Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อกรุงเทพมหานครออกนโยบายในการกวาดล้างเด็กขอทานอย่างเข้มข้นจากหน่วยงานภาครัฐหลายๆ หน่วยงาน ทำให้ปัญหาเด็กขอทานกระจายออกสู่พื้นที่ต่างจังหวัดในที่สุด โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่มีเมืองเศรษฐกิจอย่างจังหวัดชลบุรีและระยอง ย่อมกลายเป็น “แหล่งเงิน” สำคัญของขบวนการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการนำเด็กมาขายดอกไม้ , หลอดเรืองแสงหรือขอทาน..... เมืองพัทยาดูจะเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำนักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นริมหาดพัทยาหรือหาดจอมเทียน เพื่อชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติหรือจะเดินเลือกซื้อสินค้าต่างตามตลาดนัดก็ดูจะไม่เลวนัก เพราะมีตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกอย่างตลาดเคหะเทพประสิทธิ์หรือหากนั่งรถเข้าตัวเมืองชลบุรีก็จะมีตลาดนัดนินจา , ตลาดวัดศรีประชาราม ฯลฯ เช่นเดียวกับช่วงเวลากลางคืนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีที่สำคัญอย่างถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) , แหลมบาลีไฮ ฯลฯ ไม่นับรวมถึงร้านอาหารริมทางต่างๆ อีกมากมายที่เปิดให้บริการจนเกือบสว่างในแต่ละวัน ที่นี่จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาพักผ่อน สถานที่ต่างๆ เหล่านี้ เปรียบเสมือน “ขุมทรัพย์” ของกลุ่มขอทานชาวกัมพูชาที่จะเข้ามากอบโกยเงินจากการนำเด็กมาขอทานซึ่งมีมูลค่าสูงมากในแต่ละวัน “ในถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) และพื้นที่ใกล้เคียง มีนายหน้าที่เรียกเก็บเงินกับกลุ่มขอทานที่มาจากประเทศกัมพูชา....” นี่คือข้อความที่โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ได้รับจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหนึ่งซึ่งทำงานในพื้นที่ ลักษณะการจ่ายเงินเพื่อขอทานในพื้นที่ดังกล่าวนั้น นายหน้าจะอ้างว่าเป็น “ค่าคุ้มครอง” โดยจะแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ เดือนละ 2 ครั้ง ในแต่ละครั้งจะต้องจ่ายประมาณ 1,500 บาท ซึ่งหากใครขัดขืนไม่ยอมจ่าย สุดท้ายก็จะถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกายในท้ายที่สุด นอกจากนี้นายหน้าคนดังกล่าวยังมีการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวกัมพูชาในอัตราร้อยละ 20 ต่อเดือนอีกด้วย โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ยังได้รับข้อมูลที่น่าตกใจอีกว่า “นอกจากนายหน้าที่เรียกเก็บเงินจากกลุ่มขอทานแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐก็เข้ามามีส่วนในการเรียกรับผลประโยชน์ไม่น้อย” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวกับเราต่อ พวกนี้จะเรียกรับเงินจากคนที่พาเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กขอทานหรือขายสินค้าต่างๆ ก็จะต้องจ่ายรายเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยหากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ก็ต้องเสียเงินประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้าอายุเกิน 15 ปีแล้ว ก็จะต้องเสียเงินประมาณ 5,000 บาท นอกจากนี้นายหน้าบางคนยังใช้วิธีการหาเด็กมาเพื่อปล่อยเช่า โดยจะนำเด็กพร้อมครอบครัวมาจากประเทศกัมพูชา จากนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุม ซึ่งนายหน้าจะเก็บเด็กไว้เพื่อไม่ให้ถูกจับไปด้วย และนำเด็กมาปล่อยเช่า ซึ่งการคิดราคานั้นก็จะดูตามอายุ เช่น หากเด็กอายุ 7 ปี ก็จะมีค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท แต่ถ้าอายุ 10 ปี ก็จะคิดค่าเช่า 10,000 บาท เป็นต้น “ในพัทยามีเด็กถูกนำมาแสวงหาผลประโยชน์ในหลายรูปแบบมาก และเด็กเหล่านั้นก็จะวนเวียนไปขอทานหรือขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองพัทยา” เจ้าหน้าที่กล่าวต่อถึงรูปแบบการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่พัทยา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กจากประเทศกัมพูชา โดยเด็กเหล่านี้จะถูกพามาขายความ “น่าสงสาร” เพื่อหารายได้จากนักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ อาทิ เช่น การขายนก เพื่อสะเดาะเคราะห์ ตามหาดจอมเทียน การขายดอกไม้ , หลอดเรืองแสงหรือสิ่งของเล็กน้อยๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน หรือการขอทานตามตลาดนัดในเมืองพัทยาหรือชลบุรี ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดนัดนินจา , ตลาดนัดวัดศรีประชาราม , ตลาดนัดเคหะเทพประสิทธิ์ เป็นต้น รวมถึงหน้าห้างเมเจอร์ฯ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) รวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงที่มีร้านอาหารเป็นจำนวนมากไล่ตั้งแต่พัทยาเหนือจนถึงใต้ ซึ่งเด็กขอทานจะวนเวียนไปขอทานตามจุดต่างๆ เหล่านี้ สลับกันไปเรื่อย โดยหากเป็นช่วงหัวค่ำก็จะไปขอทานที่พัทยาเหนือ เมื่อถึงช่วงประมาณ 4 ทุ่มก็จะเปลี่ยนไปขอทานที่พัทยากลางและเมื่อถึงช่วงตี 2 เป็นต้นไปก็จะทยอยเข้าไปขอทานในพื้นที่ถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) เป็นจุดสุดท้าย “เด็กบางคนก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลักทรัพย์จากนักท่องเที่ยวด้วย” เจ้าหน้าที่คนเดิมยังเล่าถึงข้อมูลอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กกลุ่มนี้มักจะออก “ปฏิบัติการ” หลังเวลาตี 3 ไปแล้ว โดยจะให้เด็กทำทีเป็นสวมกอดนักท่องเที่ยวเพื่อขอเงิน เด็กก็จะอาศัยจังหวะนั้นในการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไป ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มเด็กเหล่านี้ ข้อมูลนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายของขบวนการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ที่งัดเอาความน่าสงสารของเด็กมาล้อกับการกระทำผิดกฎหมาย และย่อมส่งผลให้เด็กกลายสภาพเป็นนักอาชญากรรมมืออาชีพต่อไปในอนาคต......... เมื่อถามถึงมาตรการณ์ในการกวาดล้างขอทานในพื้นที่พัทยาแล้ว ทำให้ทราบถึงความยากลำบาก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น ทำให้การลงปฏิบัติการในแต่ละครั้ง มักเกิดการ “ข่าวรั่ว” จนไม่สามารถช่วยเหลือเด็กขอทานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือหากช่วยเหลือได้ก็มักจะเป็นในลักษณะการออกสื่อเพื่อ “เอาหน้า” เสียมากกว่า เนื่องจากมิได้มีการขยายผลไปจับกุมนายหน้าที่พาเด็กมาขอทานหรือเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น และช่วงใดที่มีการปราบปรามอย่างหนักเด็กขอทานก็จะถูกส่งไปที่จังหวัดภูเก็ตแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับนั่นเอง แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองพัทยาที่เปรียบได้กับแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เมืองที่ถูกฉาบสีไว้อย่างสวยสดงดงามด้วยแสงไฟสว่างในยามค่ำคืน แท้จริงแล้วยังมีด้านที่มืดมิดที่เป็นปลายทางสำคัญของการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ จากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหาเด็กขอทานในพื้นที่พัทยาได้ เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวยังคงให้เงินกับเด็กขอทาน ซึ่งเสมือนการส่งเสริมให้ขบวนการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานยังคงดำรงอยู่ได้ในสังคมไทย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนยังมักง่ายและหมางเมินในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ในอนาคตคงมีเด็กอีกเป็นจำนวนมากที่นายหน้าค้ามนุษย์รอการส่งตัวเข้าสู่วงจรอุบาทของขอทานหรือการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเชื่อได้ว่าในอนาคตเมืองพัทยาอาจมิได้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ท้องถนนจะเต็มไปด้วยเด็กขอทาน จนถูกขนานนามว่า “เมืองพัทยา......เมืองแห่งเด็กขอทาน” ในที่สุด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กขอทานเหล่านี้ได้ โดยหากพบเห็นเด็กขอทานให้งดการบริจาคเงินและเปลี่ยนเป็นการแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลือออกจากข้างถนน โดยสามารถแจ้งได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา โทร. 02-941-4194 , info@notforsale.in.th หรือ ศูนย์ประชาบดี โทร .1300 ขั้นตอนการช่วยเหลือเด็กขอทานหลังจากที่ได้รับแจ้งเบาะแสแล้วโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงาก็จะส่งเจ้าหน้าที่ทำการลงพื้นที่เก็บข้อมูลและสืบข้อเท็จจริงว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์หรือไม่ หากคาดว่าใช่ก็จะมีการติดตามไปจนถึงแหล่งที่พักพิงและประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการจับกุมไปจนถึงต้นตอของขบวนการค้ามนุษย์ แต่หากคาดว่าเป็นการมาขอทานโดยความสมัครใจก็จะส่งข้อมูลไปยังศูนย์ประชาบดีเพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลือและคุ้มครองในสถานแรกรับฯ ต่อไป มาร่วมกัน “หยุดสร้างบุญบนธุรกิจบาป” เด็กจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือต้องอยู่ข้างถนน คุณเป็นผู้กำหนด !!!!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net