Skip to main content
sharethis

เชื่อว่าเกือบทุกพรรคการเมืองในประเทศไทย ต้องบรรจุเรื่องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ไว้ในนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ทุกเวทีดีเบต หรือเวทีประชันนโยบายของผู้สมัครจากพรรคต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จึงต้องให้มีการแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายในเรื่องนี้ไว้ด้วย อย่าง 2 เวทีที่จัดขึ้นที่จัดขึ้นในช่วงวันสองวันนี้ เวทีแรก คือ รายการข่าวสามมิติของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อเวลา 22.30 น.ของวันที่ 11 มิถุนายน 2554 ถ่ายทอดสดจากลานหน้าหอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เวทีนี้มี 3 ผู้สมัครของพรรคที่ส่งลงเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ลำดับที่ 3 พรรคมาตุภูมิ นายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครเขต 6 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมพงษ์ สระกระวี ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา พรรคเพื่อไทย อารีเพ็ญขอยกระดับเจรจาดับไฟใต้ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ พรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่สามารถแก้ได้ภายใน 4 ปี แต่ต้องค่อยๆ แก้ไข เพราะปัญหามันมีความซับซ้อนมาก “ต้องยกระดับการเจรจากับขบวนการก่อความไม่สงบ เพราะต้องยอมรับว่า ขบวนการมีจริง เราต้องมาคุยว่าที่เขาต่อสู้และเคลื่อนไหวนั้น เขาต้องการอะไรและมีเงื่อนไขอะไร ที่จะทำให้เขาสามารถยุติความรุนแรง ส่วนภาครัฐเองต้องไม่ใช้ไม้แข็งในการแก้ปัญหา” นายอารีเพ็ญ เสนอยุบ ศอ.บต.(ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) โดยตั้งทบวงบริหารกิจการจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามาแทนที่ เพื่อขจัดปัญหางบประมาณทับซ้อน มีรัฐมนตรีควบคุมดูแลโดยตรงส่วนตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีไม่เน้นว่าต้องเป็น ส.ส.อาจเป็นข้าราชการก็ได้ ถ้ามีความเหมาะสม นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า จะนำเรื่องทบวงกิจการจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามาเป็นเงื่อนไขในการต่อรองเพื่อร่วมรัฐบาล ‘ถาวร’ ขอคุมชายแดนใต้ต่อ นายถาวร กล่าวว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 4 ปีเช่นกัน การแก้ปัญหาต้องเน้นปรับทัศนคติที่มีต่อชาวมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมยกระดับอัตลักษณ์ชาวมลายูมุสลิม และต้องถอนกำลังทหารจากภาคอื่นออกไป คงไว้เฉพาะทหารในกองทัพภาคที่ 4 เพื่อสร้างความเอกภาพในสายบังคับบัญชาของทหาร นายถาวร กล่าวว่า ต้องคงไว้โครงสร้าง ศอ.บต.ดังเดิม แต่เพิ่มงบประมาณให้มากขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเน้นแก้ปัญหาความยากจน โดยที่ตนเองจะรับผิดชอบดูแลปัญหาชายแดนภาคใต้ต่อไป เพื่อสานงานเก่าที่ยังคั่งค้างให้แล้วเสร็จ ‘เพื่อไทย’ ยัน 4 ปีดับไฟใต้ได้แน่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะสามารถแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แน่นอน โดยจะทุมสรรพกำลังลงมา แต่จะเปลี่ยนจากรถถังเป็นรถไถ ให้ทหารมาทำงานมวลชนให้เต็มที่ และจะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมให้เข้มแข็ง นายสมพงษ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาไม่ต้องเน้นเรื่องโครงสร้างการเมืองการปกครอง เพราะโครงสร้างไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ควรเน้นการสร้างความเข้าใจ เน้นงานพัฒนามากกว่างานปราบปราม เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อชาวมุสลิมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ “พรรคเพื่อไทยจะไม่แก้ไขโครงสร้างการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ แต่จะเร่งสร้างความเข้าใจต่อประชาชน”นายสมพงษ์ กล่าว ส่วนอีกเวทีมีขึ้นก่อนหน้านั้นในเวลา 18.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2554 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี มีผู้สมัคร ส.ส.จาก 5 พรรคมาร่วม โดยมีประเด็นหลักคือนโยบายการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การศึกษาและเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์สานต่อศูนย์กลางอิสลามศึกษา ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา ผู้สมัคร ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 41 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เดือน ธันวาคม ปี 2553 ศอ.บต.(ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) ได้ประกาศให้เพิ่มจังหวัดสตูลและสงขลา อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะกิจ เป็น 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนตัวเห็นว่า การรวม 2 จังหวัดดังกล่าวเข้ามาร่วมอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สามารถทำให้เกิดการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น การลงทุนทางด้านการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือน้ำลึกของจังหวัดสงขลาออกไปสู่ต่างประเทศ และความร่วมมือลงทุนการค้าระหว่างประเทศทั้ง AFTA (เขตการค้าเสรีอาเซียน) หรือ IMT-GT(สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย) สำหรับนโยบายด้านการศึกษาในพื้นที่คือ ยึดมั่นที่จะสานต่อวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พัฒนาให้เป็นสถาบันศูนย์กลางอิสลามศึกษานานาชาติ ‘หมอแว’ชูส่งเสริมสหกรณ์ปลอดดอกเบี้ย นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 พรรคแทนคุณแผ่นดิน กล่าวว่า จะยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) และต้องเกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งความไม่สงบ เนื่องจากเป็นเพียงผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ทั้งต้องยอมรับว่ากองทัพมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นโยบายหลักด้านการศึกษา คือ เน้นการผลิตคนที่มีความรู้ และมีคุณธรรม จริยธรรมทางศาสนา รวมถึงต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ นโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นการพัฒนาอุสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อส่งออกสินค้าไปยังตะวันออกกลาง ส่งเสริมสหกรณ์ปลอดดอกเบี้ย และผลักดันให้จังหวัดนราธิวาสเป็นประตูสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ชาติไทยฯ ดันอุตสาหกรรมฮาลาล-ท่าเรือปากบารา นายมูฮำหมัดซุลฮัน ลามะทา ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 76 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า จะเน้นสวัสดิการแก่นักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนได้ศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาตรี นโยบายด้านเศรษฐกิจ จะผลักดันอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลให้เป็นที่รู้จักในประเทศแถบตะวันออกกลางและประเทศอินเดีย และเพิ่มการขนส่งสินค้าแบบโลจิสติกส์ผ่านท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล เห็นด้วยกับการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ต้องดูสถานการณ์ในช่วง 5 - 6 เดือนก่อนยกเลิกว่า ดีขึ้นหรือไม่ แต่ต้องเอาทหารนอกพื้นที่ออกไป เหลือไว้เพียงทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 4 เท่านั้น เนื่องจากทหารเหล่านั้น เป็นคนในพื้นที่ มีความเข้าใจวัฒนธรรม และสามารถสื่อสารกับประชานในพื้นที่ได้อย่างเข้าใจ อยากให้มีการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นมากกว่านี้ เพื่อให้มีงบประมาณในการบริหารจัดการกันเองในท้องถิ่น โดยหวังผลการแก้ปัญหาภายใน 4 ปี เพื่อไทยปัตตานีชูเลือกตั้งผู้ว่าฯ สอน 3 ภาษา นายสมมารถ เจ๊ะนา ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 4 พรรคเพื่อไทย นโยบายด้านการศึกษาของพรรคเพื่อไทย คือ การผลักดันภาษาจีนเป็นภาษาหลัก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ทุกคนต้องเรียนรู้ และภาษามลายูเป็นภาษาท้องถิ่น การจัดตั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นนครปัตตานี ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย จะสามารถแก้ปัญหาในชายแดนภาคใต้ได้ โดยจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการนครปัตตานี และยกเลิก ศอ.บต. ตอนนี้พรรคได้ร่างกฎหมายจัดตั้งนครปัตตานีเสร็จแล้ว หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งครั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการจัดตั้งนครปัตตานีภายในไม่เกิน 1 ปี มาตุภูมิตั้งทบวงดับไฟใต้ นายมูฮัมหมัดอารีฟีน จะปะกียา ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 2 พรรคมาตุภูมิ นโยบายด้านการศึกษาของพรรคมาตุภูมิ คือ เปิดศูนย์การศึกษาทางไกลและศูนย์การศึกษานานาชาติ เพื่อเป็นตลาดรองรับแรงงานต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบตะวันออกกลาง นโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นด้านการท่องเที่ยว โดยการพื้นฟูสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เช่น น้ำตกปาโจ อ่าวมะนาว หรือป่าบาลาฮาลา ในจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และให้เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่และนอกพื้นที่มากขึ้น เห็นด้วยกับการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยลดกำลังทหาร คงเหลือไว้เพียงทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 4 และเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้านแทนกำลังทหารที่ลดไป การจัดตั้งทบวงเพื่อดูแลจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ จะสามารถแก้ปัญหาในชายแดนภาคใต้ได้ แต่ยังคงศอ.บต.ไว้ และมีรัฐมนตรีทบวง 1 คน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพื้นที่ แต่ต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net