Skip to main content
sharethis

โฆษกพันธมิตรฯ เตรียมประกาศยุติการชุมนุม 1 ก.ค. พร้อมขอบคุณ “สุวิทย์” ถอนประเทศไทยออกจากมรดกโลก อ้างเขาพระวิหารเป็นของไทย ต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และหลังจากนี้ต้องผลักดันชาวกัมพูชา-ไม่ปล่อยให้บริหารปราสาท โฆษกพันธมิตรฯ ประกาศขอบคุณ \สุวิทย์\" ถอนประเทศไทยออกจากมรดกโลก เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวต่อสื่อมวลชนในการแถลงข่าวประจำวันถึงกรณีที่ประเทศไทยได้ถอนตัวออกจาก การเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก โดยประกาศเป็นจุดยืนของพันธมิตรฯ และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรจำนวน 8 ข้อ ดังนี้ ตอนหนึ่งนายปานเทพกล่าวว่า การที่คณะผู้แทนไทยได้ดำเนินการถอนตัวตามคำเรียกร้องของภาคประชาชน นั้น ภาคประชาชนขอขอบคุณนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าผู้เจรจามรดกโลก ที่ได้ตัดสินใจถอนตัว แม้จะมีแรงกดดันขอให้เสนอเลื่อนการพิจารณาวาระแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาท พระวิหารจากทั้งรัฐบาลไทยและข้าราชการเป็นจำนวนมาก “ภาคประชาชนถือว่าการที่รัฐบาลตัดสินใจถอนตัวจากภาคีมรดกโลกเป็นการ ทำตามข้อเรียกร้อง 1 ใน 3 ข้อของภาคประชาชน ถือเป็นชัยชนะของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ถือเป็นความสำเร็จ 1 ใน 3 ข้อของการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน” อ้างเขาพระวิหารเป็นของไทย หลังจากนี้ต้องผลักดันชาวกัมพูชา-ห้ามไม่ให้บริหารปราสาท “ไทยต้องถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย หากได้เพียงการถอนตัวออกจากมรดกโลกแล้วปล่อยให้ยูเนสโกเข้าไป ขณะที่ทหารและชุมชนกัมพูชาอยู่ที่เดิม ปล่อยให้พัฒนาจนเป็นพื้นที่บริหารจัดการมรดกโลก ก็ถือว่าไทยล้มเหลวในทางปฏิบัติอยู่ดี การถอนตัวจากมรดกโลกก็จะสูญเปล่า ดังนั้นรัฐบาลและทหารไทยต้องดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย และไม่ปล่อยให้มีการเดินหน้าบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารและโดย รอบอย่างเด็ดขาด” นายปานเทพกล่าวด้วยว่า นับจากนี้ประเทศไทยจะต้องประกาศจุดยืนให้ชัดเจนอย่างแข็งขันในการยืนหยัด ที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะในเวทีศาลโลก ที่ประเทศไทยไม่เคยยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ดังนั้น ในเวทีศาลโลกไทยก็ไม่สมควรจะไปรับอำนาจศาลโลกอีก อีกไม่นานศาลโลกจะพิจารณาว่าจะออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้แก่กัมพูชาหรือ ไม่ หากเกิดคุ้มครองเท่ากับเราจะเสียเปรียบทันที ในทางกลับกันหากศาลโลกไม่ออกมามาตรการคุ้มครอง แต่ไทยไปดีใจก็เท่ากับยอมรับอำนาจศาล และจะต้องถูกนำคำวินิจฉัยเมื่อปี 2505 มาตีความเพิ่มเติม ดังนั้นไทยต้องไม่รับอำนาจศาลโลก ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลต่อเนื่องไปในอนาคต “เราขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ยืนหยัดต่อสู้กับพวกเราในครั้งนี้ เราถือว่าความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ถือว่าเป็นความสำเร็จของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ได้ช่วยกัน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนมา ณ โอกาสนี้” นายปานเทพกล่าว ประกาศยุติการชุมนุม 1 ก.ค. และจะรณรงค์โหวตโนต่อไป นายปานเทพตอบคำถามผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า สิ่งที่ภาคประชาชนคาดหวัง คือ หลังจากที่ถอนตัวจากมรดกโลกแล้ว ไทยต้องดำเนินการปกป้องอธิปไตยของชาติทันที หากยังคงดำรงสถานการณ์ปล่อยให้กัมพูชาอยู่ในพื้นที่ต่อไป ก็จะเปิดโอกาสให้กัมพูชาพัฒนาพื้นที่ไปได้เรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นมรดกโลกของกัมพูชาในทางปฏิบัติ ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลและทหารโดยตรงในการผลักดัน จึงถือว่าภารกิจยังไม่จบ จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องรณรงค์โหวตโน เพราะต้องการรัฐบาลที่จะมาแก้ปัญหานี้ นอกจากนี้ นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า หวังว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่ในการกดดันให้กัมพูชาปล่อยนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ออกมาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ นายปานเทพยังเปิดเผยด้วยว่า ทางคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย และกองทัพธรรมมูลนิธิ ได้ประชุมหารือกัน โดยมีมติว่าหลังจากที่รอดูสถานการณ์การประชุมมรดกโลกจนสิ้นสุดในวันที่ 29 มิ.ย.แล้ว จะมีการชุมนุมต่อไปถึงคืนวันที่ 1 ก.ค.ก็จะประกาศยุติการชุมนุมทั้งด้านสะพานมัฆวานฯ และสะพานชมัยมรุเชฐ โดยจะใช้เวลาในการเก็บอุปกรณ์ 4-5 วัน และใช้เวลาที่เหลือติดตามสถานการณ์อธิปไตยของชาติ รวมทั้งรณรงค์โหวตโนในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยสัญญาณถ่ายทอดสดของเอเอสทีวีจะเข้าสู่ห้องส่งเริ่มในวันที่ 2 ก.ค.เป็นต้นไป"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net