สืบพยานโจทก์คดีเผาศาลากลางมุกฯนัดสุดท้าย

พนักงานสอบสวน 3 คน ขึ้นเบิกความไม่เห็นเหตุการณ์ และไม่มีพยานคนไหนเห็นว่าใครเป็นผู้จุดไฟเผาศาลากลาง นัดต่อไปสืบพยานจำเลย ร่นเวลาจาก 12 นัด เหลือ 4 นัด61ปาก สืบมาราธอนถึงสองทุ่มครึ่งทุกวันติดต่อกัน หลังจากอัยการขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ในคดีเผาศาลากลางมุกดาหาร 6 คนสุดท้าย มาแล้ว 3 ครั้ง ด้วยเหตุผลว่า พยานปากหนึ่ง ซึ่งเป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุมีการย้ายที่อยู่ พนักงานสอบสวนยังตามตัวไม่พบ อีกทั้งพยานที่เหลือจะต้องสืบประกอบเอกสาร แต่เอกสารถูกส่งไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้รับคืนมา ประกอบกับอัยการสูงสุดยังไม่มีความเห็นชี้ขาดในเรื่องการสั่งฟ้อง ซึ่งดีเอสไอมีความเห็นแย้งกับอัยการ http://www.prachatai.com/journal/2011/05/34484 ในที่สุด ในวันที่ 30-31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อัยการก็ได้สืบพยานโจทก์ที่เหลือ ถึงแม้จะยังไม่มีเอกสารและความเห็นมาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการสืบพยานจำเลยตามวันที่ศาลได้มีการนัดหมายไว้แล้ว โดยใช้เอกสารประกอบการสืบเท่าที่มีอยู่ และตัดพยานที่ยังตามตัวไม่ได้ออกจากบัญชีพยาน ส่วนพยานที่เป็นผู้ทำหน้าที่ด้านการข่าวของทหาร พยานได้ให้ปากคำไว้ในชั้นสอบสวนแล้ว โดยโจทก์และทนายจำเลยไม่ติดใจสืบอีก จึงเหลือพนักงานสอบสวนขึ้นเบิกความ 3 ปาก ในวันที่ 31 พ.ค. โดยศาลอนุญาตให้ทนายจำเลยที่ 21-29 ซึ่งในวันที่ 31 พ.ค. ไม่สามารถมาศาลได้ ทำการซักค้านในวันที่ 3 มิถุนายน พนักงานสอบสวนทั้ง 3 ขึ้นเบิกความว่า ได้รับแต่งตั้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ให้เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจในการสอบสวนคดีดังกล่าวร่วมกับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ และเจ้าพนักงานอัยการ โดยทั้ง 3 คน ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เผาศาลากลางที่เกิดขึ้น เพียงแต่ทำหน้าที่สอบสวนจำเลย รวมทั้งสอบสวนพยานบุคคล และดูภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ที่ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้ แล้วออกเป็นหมายจับ พ.ต.ท.จเด็จ ตรีพูล ซึ่งเป็นผู้รวบรวมหลักฐานส่งให้คณะกรรมการสอบสวนออกหมายจับ ให้การว่าส่วนใหญ่จะพิจารณาจากภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งถึงแม้จะมีเพียงภาพเดียว แต่ถ้าเห็นหน้าชัดเจนก็จะออกหมายจับ ทั้งนี้จำเลยที่ถูกออกหมายจับ บางคนมีภาพกลิ้งยางเข้ามาในศาลากลางก่อนเกิดเพลิงไหม้ บางคนมีภาพอยู่ใกล้ชิดกองยางที่กำลังลุกไหม้นอกอาคาร บางคนมีภาพชี้ไม้ชี้มือ บางคนถูกออกหมายจับเพราะเชื่อว่าเป็นแกนนำ โดยไม่มีภาพในการร่วมก่อเหตุ แต่ในที่นี้พยานไม่ยืนยันภาพถ่ายที่อัยการอ้างส่งว่าเป็นภาพของจำเลยคนใดเนื่องจากภาพไม่ชัดเจน ส่วนจำเลยที่ถูกจับในที่เกิดเหตุ ซึ่งบางคนถูกจับอยู่นอกรั้วศาลากลาง แต่ชุดจับกุมให้การว่าวิ่งออกมาจากในรั้ว ถึงแม้จะไม่มีภาพถ่ายเป็นหลักฐาน แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ ทั้งนี้ การสอบสวนในวันเกิดเหตุ พยานไม่รู้ว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บจากการเข้าจับกุมด้วย และชุดจับกุมไม่ได้ส่งวัตถุที่อ้างว่าใช้ในการก่อเหตุ เช่น ไม้ ขวดน้ำมัน เลย พ.ต.ท.วิจิตร บุญวรรณ ทำหน้าที่รับตัวผู้ต้องหาในวันเกิดเหตุ และสอบสวนจำเลย รวมทั้งพยานบุคคลอื่นๆ เช่น ผวจ., ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งมีพยานที่ยืนยันตัวจำเลยบางคนว่าเป็นคนกลิ้งยางหรือถือไม้วิ่งไปรอบๆ อาคารศาลากลาง แต่ไม่มีพยานคนไหนเห็นว่าใครเป็นผู้จุดไฟเผาศาลากลาง อีกทั้ง พยานยังรับว่าจากภาพถ่าย เห็นจำเลยที่ 12 ปีนขึ้นไปปลดพระบรมฉายาลักษณ์ลงมา ขณะไฟกำลังจะลุกไหม้อาคาร นอกจากนี้ การไปรับตัวผู้ต้องหาในวันเกิดเหตุ พยานไม่เห็นว่ามีใครบาดเจ็บ แต่เห็นผู้ต้องหา 1 คน พันศีรษะด้วยผ้าพันแผล และไม่มีของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ พ.ต.ท.สุริยันต์ จินดาวรรณ ได้รับมอบหมายให้สอบปากคำพยานและจำเลย โดยเป็นผู้สอบปากคำนายสันติภาพ สมรูป ประจักษ์พยานที่ไม่สามารถติดตามตัวมาให้การในชั้นศาลได้ ซึ่งนายสันติภาพได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า รับจ้างขนยางมาศาลากลาง และได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้ ในภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวปรากฏรูปนายสันติภาพเห็นใบหน้าชัดเจน แต่กรรมการชุดสอบสวนไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ นอกจากนี้ ในการสอบสวนนายสันติภาพ ซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ก็ไม่ได้จัดให้มีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์เข้าร่วมตามที่กฎหมายบังคับ รวมทั้งไม่มีพนักงานอัยการเข้าร่วมตามมติของคณะกรรมการคดีพิเศษที่ 3/2553 ทั้งนี้ หลังการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นลง นัดต่อไปจะเป็นการสืบพยานจำเลย ซึ่งทนายจำเลยแถลงขอไว้ 12 นัด เท่าการสืบพยานโจทก์ แต่จากการที่พนักงานอัยการได้เลื่อนการสืบพยานโจทก์จนกินเวลานัดสืบพยานจำเลยซึ่งได้นัดไว้เดิม จนเหลือเวลาการสืบพยานจำเลยจำนวน 61 ปาก อีกเพียง 4 วัน และศาลก็ได้เร่งการสืบพยานให้จบภายในนัด จึงได้ขยายเวลา การสืบพยานจำเลยออกไปจนถึง 20.30 น. ของทั้งสี่วัน(21-24 มิ.ย.54) ซึ่งทนายจำเลยมีความเห็นว่าอาจทำให้การสืบพยานจำเลยเป็นไปโดยไม่เต็มที่และเกิดความเครียดได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท