๆ ในลักษณะเผชิญหน้า ยั่วยุกับกลุ่มผู้ร้อง เพื่อลดความขัดแย้งและความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้
2. ขอให้ศาลปกครอง ควรพิจารณามาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้กับประชาชนผู้เดือดร้อน
3. กฎหมายดังกล่าวนอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มประชาชนในพื้นที่ จังหวัดอุดรธานีแล้ว ยังมีประชาชนในอีกหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตในลักษณะดังกล่าว หากศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญไม่เร่งพิจารณาคดีความให้เป็นที่ยุติ การดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในลักษณะดังกล่าวจะกลายเป็น การขยายความขัดแย้งจากโครงการก่อสร้างแนวสายส่งไฟฟ้าให้ลุกลามไปในอีกหลาย พื้นที่ เช่น จังหวัดน่าน จังหวัดอยุธยา เป็นต้น
สถานการณ์ล่าสุด
วัน ที่ 27 พฤษภาคม 54 ปรากฏว่าทาง กฟผ. ไม่ได้ปฏิบัติตามและละเลยต่อข้อเสนอ จากแถลงการณ์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ด้านที่ดินและป่านำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมแล้วกว่า 100 นาย เข้าพื้นที่เพื่อเดินหน้าก่อสร้างระบบโครงการข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ ต่อไป
ใน ขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและกลุ่มนักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการ ได้ทำการประท้วง โดยการนั่งในพื้นที่ที่ดินทำกินของตนเองเพื่อยืนยันสิทธิของตนเอง จนเป็นเหตุให้เกิดการเผชิญหน้ากัน นำไปสู่การนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม จนได้รับบาดเจ็บ และนำตัวผู้ชุมนุมไปกักขังที่สถานีตำรวจ
การ ดำเนินการดังกล่าวของ กฟผ. เป็นการไม่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และละเมิดสิทธิด้านข้อมูลข่าวสารและสิทธิชุมชน นอกจากนั้นยังพบว่ามีการเปลี่ยนแนวสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ให้พ้นที่ดินและบ้านเรือนตามอำเภอใจ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติและสร้างความไม่เป็นธรรมแก่กลุ่มประชาชนที่เดือด ร้อน รวมทั้งไม่รอการพิจารณาของศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางพี่น้องชาวบ้าน ได้ทำการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2551
ทั้งหมดนี้ แสดงถึงการใช้อำนาจ จากภาครัฐที่ไม่เป็นธรรม อย่างต่อเนื่อง
เราขอเรียกร้อง
เพื่อสิทธิของผู้ถูกกดขี่
27 พฤษภาคม 2554
องค์กรร่วมลงชื่อ
1. ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ
2. ครอบครัวนักกิจกรรมภาคใต้
3. คนรุ่นใหม่ภาคอีสาน
4. คนรุ่นใหม่ภาคกลาง
5. กลุ่ม FAN
6. เครือข่ายนักศึกษาเพื่อสังคม (ภาคใต้)
7. เครือข่ายนักศึกษาเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบเหมืองแร่แห่งประเทศไทย
8. กลุ่มแสงดาว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
9. กลุ่มนกกระจอก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
10. ชมรมนักศึกษาเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัย ขอนแก่น
11. กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
12. กลุ่มระบายฝัน
13. กลุ่มลูกชาวบ้าน (ม.บูรพา)
14. กลุ่มสะพานสูง (ม.ธรรมศาสตร์)
15. ซุ้มลาดยาว (ม.รามคำแหง)
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)