Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ภาพขณะที่ประธานาธิบดีลินคอล์นปราศรัยเมื่อปี ค.ศ.1865 ถือได้ว่าความสำเร็จของการเป็นผู้นำของประธานาธิบดีท่านนี้คือการนำพาประเทศสหรัฐอเมริกาให้ผ่านพ้นจากความบอบช้ำอย่างหนักจากสงครามกลางเมือง ไปสู่ความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างแท้จริง และเป็นบทบาทฐานนำไปสู่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมในที่สุด ในบทความ จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 3 \ผมถูกยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชน” นั้น จากที่เคยออกปากว่าจะหาทางปรองดอง และปล่อยให้เพียง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นคนป่าวประกาศว่าแดงเผาบ้านเผาเมือง ส่วนอธิบดีดีเอสไอก็มีหน้าที่จับคนที่เห็นต่างเข้าคุก บัดนี้ นายอภิสิทธิ์ คงเห็นว่าไม่ได้ผล เขาจึงลงมือเล่นบทบาทสร้างความชั่วร้ายให้ขั้วการเมืองอีกขั้วหนึ่งด้วยตนเอง เขากล่าวหาว่ากลุ่มคนเสื้อแดงพยายามยั่วยุเพื่อทำลายบ้านเมืองและเมื่อ “ไม่ประสบความสำเร็จมาคราวนี้ปิดจุดอ่อนคราวที่แล้วด้วยการเพิ่มกองกำลังติดอาวุธ...มีการตั้งกองทัพประชาชนซึ่งสื่อมวลชนเรียกขานว่า \"กองทัพแดง\"” เขายังบรรยายถึงพฤติการณ์ที่สมควรประณามของ “กองทัพแดง” ว่า “....มีการยั่วยุด้วยการยิง M 79 ในสถานที่ต่าง ๆและมีการเคลื่อนมวลชนไปหลายสถานที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก และยังมีการใช้มวลชนกดดันทหารที่อยู่ในที่ตั้ง...” ที่เลวร้ายกว่านั้นคือการเรียกขานการสังหารหมู่ที่สี่แยกคอกวัวว่าเป็น “สงครามเต็มรูปแบบ” โดยบอกว่า “จากนั้นสงครามเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้นที่สี่แยกคอกวัวหลังคำประกาศบนเวทีราชประสงค์ของนายอริสมันต์ไม่นาน มีชายชุดดำแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมใช้คนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์เป็นเกราะกำบัง โจมตีทหารจนเกิดการสูญเสียชีวิตทั้งทหารและประชาชน” ซึ่งล้วนเป็นข้อพิสูจน์ที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเองยังไม่กล้าสรุปเช่นนั้น แม้จะใช้เวลาสืบสวนสอบสวนมาเนิ่นนาน การพยายามสร้างความชั่วร้ายให้ฝ่ายตรงข้าม การพยายามยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่ออีกฝ่ายหนึ่ง (vilification) ดูเหมือนจะเป็นยุทธวิธีของหมาจนตรอก มากกว่าจะเป็นวิธีการอันเหมาะสมสำหรับนักการเมืองที่ประกาศตนเองว่าจะหาทาง สร้างความสมานฉันท์ขึ้นมาในสังคมที่แตกแยกให้ได้ น่าเสียดายที่นายอภิสิทธิ์เคยประกาศว่า เขาจะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ แต่เมื่อผลการสำรวจความเห็นล่าสุดที่ระบุว่า คะแนนเสียงของตนเป็นรองพรรคคู่แข่งอย่างมาก เขาจึงงัดไม้ตายเช่นนี้ออกมาเพื่อตัดคะแนนเสียงพรรคตรงข้ามเผยให้เห็นธาตุแท้ว่า อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยคิดจะเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศเลย หากแต่ของคนบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของพรรคการเมืองเขาเท่านั้นเอง เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม ค.ศ.1865 หรือ 150 กว่าปีก่อน ทั้งๆที่ฝนตกก่อนหน้านั้นนานนับสัปดาห์ บ้านเมืองเต็มไปด้วยน้ำและโคลน คนอเมริกันต่างพร้อมใจกันยืนตากฝนแช่น้ำเพื่อรอฟังคำแถลงในวาระการขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีครั้งที่สองของ นายอับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ที่หน้ารัฐสภาซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ที่รัฐเพ็นซิลเวเนีย ในวันนั้น ประชาชนชาวอเมริกันเพิ่งจะผ่านสงครามกลางเมือง (American Civil War) ที่ยืดเยื้อถึงห้าปี และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึงกว่าครึ่งล้าน เป็นสงครามแบ่งแยกประเทศระหว่างฝ่ายเหนือและใต้ แต่ต่างจากนายอภิสิทธิ์ที่เลือกเป็นผู้นำของคนเพียงบางกลุ่ม และทำหน้าที่เพียงตอกลิ่มบาดแผลให้ร้าวลึกยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีลินคอล์นเลือกที่จะเป็นผู้นำประเทศของ “ประชาชนอเมริกัน” ทุกหมู่เหล่า โดยไม่ได้เลือกว่าจะเป็นฝ่ายเหนือหรือฝ่ายใต้ ในย่อหน้าสุดท้ายของคำแถลงของเขาฟังแล้วไพเราะจับใจ หวังว่าจะเป็นอนุสติเตือนนายอภิสิทธิ์ว่า ถ้าเขาต้องการเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศอย่างแท้จริง เขาควรจะเริ่มจากการบ่มเพาะความให้อภัยในจิตใจของตนเอง ละเว้นการกล่าวโทษคนที่คิดตรงข้ามกับตน ข้อความที่ประธานาธิบดีลินคอล์นกล่าวมีดังนี้ “ขอให้เราละเว้นจิตประทุษร้ายต่อผู้ใด ขอให้เราแผ่เมตตาแด่ทุกคน ขอให้เชื่อมั่นในพระวจนะที่ชี้ทางอันชอบให้กับเรา ขอให้เราต่างพยายามดำเนินงานที่มีอยู่ให้ลุล่วง ช่วยสมานบาดแผลของประเทศชาติ ช่วยอุ้มชูดูแลผู้ที่มีส่วนร่วมในการสู้รบ ช่วยกันเยียวยาภรรยาม่ายและลูกกำพร้าของพวกเขา ช่วยกันทำสิ่งทั้งปวงอันจะนำเราไปสู่สันติภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืนสำหรับพวกเราทั้งหลาย และสำหรับประชาชาติทั้งปวง” “With malice toward none

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net