ประชาไทบันเทิง: Planking อินเทรนด์แบบสลิ่ม

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ขณะเดินช้อปอยู่ที่ดิเอ็มโพเรียมกับแม่ “ม้า...ถ่ายรูปให้หน่อยสิ” (แม่ไม่ได้ชื่อม้า แต่ย่อมาจาก หม่าม้า น่ะค่ะ) จากนั้นก็ยื่นมือถือไอโฟน4 สีขาวตัวล่าสุดให้ ในขณะที่ดิฉันกำลังจะลงไปนอน Planking ที่โซฟาหนานุ่มในช็อปซูเปอร์แบรนด์ที่ข้างหลังเป็นดิสเพลย์ของต่างๆ หรูหราราคาแพง (เป็นไฮโซ จะมา Plank กะโหลกกะลาอาลาเร่ข้างถนนเหมือนคนอื่นๆ ได้ไงคะ) “แกทำอะไรของแกน่ะ มานอนตรงนี้ทำไม ลุกขึ้นมา อายเค้า ไม่มีมารยาท” แม่ไม่พูดเปล่ารีบฉุดให้ลูกสาวลุกขึ้นก่อนที่พนักงานจะวิ่งกรูมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น “ก็ Planking ไงม้า...ไม่รู้จักเหรอ ฮิตจะตาย ใครๆ ก็ทำกัน” “แพล้งเพลิ้งอะไรไม่รู้ มานอนเหมือนคนตาย ไม่มีมารยาท ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” บทสรุปของวันนั้นคือดิฉันไม่ได้ Plank และไม่มีรูป Planking อวดโฉมเพื่อนๆ ให้มากดไลค์ในเฟซบุ๊กอีกเลย สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่ายิ่งลักษณ์กับอภิสิทธิ์คงเคือง ที่เนื้อที่ข่าวหน้าหนึ่งและข่าวทุกสำนักเทให้กับข่าวที่ไม่เป็นข่าวอย่างการทำ Planking ที่ระบาดไปทั่วโลก (ซึ่งต่อมาในบ้านเราคือการทำ ‘พับเพียบ’ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมบอกว่ามาทำอะไรที่เป็นไทยๆ ดีกว่า ดิฉันล่ะกลั้ว...กลัว เพื่อชาวต่างชาติจะเข้าใจผิดว่าเจอกันต้องลงนั่งกับพื้นพับเพียบพนมมือสวัสดี เหมือนที่มันเคยเข้าใจว่าประเทศไทยยังต้องขี่ข้างไปไหนมาไหนอยู่ จากการที่เราโหมประโคมการท่องเที่ยวแบบเอ็กโซติคขี่ช้างท่องเที่ยวที่ผ่านมา) ภาพโดย TheeErin (CC BY-SA 2.0) https://www.facebook.com/pubpeab หลังจากตกปากรับคำแลกกับอาหารอิตาเลี่ยนกับทางประชาไทไปเมื่อหลายวันก่อนว่าจะเขียนเรื่อง Planking (คาดว่าวันนั้นทางทีมงานคงเหวอ...ที่เห็นดิฉันปรากฏกายที่สยามสแควร์ในโค้ตกันลมกันฝนผ้าไนล่อน ทั้งๆ ที่แดดร้อนจนตับจะแตก) พอมานั่งคิดดีๆ ก็อับจนปัญญาว่าแล้วจะเขียนถึงว่าอย่างไรดี (วะ) อย่างที่ข่าวทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ได้นำเสนอไปหมดแล้ว ว่า Planking นั้น เป็นปรากฏการณ์ไร้สาระที่เกิดจากหนุ่มน้อยสองคนจากเกาะอังกฤษเมื่อ 14 ปีที่แล้ว นามว่า Gary Clarkson วัย 15 ปี และ Christian Langdon วัย 12 ปี ที่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ จริงหาวิธีเล่นแผลงๆ โดยการนอนคว่ำหน้ากับพื้นที่พื้นที่สาธารณะให้คนงุนงงสงสัยเล่นๆ ไม่ได้มีประเด็นอันใด ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้เรียก Planking แต่เรียกว่า The Lying Down Game ช่วง 10 ปีแรก ก็มีคนเล่นตามบ้างคือเพื่อนๆ ที่โรงเรียนและเด็กแถวๆ บ้าน แต่หลังจากที่พวกเขาสร้างเพจบนเฟซบุ๊กขึ้นในปี 2007 ก็เริ่มมีแฟนเพจมากขึ้นเป็นหลักพัน และภาพถ่ายการ The Lying Down Game ก็เริ่มเผยแพร่ไปตามทุกหัวระแหงของโลก เริ่มมีคำนำไปเล่นบ้างไม่ว่าจะทั่วทั้งอังกฤษ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา จนมาถึงทุกวันนี้ที่กลายเป็น ‘ของฮิต’ เล่นกันทั่วโลกนั้นก็เนื่องมาจากนักรักบี้ชาวออสเตรเลีย David Wolfman William ทำ Planking ในเกมการแข่งขันหลังจากที่เขาวางทรัยได้ และเด็กหนุ่มชาวออสเตรเลียที่ริอาจเล่นแผลงๆ Planking บนขอบตึกจนตกตึก 7 ชั้นเสียชีวิตเป็นข่าวใหญ่โต แทนที่จะเข็ดกันปรากฏว่ากลับยิ่งทำให้การ Planking เป็นที่รู้จักและผู้คนสรรหาวิธีการ Plank แปลกๆ มากขึ้น ครั้นพอจะต้องเขียนถึงการ Planking ดิฉันก็เริ่มตื้อตันว่าจะเขียนถึงมันในประเด็นอะไร จากจุดกำเนิดของ Planking ก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นการกระทำที่ Pointless คือไม่มี ‘ประเด็น’ หรือสารัตถะอะไร แล้วเรื่องที่ไม่มีประเด็นหรือสารัตถะอะไร ทำไมมันถึงได้ดังข้ามโลกได้ถึงขนาดนี้ ปรากฏการณ์ Planking เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ช่องทางการสื่อสารที่ทรงพลังในยุคปัจจุบัน ถ้าหากหยิบจับประเด็นเก่าๆ อย่าง Global Village หรือ Globalization ที่ข้อมูลข่าวสารในโลกนี้ล้วนถ่ายเทถึงกันได้เมื่อมีอินเทอร์เน็ต มาพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารไร้พรมแดน หรือโลกนี้ไร้พรมแดน คนที่ออสเตรเลียฮิต Planking ได้ คนไทยก็ฮิต Planking ได้เช่นกัน แต่คำว่า Globalization นั้นคงต้องจำกัดอยู่ที่ปรากฏการณ์ที่ไม่ทำลายความเป็นชาติ (ในจินตนาการ) เพราะแม้เราจะ Planking ได้ในช่วงเวลาที่คนออสเตรเลียหรือคนทั่วโลกเขาฮิตกัน หรืออีกไม่กี่ปีกี่วัน ประชาคมอาเซียนก็จะรวมตัวกันเป็นหนึ่ง แต่วันนี้ ตอนนี้ เราก็ยังเถียงกันอยู่เลยว่าใครเป็นเจ้าของเขาพระวิหาร พรมแดนน่ะมีจริง...โลกเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่โลกเลย เอาอาเซียนให้ได้ก่อนเถอะ หรือแม้แต่จะนั่งคิดให้ตายว่าว่า Planking นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่อยู่ในหมวดหมู่ของ Pop Culture หรือเปล่า (ดิฉันพยายามจะลากให้ตัวเองดูดี มีความรู้ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ) ก็จะเห็นได้ว่าอย่างน้อยใน Pop Culture มันก็มีสารัตถะของการต่อต้านขัดขืน (บางอย่าง) การส่งอิทธิพลครอบงำซึ่งพฤติกรรมการบริโภค หรืออะไรที่ออกจะ Absurd หน่อยๆ ก็จะเห็นได้ว่า Planking ก็ไม่ใช่ Pop Culture อย่างที่เราพอ (จะเสียเวลา) มานั่งวิเคราะห์เป็นคุ้งเป็นแควได้ แต่มีข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ว่า ไอ้เด็ก (วัยรุ่น) สองคนที่คิด Planking ขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังพอมีสารัตถะการ Amuse หรือยุแหย่ ให้เกิดความฉงนสนเท่แก่คนทั่วไปที่พบเห็นว่าอยู่ดีๆ มานอนคว่ำหน้าบนทางเท้า บนถนน ทำไม ป่วยไข้ เป็นลม หรือตายไปหรือเปล่า แต่ Planking ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นการประกวดประขันกันว่าใครจะทำ Planking ได้สนุกสนาน ตลกโปกฮา ช่างคิดหาสถานที่ ที่ที่ทำ Planking ได้มากกว่ากัน (ก็ถึงได้ตกลงมาตายไงล่ะ) มันกลายเป็นการลดรูปของการเล่นสนุกกับสาธารณชน (ซึ่งอาจจะไม่มีประเด็นอะไร แต่ก็สามารถเรียกร้องความสนใจ ตั้งคำถาม หรือความฉงนสงสัยได้) มาเหลือเพียงการเล่นสนุกกับคนในเฟซบุ๊ก! ที่จริงการทำ Planking แล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพื่ออวดความคิดสร้างสรรค์เชิงไม่สร้างสรรค์นี้ (เรียกร้องความสนใจให้คนมากดไลค์และคอมเมนต์) ก็ไม่ต่างอะไรกับบรรดาเด็กแว้นสาวสก๊อยตามสะพานพุทธทั้งหลาย ที่จริงๆ แล้วอาจไม่มีสารัตถะของการรวมกลุ่มที่แน่นอน ไม่มีประเด็น แต่แค่เป็นการเรียกร้องความสนใจ ถูกตั้งคำถาม สงสัย จากสาธารณชน ด้วยการรวมตัวกัน การบิดมอเตอร์ไซต์ให้เสียงดังเข้าไว้ (ทั้งๆ ที่แรงขับเคลื่อนก็มีเท่านั้นแหละ) หรือขับฉวัดเฉวียน เวียนหัว เสี่ยงตายและเสี่ยงตีนเข้าไว้ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน และอาจตายได้จากรถชน รถคว่ำ เช่นเดียวกันกับพวกที่ทำ Planking ที่เล่นพิเรนทร์จนอาจตกตึกลงมาตาย เพียงแต่ด้วยทัศนคติของชนชั้น Planking มันจึงดูเก๋ไก๋ไฮโซ เทรนดี้พีเพิ่ลกว่าเป็นไหนๆ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ในเชิงปรากฏการณ์ของการเรียกร้องความสนใจของวัยรุ่นนั้นไม่ต่างกัน แต่อาจต่างกันแค่เพียงพื้นที่และชนชั้น ความอันตรายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย ในเมื่อเราไม่สามารถจัดประเภทของ Planking ในหมวดหมู่ของ Pop Culture ได้ สิ่งที่เหลือก็คงต้องบอกว่ามันเป็นเพียง ‘เทรนด์’ (หรือกระแสความฮิตของคนกลุ่มหนึ่งในสังคม) เท่านั้นเอง มันเป็นเทรนด์ที่ตามง่าย ด้วยการลดทอนรูปแบบ ข้อจำกัดทั้งหลาย อย่างเช่น เทรนด์ซีซั่นนี้ของแอร์เมส....เก๋กว่าการทำ Planking อีก อยากตามแทบตายแต่ตามไม่ได้ เพราะไม่มีปัญญาซื้อแอร์เมส หรือการ Levitating (การกระโดด) ที่มาพร้อมกับ Planking กับ Pubpeab (พับเพียบ) ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เวลาไปเที่ยวปารีส ดิฉันก็ไปกระโดดถ่ายรูปกับหอไอเฟล ไปทัชมาฮาล หรือไปเรด สแควร์ที่มอสโก ดิฉันก็กระโดด มันเป็นสิ่งที่ทำกันทั่วไป เพียงแต่หากต้องตามเทรนด์นี้ คุณจะต้องเดินทางไปถึงปารีส หรือมอสโคเท่านั้นเอง (ไม่ได้อยากจะอวดหรอกค่ะ แต่อยากจะบอกว่าสารัตถะของความงี่เง่านี้คือ ‘สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของโลก’ ไม่ใช่การกระโดด) ซึ่งการทำ Planking บางอย่างก็พ่วงด้วยประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Planking Nude ของศิลปิน หรือการ Planking ตามสถานที่สำคัญๆ ของโลก ที่ตอนนี้ถูดลดรูปมาเหลือเพียงที่ไหนก็ได้ ที่โพสต์รูปลงเฟซบุ๊กแล้วคนจะฮา เข้ามากดไลค์ หรือนี่จะเป็นการ Absurd ของสลิ่ม ? สารัตถะบางอย่างถูกลดรูปหายไป เหลือเพียงการได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ (อย่างเช่นพับเพียบ สารัตถะของมันคืออะไร การต่อต้าน Planking ? การแสดงความเป็นไทย ?) และการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์โดยไม่ได้คิดถึงแก่นแท้ หรือการได้เสพที่แท้จริง หากจะโยงเข้ากับสิ่งที่คำ ผกา เคยพูดเรื่องบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ซึ่งเธอยกตัวอย่างว่าเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสลิ่มที่ทำให้คนได้เข้าถึงการกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ที่จริงๆ แล้วได้เสพแค่กลิ่นปลอมๆ ของความเป็นญี่ปุ่น Planking ก็อาจเป็นแค่เทรนด์ของสลิ่มเช่นนั้นเอง (หากเราคิดมากไปกว่านั้น ทั้งอายุ ไลฟ์สไตล์ของคนเล่น คนใช้เฟซบุ๊ก โซเชียลเน็ตเวิร์กรองรับคนกลุ่มไหน ทำไมไม่เห็นมีชาวนาคนไหนไป Planking บนสันเขื่อน หรือบนเถียงนาตกลงมาตาย) หรืออาจจะพูดหยาบๆ ได้ว่าเป็นเรื่องสนุกๆ ของสลิ่มเค้าเล่นกัน (เป็นกิจกรรมที่สามารถเข้ารวมกลุ่มตามกระแสความฮิตได้อย่างง่ายด้วยการลดทอน ลดรูปของความยุ่งยากทั้งทางชนชั้น เศรษฐกิจ สติปัญญา และปัญหาทางการเมือง) แต่ขอบอกไว้ ณ ที่นี่ว่า ดิฉันแค่ยกคำพูด ความคิดของคนนั้น คนนี้มาจับต้นชนปลายกันเฉยๆ นะคะ ไม่ได้มีปัญหากับสลิ่ม หรือใครอะไรทั้งนั้น และไม่อยากให้ใครมาตั้งแฟนเพจแบบว่า มั่นใจว่าสลิ่มเกินล้านคนเกลียด รุ้งรวี ศิริธรรมไพบูลย์ อะไรเทือกนั้นด้วย จนถึงวันนี้หน้าเฟซบุ๊กของดิฉันดูเหมือนจะไม่มีใครเล่น Planking หรือ Pubpeab อีกแล้ว ก็เป็นไปตามกฎของเทรนด์ที่ว่า อะไรที่มันมากเกินไป มีคนทำตามเยอะแยะ ก็กลายเป็นของโหล เป็นสิ่งที่ไม่เก๋ ไม่ใหม่ ไม่คูลที่จะทำอีกต่อไปแล้ว เอาต์มากๆ ดิฉันผู้ซึ่งพลาดเทรนด์นี้ไปอย่างน่าเสียดาย เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะ Planking ตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เค้าเลิกฮิต เลิกทำกันแล้ว ก็เลยคิดว่า เดี๋ยว 3 กรกฎาคมนี้ ตัดสินใจว่าจะ Planking ก็ถ้าโหวต NO เดี๋ยวจะหาว่าเป็นเหลือง เลือกเบอร์ 1 ก็หาว่าเป็นแดง เลือกเบอร์ 10 ก็หาว่าเป็นอำมาตย์ เลยตัดสินใจ Planking อยู่บนเตียงที่บ้าน อ้อ! อย่าหาว่าดิฉันเป็นสลิ่มนะคะ เพราะการ Planking ครั้งนี้ ไม่ Pointless ค่ะ มีประเด็นทางการเมือง ไม่สลิ่มแน่นอน! หมายเหตุ รุ้งรวีขอให้ บ.ก. แก้ไขตามที่คุณ sayway ทักท้วงมาแล้วนะคะ ขอบคุณมากมายค่ะ ขออภัยในความผิดพลาด อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนสวยเลยนะคะ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท